|
Today's News
Cover Story
New & Trend
Indochina Vision
GMS in Law
Mekhong Stream
Special Report
World Monitor
on globalization
Beyond Green
Eco Life
Think Urban
Green Mirror
Green Mind
Green Side
Green Enterprise
Entrepreneurship
SMEs
An Oak by the window
IT
Marketing Click
Money
Entrepreneur
C-through CG
Environment
Investment
Marketing
Corporate Innovation
Strategising Development
Trading Edge
iTech 360°
AEC Focus
Manager Leisure
Life
Order by Jude
The Last page
|
|
พื้นฐานของอุตสาหกรรมโฆษณาที่คนในธุรกิจหวาดหวั่นมาโดยตลอด คือความบอบบางอย่างยิ่งต่อปัจจัยลบที่เกิดขึ้นกับสังคม เมื่อเศรษฐกิจในสังคมอ่อนแรง โอกาสที่สินค้า-บริการ จะเติบโตมีน้อย นักการตลาดมักเลือกทางออกด้วยการตัดงบโฆษณาเป็นลำดับแรก เพื่อคงรายได้องค์กรไว้ หากการเมืองไม่มั่นคง ประสิทธิภาพของการโฆษณาก็ไม่มั่นคงตาม อัตราการเติบโตของธุรกิจสื่อโฆษณาที่เติบโตถดถอยต่อเนื่องมาเป็นเวลาหลายปี ล้วนสะท้อนจากสภาพการเมืองและเศรษฐกิจของประเทศที่ซบเซามาตลอด แต่ในปีนี้ความคาดหวังของมีเดียเอเยนซี่ที่มีต่อธุรกิจสื่อเป็นอย่างไร
วรรณี รัตนพล ประธานบริหาร บริษัท อินิทิเอทีฟ จำกัด กล่าวว่า ตัวเลขสรุปการใช้งบโฆษณาผ่านสื่อหลักที่นีลเส็น มีเดีย รีเสิร์ช รายงานเมื่อปีที่ผ่านมา มีการเติบโตในระดับ 2-3% แท้จริงแล้วน่าจะติดลบ เพราะตนไม่เชื่อว่าสื่อโรงภาพยนตร์ที่เติบโตในระดับ 100% เป็นเวลาหลายเดือน จะมีการเติบโตตามนั้น เนื่องด้วยมูลค่าของสื่อชนิดนี้ไม่สามารถนับจากจำนวนหนังโฆษณาที่ฉายได้เหมือนโฆษณาทางโทรทัศน์ ภาพที่เห็นแสดงถึงสภาวะอุตสาหกรรมโฆษณาวันนี้ยังคงได้รับผลกระทบโดยตรงจากสภาวะเศรษฐกิจ งบโฆษณายังเป็นงบประมาณที่ลูกค้าสามารถตัดได้ทันที หากยอดขายไม่ถึงเป้า งบโฆษณาก็ถึงตัด แต่หากยอดขายเติบโต งบโฆษณาก็เติบโตตาม
สำหรับแนวโน้มในปี 2551 วรรณีกล่าวว่า ยังไม่มั่นใจว่าปัญหาการเมืองจะสงบนิ่งลงได้ ซึ่งจะส่งผลให้การเดินหน้าแก้ปัญหาเศรษฐกิจของรัฐบาลทำได้ไม่เต็มที่ อีกปัจจัยที่สำคัญคือ ราคาน้ำมันที่ยังคงพุ่งสูงขึ้นไม่หยุด เป็นปัจจัยที่สร้างผลกระทบต่อลูกค้าค่อนข้างมาก เพราะหากต้นทุนของลูกค้าเพิ่ม งบโฆษณาจะถูกตัดเป็นลำดับแรกเหมือนเดิม นอกจากนั้น กรณีการปรับเปลี่ยนสถานีโทรทัศน์ TITV เป็นทีวีสาธารณะที่ไม่มีโฆษณา ทำให้งบโฆษณาก้อนใหญ่ที่เคยอยู่ในสถานีแห่งนี้ไหลไปสู่ฟรีทีวีอีก 4 ช่องที่เหลือ อาจทำให้สถานีเหล่านั้นถือโอกาสปรับราคาโฆษณาขึ้น ก็อาจสร้างผลกระทบกับตัวเลขงบประมาณที่บริษัทวางไว้ให้กับลูกค้าได้
"เราคงไม่กล้าวางแผนที่จะเติบโตหวือหวานัก แม้บิลลิ่งในปีก่อนจะมีการเติบโตถึง 30% จากการได้ลูกค้าใหม่เข้ามาหลายราย แต่ปีนี้ความไม่เชื่อมั่นในทั้งสภาพการเมือง และสภาพเศรษฐกิจ คงจะทำให้ลูกค้ายังไม่กล้าใช้สื่ออย่างเต็มที่ คาดหมายว่าอินิทิเอทีฟจะมีการเติบโตอยู่ราว 10% จากปีที่ผ่านมาก็ถือว่าน่าพอใจ"
ขณะที่มุมมองของบริษัท มายด์แชร์ ประเทศไทย สเตฟานี่ เบลล์ กรรมการผู้จัดการ กล่าวว่า แนวโน้มของสังคมไทยซึ่งเป็นปัจจัยกระทบกับอุตสาหกรรมโฆษณาในปีนี้ ประเด็นสำคัญที่สุดเห็นพ้องเช่นเดียวกัน คือความเชื่อมั่นทางด้านการเมืองและเศรษฐกิจ ซึ่งเป็นอยู่ในความกังวลของคนทั้งประเทศ จะเป็นปัจจัยสำคัญที่จะชี้นำธุรกิจโฆษณาไทยว่าจะเติบโตขึ้นหรือถดถอย
อย่างไรก็ตาม สเตฟานี่ เบลล์ เชื่อว่า ในครึ่งปีหลังการเมืองของประเทศจะมีความชัดเจนมากขึ้น ส่งผลให้เศรษฐกิจเดินหน้าได้ ส่งผลให้นักการตลาดยังคงใช้งบประมาณในการซื้อสื่อโฆษณาเพิ่มขึ้น โดยเฉพาะสินค้าในกลุ่มหลักของธุรกิจสื่อโฆษณา อาทิ สินค้าอุปโภคบริโภค และอสังหาริมทรัพย์
ผลงานของมายด์แชร์ในปีที่ผ่านมา มีรายได้เกือบ 9,000 ล้านบาท เติบโตจากปีก่อนหน้า 15% ครองตำแหน่งมีเดียเอเยนซีที่มีรายได้สูงสุดติดต่อเป็นปีที่ 5 สำหรับเป้าหมายในปีนี้ ด้วยความเป็นผู้นำในธุรกิจที่มีลูกค้ามาใช้บริการเป็นแบรนด์ยักษ์ใหญ่ อาทิ ยูนิลีเวอร์ ธนาคารเอชเอสบีซี เนสท์เล่ โฟร์โมสต์ และยัม ฟู้ดส์ ที่มีการใช้งบประมาณสื่ออย่างสม่ำเสมอ ทำให้สเตฟานี่ เบลล์มั่นใจว่า มายด์แชร์ ประเทศไทย จะมีการเติบโตไม่น้อยไปกว่าปีที่ผ่านมาแน่นอน
ด้านวิชัย สุภาสมบูรณ์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท คาราท(ประเทศไทย) จำกัด กลับมองว่า สถานการณ์การเมืองของประเทศที่มีความชัดเจนในเวลานี้ จะทำให้เศรษฐกิจโดยรวมเติบโตมีการขยายตัวดีขึ้น ซึ่งมั่นใจว่า จะส่งผลให้อุตสาหกรรมโฆษณาปีนี้ เติบโตได้มากกว่า 7% สร้างมูลค่าการใช้สื่อสูงกว่า 1 แสนล้านบาทอย่างแน่นอน ประกอบกับแบรนด์สินค้ายักษ์ใหญ่ยังคงมีการใช้เม็ดเงินโฆษณาอย่างต่อเนื่อง ทั้ง กลุ่มเครื่องสำอาง รถยนต์ สกินแคร์ และอสังหาริมทรัพย์
ส่วนการปรับเปลี่ยนสถานีโทรทัศน์ TITV เป็นทีวีสาธารณะ ไทยพีบีเอส ที่ไม่มีโฆษณา อาจทำให้ฟรีทีวี ช่อง 3, 5, 7 และโมเดิร์นไนน์ ถือโอกาสปรับราคาโฆษณานั้น วิชัยมองในมุมที่ต่างไปจากวรรณีว่า น่าจะทำให้เม็ดเงินโฆษณาในระบบสูงขึ้นตามไปด้วย
วิชัยกล่าวถึงแผนงานของคาราทในปีนี้ว่า จะเน้นงานใน 3 ส่วนใหญ่ เพื่อรองรับความต้องการของลูกค้า และเพิ่มประสิทธิภาพให้สื่อสามารถเข้าถึงกลุ่มเป้าหมายของสินค้าได้อย่างมีประสิทธิภาพ ประกอบด้วย การเพิ่มบริการในแผนก Communications Planning เพื่อวางแผนกลยุทธ์การสื่อสารของลูกค้าให้เข้าถึงผู้บริโภค เช่นเดียวกับการเพิ่มบริการในส่วน Consumer Insight เน้นบริการในส่วนวิจัยพฤติกรรมผู้บริโภคเชิงลึก เพื่อให้แผนกลยุทธ์ที่เสนอไปมีความเข้มข้นมากขึ้น
นอกจากนั้นในปีนี้บริษัทยังจะมีการใช้ 4 เครื่องมือที่เป็นหัวใจหลักในการวางแผนกลยุทธ์ วางแผนสื่อ และซื้อสื่อ อย่างมีประสิทธิภาพคุ้มค่าเม็ดเงินของลูกค้า ประกอบด้วย Tracer เครื่องมืออำนวยความสะดวกในการสร้างกราฟ และวิเคราะห์ความสัมพันธ์ของข้อมูลทางการตลาด ระหว่างตัวแปรต่าง ๆ ที่ช่วยให้นักวางแผนสื่อสามารถมองสถานการณ์ และวิเคราะห์ได้อย่างแม่นยำ Scheduler เครื่อมือช่วยจัดลำดับเลือกประเภท วางแผนความถี่ห่างในการลงสื่อที่เหมาะสม Allocator เครื่องมือช่วยวางแผนในการจัดสรรทรัพยากร เช่น งบประมาณ กับการเลือกใช้สื่อที่เหมาะสม และ Fortuna เครื่องมือสำหรับการซื้อสื่อทีวี เลือกรายการ สถานีโทรทัศน์ ระบุเวลา โดยเครื่องมือนี้สามารถอ่านข้อมูลการรับชมของทุกกลุ่มเป้าหมายได้ละเอียดขนาดวินาทีต่อวินาที
วิชัยตั้งเป้าหมายรายได้ของคาราท ประเทศไทย ในปีนี้ที่ 6,500 ล้านบาท เติบโตราว 14% จากปีที่ผ่านมา โดยเชื่อมั่นว่าแนวโน้มอุตสาหกรรมโฆษณาในปีนี้จะคงมีการแข่งขันอย่างรุนแรง โดยเฉพาะกลุ่มครีเอทีฟ เอเยนซี่ขนาดกลาง และเล็ก ยังคงอยู่ได้ด้วยความได้เปรียบในแง่ความคล่องตัว รวดเร็วในการให้บริการ และสร้างผลงานได้ไม่แพ้บริษัทข้ามชาติ ขณะที่ธุรกิจมีเดีย เอเยนซี่ จะแข่งขันในเรื่องของขนาดองค์กร บุคลากร เงินทุน และเครื่องมือที่ใช้ในการวางแผนสื่อภายใต้งบประมาณของลูกค้าอย่างมีประสิทธิภาพสูงสุดเป็นหลัก
|
|
|
|
|