Search Resources
 
Login เข้าระบบ
สมัครสมาชิกฟรี
ลืมรหัสผ่าน
 
  homenewsmagazinecolumnistbooks & ideaphoto galleriesresources50 managermanager 100join us  
 
 


bulletToday's News
bullet Cover Story
bullet New & Trend

bullet Indochina Vision
bullet2 GMS in Law
bullet2 Mekhong Stream

bullet Special Report

bullet World Monitor
bullet2 on globalization

bullet Beyond Green
bullet2 Eco Life
bullet2 Think Urban
bullet2 Green Mirror
bullet2 Green Mind
bullet2 Green Side
bullet2 Green Enterprise

bullet Entrepreneurship
bullet2 SMEs
bullet2 An Oak by the window
bullet2 IT
bullet2 Marketing Click
bullet2 Money
bullet2 Entrepreneur
bullet2 C-through CG
bullet2 Environment
bullet2 Investment
bullet2 Marketing
bullet2 Corporate Innovation
bullet2 Strategising Development
bullet2 Trading Edge
bullet2 iTech 360°
bullet2 AEC Focus

bullet Manager Leisure
bullet2 Life
bullet2 Order by Jude

bullet The Last page








 
ผู้จัดการรายวัน5 กุมภาพันธ์ 2551
เงินนอกทะลักเก็บหุ้น3วันพุ่งเฉียด2หมื่นล.             
 


   
search resources

Stock Exchange




หุ้นไทยสวิงนักลงทุนรายย่อย-สถาบันแห่ขายทำกำไร ขณะที่ฝรั่งซื้อไม่หยุด 3 วันพุ่งเฉียด 2 หมื่นล้านบาท "BANPU" สุดฮอตพุ่งอีก 32 บาทปิด 456 บาท ใกล้ราคาประเมินเหมาะสมปี 51 โบรกฯ ยังไม่ฟันธงฝรั่งหวนซื้อรอบนี้อยู่ระยะสั้นหรือเทรดระยะยาว แนะขายทำกำไรหากราคาหุ้นปรับเพิ่ม ด้านบล.ดีบีเอส วิคเคอร์ส เผยเริ่มหันเก็งกำไรหุ้นอสังหาฯ-รับเหมา หลังนายกฯสมัคร ประกาศอัดงบ 8 แสนล้านผลักดันโครงการรถไฟฟ้า 9 สายใน 3 ปี

ภาวะการลงทุนในตลาดหลักทรัพย์วานนี้ (4 ก.พ.) ดัชนีปรับตัวเพิ่มขึ้นอย่างรุนแรงในช่วงเช้าตอบรับตลาดหุ้นทั่วเอเชียที่ปรับตัวเพิ่มขึ้นอย่างโดดเด่นก่อนจะมีแรงขายทำกำไรออกมาในหุ้นขนาดใหญ่โดยเฉพาะในกลุ่มพลังงานเนื่องจากในช่วงสัปดาห์ที่ผ่านมาหุ้นในกลุ่มดังกล่าวปรับตัวเพิ่มขึ้นค่อนข้างมากจากการกลับเข้ามาซื้อสุทธิของนักลงทุนต่างชาติ ส่งผลทำให้ดัชนีปรับตัวลดลงมาปิดที่ 811.56 จุด เพิ่มขึ้น 0.70 จุด หรือ 0.09% โดยจุดสูงสุดของวันอยู่ที่ 828.79 จุด ขณะที่จุดต่ำสุดอยู่ที่ 809.64 จุด มูลค่าการซื้อขาย 36,311.19 ล้านบาท

ทั้งนี้นักลงทุนต่างชาติซื้อสุทธิ 6,811.56 ล้านบาท นักลงทุนสถาบันขายสุทธิ 2,984.12 ล้านบาท นักลงทุนรายย่อยขายสุทธิ 3,827.43 ล้านบาท โดยแค่ 3 วันทำการนักลงทุนต่างชาติซื้อสุทธิแล้วถึง 18,743.92 ล้านบาท

สำหรับหุ้นที่มีมูลค่าการซื้อขายสูงสุดหุ้นบมจ.ปตท. หรือ PTT ราคาปิดที่ 328 บาท ลดลง 10 บาท หรือ 2.96% มูลค่าการซื้อขาย 4,210.38 ล้านบาท, หุ้นบมจ.ปตท. อะโรเมติกส์และการกลั่น หรือ PTTAR ราคาปิดที่ 39 บาท ไม่เปลี่ยนแปลง มูลค่าการซื้อขาย 2,413.50 ล้านบาท, หุ้นบมจ.บ้านปู หรือ BANPU ราคาปิดที่ 456 บาท เพิ่มขึ้น 32 บาท หรือ 7.55% มูลค่าการซื้อขาย 2,209.39 ล้านบาท, ธนาคารไทยพาณิชย์ หรือ SCB ราคาปิดที่ 84.50 บาท เพิ่มขึ้น 2.50 บาท หรือ 3.05% มูลค่าการซื้อขาย 2,191.23 ล้านบาท, บมจ.แอดวานซ์ อินโฟร์ เซอร์วิส หรือ ADVANC ราคาปิดที่ 100 บาท เพิ่มขึ้น 2 บาท หรือ 2.04% มูลค่าการซื้อขาย 1,259.62 ล้านบาท

นายวรุฒน์ ศิวะศริยานนท์ รองกรรมการผู้จัดการ บริษัทหลักทรัพย์ โกลเบล็ก จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า ตลาดหุ้นไทยปรับตัวเพิ่มขึ้นตามตลาดหุ้นในสหรัฐเนื่องจากนักลงทุนรับรู้และเข้าใจกับปัญหาสินเชื่ออสังหาริมทรัพย์ด้อยคุณภาพไปค่อนข้างมากแล้วรวมถึงความเข้าใจต่อเศรษฐกิจสหรัฐที่เข้าสู่สภาวะการชะลอตัวซึ่งเรื่องดังกล่าวยังถือว่าเป็นความเสี่ยงที่ปกคลุมตลาดหุ้นทั่วโลก

ทั้งนี้ ประเด็นที่อาจจะถือได้ว่าเป็นประเด็นบวกของตลาดหุ้นไทย คือเรื่องการจัดตั้งรัฐบาลที่ถือว่าใกล้จะได้เห็นโฉมหน้าคณะรัฐมนตรีทำให้มีการเข้ามาเก็งกำไรในหุ้นที่มีความเกี่ยวข้องกับการเมืองมากขึ้น ประกอบกับเม็ดเงินจากต่างชาติที่ยังไหลเข้ามาซื้อหุ้นไทยต่อเนื่อง

สำหรับทิศทางตลาดหุ้นในสัปดาห์นี้ยังคงต้องรอลุ้นว่ามูลค่าการซื้อขายจะหายไปหรือไม่เนื่องจากอยู่ในช่วงเทศกาลตรุษจีน แต่ก็มีความเป็นไปได้ว่าอาจจะมีเม็ดเงินที่ไหลเข้ามาซื้อหุ้นในตลาดหุ้นไทยมากขึ้น โดยคำแนะนำในช่วงสั้นควรขายทำกำไรเมื่อราคาหุ้นปรับตัวเพิ่มขึ้น โดยแนวต้าน 823-824 จุด แนวต้านขั้นสูงถัดไป 860 จุด แนวรับ 810 วัน

นายวีระชัย ครองสามสี ผู้อำนวยการอาวุโสฝ่าย กลยุทธ์การลงทุน บล.ฟาร์อีสท์ กล่าวว่า นักลงทุนเริ่มเทขายทำกำไรออกมาเนื่องจากในช่วงสัปดาห์ที่ผ่านมาราคาหุ้นหลายบริษัทที่ปรับตัวเพิ่มขึ้นอย่างมากหลังดัชนีปรับตัวเพิ่มขึ้นไปกว่า 60 จุดขณะเดียวกันเพียงแค่ 2 วันนักลงทุนต่างชาติซื้อสุทธิกว่า 1.1 หมื่นล้านบาท

ทั้งนี้ ประเมินแนวโน้มตลาดยังเชื่อว่ามีโอกาสที่ดัชนีจะปรับตัวเพิ่มขึ้นไปแถวระดับ 825 จุดอีกครั้ง โดยมองแนวรับรอบนี้ที่ระดับ 810 จุด ซึ่งถ้ายืนได้เชื่อว่าตลาดยังมีโอกาสขึ้นต่อ แต่อาจจะมีการปรับฐานในระยะสั้น

เก็งกำไรอสังหาฯ-รับเหมา

นางสาวอาภาภรณ์ แสวงพรรค ผู้อำนวยการฝ่ายวิเคราะห์หลักทรัพย์ บล.ดีบีเอส วิคเคอร์ส (ประเทศไทย) กล่าวว่า แรงซื้อของนักลงทุนต่างชาติเริ่มมีการขายทำกำไรออกมาโดยเฉพาะหุ้นกลุ่มพลังงาน แต่เริ่มมการเข้ามาซื้อเก็งกำไรหุ้นในกลุ่มอสังหาริมทรัพย์ รับเหมาก่อสร้าง หลังล่าสุดนายสมัคร สุนทรเวช นายกรัฐมนตรีคนใหม่ ประกาศผลักดันการก่อสร้างโครงการรถไฟฟ้า 9 สาย ภายใน 3 ปี และเปลี่ยนระบบรางเป็นรางคู่ โดยคาดว่าจะใช้งบประมาณรวม 8 แสนล้านบาท

ทั้งนี้ ทิศทางตลาดหุ้นไทยวันนี้คาดว่าดัชนีมีโอกาสปรับเพิ่มขึ้นได้ หลังเม็ดเงินต่างประเทศยังไหลเข้ามาอย่างต่อเนื่อง แต่ทั้งนี้ให้ติดตามปัจจัยรายวันอย่างทิศทางตลาดหุ้นต่างประเทศประกอบ รวมถึงราคาน้ำมันในตลาดโลกว่าเคลื่อนไหวในทิศทางใดเนื่องจากมีผลต่อจิตวิทยาการลงทุน โดยประเมินแนวรับไว้ที่ 805 -795 จุด ส่วนแนวต้านอยู่ที่ 820 - 830 จุด

" วานนี้ในช่วงบ่ายมีแรงขายทำกำไรออกมาค่อนข้างมากจึงกดดันให้ดัชนีปรับตัวลดลง แต่วอลุ่มการซื้อขายยังค่อนข้างหนาแน่นอยู่ โดยพรุ่งนี้ดัชนียังน่าจะมีแนวโน้มปรับเพิ่มขึ้นได้อีก เนื่องจากเม็ดเงินจากต่างชาติน่าจะยังไหลเข้ามาแต่ยังตอบได้ยากกว่ารอบนี้นักลงทุนต่างชาติจะกลับเข้ามาจริงหรือไม่" นางสาวอาภาภรณ์กล่าว

สำหรับกลยุทธ์การลงทุนในช่วงนี้ แนะนำให้นักลงทุนที่มีหุ้นอยู่พอร์ตให้ถือรอดูสถานการณ์ ในขณะที่นักลงทุนที่สนใจลงทุนแนะนำให้หาจังหวะเข้าเก็บหุ้นธนาคารพาณิชย์ รวมถึงอสังหาริมทรัพย์ เช่น KBANK, AP, QH, AMATA และ PS

BANPUใกล้ราคาพื้นฐาน

แหล่งข่าวนักวิเคราะห์หลักทรัพย์ กล่าวว่า การปรับตัวเพิ่มขึ้นของราคาหุ้นที่เกี่ยวข้องกับถ่านหินโดยเฉพาะหุ้นบริษัท บ้านปู จำกัด (มหาชน) หรือ BANPU ในช่วง 2 สัปดาห์ที่ผ่านมาเป็นผลมาจากราคาถ่านหินในตลาดโลกที่ปรับตัวเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่องหลังจากที่ประเทศจีนซึ่งเป็นผู้ส่งออกถ่านหินตกอยู่ในสถานะไม่สามารถส่งออกถ่านหินได้เนื่องจากปัญหาหิมะที่ตกอย่างหนักในประเทศซึ่งกระทบต่อการขนส่ง ในขณะเดียวกันทำให้ต้องมีการนำเข้าถ่านหินเพื่อใช้ในการผลิตไฟฟ้าส่งผลให้หุ้นในกลุ่มดังกล่าวได้รับอานิสงส์จนราคาหุ้นปรับตัวเพิ่มขึ้นอย่างโดดเด่น

ทั้งนี้ในกรณี BANPU ล่าสุดราคาปรับตัวเพิ่มขึ้นมาปิดที่ 456 บาท เพิ่มขึ้น 32 บาท หรือ 7.55% ถือว่าราคาดังกล่าวอยู่ในระดับที่ใกล้ราคาที่บริษัทหลักทรัพย์ต่างๆประเมินราคาตามพื้นฐานของบริษัทไว้แล้ว จึงแนะนำให้หลีกเลี่ยงลงทุน

"ราคา BANPU ปรับตัวเพิ่มขึ้นจนใกล้ราคาเป้าหมายสิ้นปีแล้ว อาจจะมีบางโบรกเกอร์ที่อาจจะปรับราคาเหมาะสมเพิ่มขึ้นเนื่องจากบริษัทได้รับผลดีจากที่ประเทศจีนต้องนำเข้าถ่านหินในช่วงที่เจอปัญหาพายุหิมะตกจนกระทบต่อระบบขนส่งของประเทศ"แหล่งข่าวกล่าว   




 








upcoming issue

จากโต๊ะบรรณาธิการ
past issue
reader's guide


 



home | today's news | magazine | columnist | photo galleries | book & idea
resources | correspondent | advertise with us | contact us