Search Resources
 
Login เข้าระบบ
สมัครสมาชิกฟรี
ลืมรหัสผ่าน
 
  homenewsmagazinecolumnistbooks & ideaphoto galleriesresources50 managermanager 100join us  
 
 


bulletToday's News
bullet Cover Story
bullet New & Trend

bullet Indochina Vision
bullet2 GMS in Law
bullet2 Mekhong Stream

bullet Special Report

bullet World Monitor
bullet2 on globalization

bullet Beyond Green
bullet2 Eco Life
bullet2 Think Urban
bullet2 Green Mirror
bullet2 Green Mind
bullet2 Green Side
bullet2 Green Enterprise

bullet Entrepreneurship
bullet2 SMEs
bullet2 An Oak by the window
bullet2 IT
bullet2 Marketing Click
bullet2 Money
bullet2 Entrepreneur
bullet2 C-through CG
bullet2 Environment
bullet2 Investment
bullet2 Marketing
bullet2 Corporate Innovation
bullet2 Strategising Development
bullet2 Trading Edge
bullet2 iTech 360°
bullet2 AEC Focus

bullet Manager Leisure
bullet2 Life
bullet2 Order by Jude

bullet The Last page


ตีพิมพ์ใน นิตยสารผู้จัดการ
ฉบับ กรกฎาคม 2535








 
นิตยสารผู้จัดการ กรกฎาคม 2535
"อภิรักษ์ วานิช-เขากำลังเดินรอยตามเอกพจน์"             
 


   
search resources

วานิชกรุ๊ป
อภิรักษ์ วานิช
เอกพจน์ วานิช




ด้วยวัยแค่ 27 ปีเมื่อวันที่ 4 มิถุนายนที่ผ่านมา ใครจะนึกว่าเด็กหนุ่มอย่างอภิรักษ์ วานิช จะต้องมารับภาระของธุรกิจตระกูล "วานิช" ที่ยังไม่มีใครประเมินมูลค่าทรัพย์สินแน่นอนได้

"สินทรัพย์ของทั้งเครือคงมีประมาณ 1,000 ล้านบาท" อภิรักษ์บอกกับ "ผู้จัดการรายเดือน" ถึงสิ่งที่หลายคนปรารถนาที่จะรู้

อย่างไรก็ตาม "ผู้จัดการ" ได้รับการบอกกว่าวว่าการประเมินสินทรัพย์ดังกล่าวของอภิรักษ์นั้น เป็นตัวเลขที่ต่ำกว่า "ความเป็นจริง" มากเพราะตระกูลวานิชมีสินทรัพย์มหาศาล ที่ว่ากันว่าเฉพาะที่ดินก็เกิน 1,000 ล้านบาทแน่นอน

สาเหตุที่อภิรักษ์จะต้องรับภาระเป็นแกนนำในการบริหารงานในเครือวานิชทั้งหมดนั้นก็เนื่องมาจากการเสียชีวิตของ "เอกพจน์ วานิช" อัครมหาเศรษฐีคนหนึ่งของเมืองภูเก็ตเมื่อปลายเดือนพฤษภาคมที่ผ่านมา

ในอดีต เอ่ยชื่อของเอกพจน์ วานิช ไม่เพียงคนในภูเก็ตเท่านั้น ที่รู้จักคน ๆ นี้แต่กล่าวกันว่า ในภาคใต้ตอนล่างจนถึงปีนัง ชื่อของเอกพจน์ดังไม่แพ้ใครในภูมิภาคแถบนี้ ด้วยรากฐานที่ "เจียร วานิช" บรรพบุรุษแห่งตระกูลวานิชวางเอาไว้ จนกลายเป็นตระกูลที่รวยที่ดินและเงินสดไม่แพ้ใคร

อย่างไรก็ตาม การปิดฉากชีวิตนักสู้ของเอกพจน์ลงด้วยโรคร้ายในวัยแค่ 58 ก็เป็นการปิดตำนานและฉากชีวิตของตระกูลวานิช รุ่นที่ 2 ลงด้วย เนื่องจากเอกพจน์เป็นทายาทคนเดียวของเถ้าแก่เจียร

"สิ้นเถ้าแก่เจียร มีนายหัวเอก (เอกพจน์)" ครั้งหนึ่งคนภูเก็ตและพังงาเคยกล่าวประโยคนี้ เมื่อคราวที่เจียร วานิชถึงแก่กรรม แต่หลายคนยังมั่นใจว่า เอกพจน์คงจะสามารถที่จะรักษาความเป็น "วานิช" เอาไว้ เพราะคน ๆ นี้เคยพิสูจน์ให้หลายคนเห็นมาแล้ว

แต่กับอภิรักษ์ วานิช ไม่มีใครมั่นใจเขาเลย

อาจด้วยเหตุผลว่าเขามีวัยเพียง 27 เท่านั้น

อภิรักษ์ วานิช คนที่ใคร ๆ ก็รอดูการพิสูจน์ฝีมือของเขาอยู่ ว่าเหมาะสมที่จะนั่งบัลลังก์ผู้นำตระกูล "วานิช" หรือไม่นี้ จะต้องแสดงให้ทุกคนเห็นว่า การเป็นผู้ได้รับการแต่งตั้งจากเอกพจน์ก่อนที่จะเสียชีวิตนั้น นอกจากความเป็นบุตรชายเพียงคนเดียวแล้ว เขายังมีความเหมาะสมด้วยปัจจัยอื่น ๆ ด้วย

สำหรับเอกพจน์ วานิชนั้น มีทายาททั้งสิ้น 9 คนคือ พจนา กาญจนา พรชฎา อัฌชา (เสียชีวิตแล้ว) อังคณา อัญชลี อรนุช อภิรักษ์และรจนา

แม้หลายคนกำลังวิตกว่าอาจจะมี "ศึกสายเลือด" ในตระกูลนี้ขึ้นมา เนื่องจากการเสียชีวิตของเอกพจน์ แต่ในส่วนของทายาทกลับไม่มีใครวิตกเรื่องนี้ อาจจะด้วยเหตุผลที่ความชอบของแต่ละคนต่างกัน

"แต่ละคนจะมีนิสัยต่างกัน บางคนชอบงานบริหาร บางคนชอบงานรูทีน อย่างพี่สาวคนโตแต่งงานแล้วคุมงานที่โรงพยาบาลที่ชลบุรี (โรงพยาบาลเอกชล) พรชฎาเขาก็ไปอยู่ที่สิงคโปร์เพราะไปเรียนที่นั่นตั้งแต่เด็กและพูดภาษาจีนได้" อังคณา วานิช ทายาทสาวผู้รับผิดชอบงานธุรกิจด้านเรียลเอสเตทของตระกูลเคยกล่าวกับ "ผู้จัดการ" ถึงนิสัยของแต่ละคน

อย่างไรก็ตาม ถึงวันนี้เป็นที่รู้กันแล้วว่า ผู้ที่จะมารับผิดชอบงานทั้งหมดในฐานะประธานของธุรกิจตระกูลวานิชนั้นคือ อภิรักษ์ วานิช ทายาทชายเพียงคนเดียวในรุ่นที่ 3 ของวานิช

อภิรักษ์ยอมรับกับ "ผู้จัดการ" ว่าหนักใจกับงานนี้ !!

"คงมีความกดดันไม่มากนัก เพราะหากบอกไม่มีเลยก็คงจะเป็นการโกหกกันที่ว่าไม่มาก เพราะคุณวุฒิผมไม่ด้อยกว่าใครแต่วัยวุฒิและความเป็น SENIORITY ในเมืองไทยยังมีผลต่อการทำงานอยู่มากผมคงจะต้องใช้เวลาอีกซักพักเพื่อสร้างบารมี จะให้เรามาเทียบกับคุณปู่-คุณพ่อยังไม่ได้ต้องใช้เวลาพิสูจน์" อภิรักษ์กล่าว

ความเป็นทายาทของวานิชสำหรับรุ่นที่ 3 ของอภิรักษ์ดูเหมือนว่าจะถูกวางไว้ตั้งแต่ยังอยู่ในวันเด็ก เนื่องจากเมื่อเริ่มเรียนหนังสือในภูเก็ตได้เพียงแค่ชั้นประถมศึกษาปีที่ 4 ที่โรงเรียนไทยหัว เขาก็ถูกเจียร วานิช ซึ่งเป็นปู่จับส่งไปเรียนที่สิงคโปร์ทันที เพื่อให้เรียนรู้ภาษาจีนและภาษาอังกฤษจนกระทั่งจบมัธยมปลาย

จากนั้น อภิรักษ์ถูกจับส่งข้ามทะเลไปเรียนต่อระดับปริญญาตรี สาขาบริหารธุรกิจที่มหาวิทยาลัยอินเดียน่าสหรัฐอเมริกา และเดินทางกลับมาทำงานในบริษัท เจียรวานิช

"นายหัว (เอกพจน์ วานิช) ต้องการให้คุณอภิรักษ์กลับมาในตอนนั้น ก็เพื่อให้เรียนรู้งาน และเพื่อให้รู้จักสังคมและนักธุรกิจหรือคนรุ่นเดียวกันในภูเก็ตบ้าง เพราะคุณอภิรักษ์ไปเรียนนอกตั้งแต่เด็ก เลยไม่มีเพื่อนรุ่นเดียวกันในภูเก็ต นายหัวเกรงว่า หากในอนาคตเมื่อทำงานแล้ว คุณอภิรักษ์จะขาดเพื่อนฝูงรุ่นเดียวกัน" คนเก่าแก่ในภูเก็ตที่รู้จักตระกูลวานิชเล่าให้ฟัง

อย่างไรก็ตามอภิรักษ์ทำงานในเจียรวานิชได้เพียงปีเศษ ก็ต้องเดินทางไปศึกษาต่ออีกครั้ง และจบการศึกษา MBA จากมหาวิทยาลัยอินเดียน่าเมื่อปี 2533 โดยใช้เวลาเรียนปีเศษ

จากปี 2533 หลังจากที่จบการศึกษา MBA ถึงวันนี้อภิรักษ์ ก้าวขึ้นรับตำแหน่งประธานบริษัท ด้วยวัยเพียง 27 และทำงานเพียง 3 ปีเศษ แต่เจ้าตัวยืนยันว่าจะไม่มีปัญหาในการทำงาน เพราะจากนี้ไประบบการทำงานของวานิช ในฐานะประธานบริษัทในเครือจำนวน 10 บริษัท ประกาศว่า จะเป็น TERM WORK หรือ GROUP WORK และจะยังคง CONSERVATIVE ตามนโยบายเดิมที่รุ่นของเจียรและเอกพจน์วางไว้

"ความจริง งานต่าง ๆ นั้น คุณพ่อให้ลูก ๆ บริหารกันมาเกือบ 10 ปีแล้ว อย่างผมแม้จะทำงานมาแค่ 3 ปี ก็คิดว่ามีพื้นฐานแล้ว" ประธานวานิชคนใหม่กล่าวและย้ำว่าระบบอาวุโส โดยเฉพาะเพื่อนของเอกพจน์จะยังคงมีบทบาทในฐานะเป็นที่ปรึกษาต่อไปโดยเฉพาะอย่างยิ่ง โอสถ โกสิน เพื่อนของเจียร วานิช ที่เป็นที่ปรึกษาด้านกฎหมายของตระกูลวานิชมานาน และเป็นหนึ่งใน BOARD ของบริษัทในเครือของวานิชบางบริษัทด้วย

นอกจากนี้ อภิรักษ์ยอมรับกับ "ผู้จัดการ" ว่าเพื่อนของเอกพจน์ที่เป็นนักการเมืองหลายคน ตนและทายาทคนอื่น ๆ ก็คงต้องพึ่งพาความช่วยเหลือต่อไป โดยเฉพาะอย่างยิ่ง ในเรื่องการให้คำปรึกษาต่าง ๆ

"ผมก็เคารพเพื่อนของคุณพ่อที่เป็นนักการเมือง ในเรื่องความช่วยเหลือและคำปรึกษา เพราะผมยังมีประสบการณ์น้อยกว่าคุณพ่อมาก" อภิรักษ์กล่าว พร้อมทั้งยอมรับว่าเพื่อนของเอกพจน์ส่วนใหญ่อยู่ในพรรคประชาธิปัตย์ซึ่งเป็นพรรคที่มี ส.ส. ในภาคใต้มากที่สุดนั่นเอง

สำหรับการเริ่มงานในฐานะประธานกลุ่มวานิชนั้น อภิรักษ์กล่าวว่า จะยังคงดำเนินตามที่เอกพจน์เคยกระทำคือมีการประชุมทุกเดือน และพิเศษทุกไตรมาส เพื่อหาข้อสรุปในการตัดสินใจ พร้อมทั้งย้ำว่า "วานิช" จะยังคงให้ความสำคัญกับการเป็นบริษัทในตระกูลมากกว่าการเข้าไปจดทะเบียนซื้อขายหุ้นในตลาดหลักทรัพย์

นอกจากนั้น ในส่วนของคนตระกูล "วานิช" นั้นอภิรักษ์ยืนยันว่า จะยังคงมีการรวมตัวกันตามที่เอกพจน์เคยสั่งไว้ นั่นคือ ในทุกเช้าทุกคนจะเจอกันที่ "บ้านวานิช" ของตระกูล "แต่ก็คงมีบ้างที่บางคนอาจจะมุ่งไปทางธุรกิจของตนเองโดยไม่ค่อยจะเข้ามาช่วยงานครอบครัว ซึ่งก็เป็นกันทุกที่ ไม่ได้หมายถึงการแตกแยก"

ดูเหมือนว่าตระกูล "วานิช" มีเครือข่ายธุรกิจมากมายแล้ว แต่ในส่วนของประธานหนุ่มวัย 27 ยังคิดว่า มีเพียงสนามกอล์ฟเท่านั้น ที่วาณิชยังไม่ได้ทำ แต่คิดว่าอีก 2-3 ปีอาจจะมีสนามกอล์ฟของวานิชเนื่องจากเอกพจน์นั้น เป็นคนที่ได้ชื่อว่ารักกอล์ฟคนหนึ่งและเป็นนายกสมาคมกอล์ฟจังหวัดภูเก็ตอีกด้วย

   




 








upcoming issue

จากโต๊ะบรรณาธิการ
past issue
reader's guide


 



home | today's news | magazine | columnist | photo galleries | book & idea
resources | correspondent | advertise with us | contact us