|
Today's News
Cover Story
New & Trend
Indochina Vision
GMS in Law
Mekhong Stream
Special Report
World Monitor
on globalization
Beyond Green
Eco Life
Think Urban
Green Mirror
Green Mind
Green Side
Green Enterprise
Entrepreneurship
SMEs
An Oak by the window
IT
Marketing Click
Money
Entrepreneur
C-through CG
Environment
Investment
Marketing
Corporate Innovation
Strategising Development
Trading Edge
iTech 360°
AEC Focus
Manager Leisure
Life
Order by Jude
The Last page
|
|
MILL มั่นใจปี 50 ผลประกอบการทะลุเป้า ได้ราคาเหล็กขาขึ้นช่วยหนุน ฟุ้งปี 51 ยิ่งเติบโตโดดเด่นเมื่อเทียบกับปีที่ผ่านมา คาดสิ้นปีรายได้ขยายตัว 15-20 % อ้างการเมืองเริ่มชัดเจน อุตสาหกรรมเหล็กขยายตัว แถมไลน์การผลิตใหม่จะเริ่มเดินเครื่องได้ปลายไตรมาสแรกนี้ พร้อมวางแผนเจาะอุตสาหกรรมยานยนต์และเฟอร์นิเจอร์เหล็กเสริมความแกร่ง ส่วนแผนงานในระยะยาวเตรียมใช้จุดแข็งเป็นผู้ประกอบการที่เป็น one stop service มัดใจลูกค้า เชื่อยังเติบโตได้ดีในอนาคต
นายสิทธิชัย ลีสวัสดิ์ตระกูล กรรมการผู้จัดการ บริษัท มิลล์คอนสตีลอินดัสทรีส์ จำกัด (มหาชน) (MILL ) กล่าวถึงทิศทางการขยายธุรกิจในปี 2551 ว่า จะยังให้ความสำคัญกับผลักดันสินค้าที่มีอยู่ในปัจจุบันให้เติบโตอย่างต่อเนื่อง ขณะเดียวกันจะเพิ่มชนิดสินค้าให้กว้างขวางและครบวงจรมากขึ้น ทั้งเหล็กเส้น และเหล็กรูปพรรณ รวมทั้งการขยายฐานลูกค้าใหม่ เข้าไปสู่อุตสาหกรรมต่อเนื่องด้วย ซึ่งนอกจากจะทำให้ฐานลูกค้ากว้างขวางขึ้นแล้ว สินค้ากลุ่มนี้ยังมีอัตรากำไรขั้นต้นค่อนข้างสูง ซึ่งจะมีผลต่อการเพิ่มกำไรสุทธิให้เติบโตในทิศทางที่ดีขึ้นในอนาคต
โดย เชื่อว่าในปีนี้อุตสาหกรรมเหล็ก จะเติบโตได้อย่างชัดเจนอย่างน้อย 10-15% เมื่อเทียบกับปีที่ผ่านมา เนื่องจากปัจจัยทางการเมืองเริ่มมีความชัดเจน โดยเฉพาะหลังการจัดตั้งรัฐบาลใหม่เข้ามาบริหารประเทศลงตัว ซึ่งจะทำให้โครงการขนาดใหญ่เดินหน้าต่อไปได้ เป็นปัจจัยสนับสนุนให้ความต้องการใช้สินค้าเหล็กเพิ่มสูงขึ้นตามปริมาณงานที่เข้าสู่ตลาด
แม้ว่าปีนี้ราคาน้ำมัน และอัตราเงินเฟ้อจะขยับตัวสูงขึ้น แต่เชื่อว่าจะไม่ส่งผลกระทบต่อภาพรวมของธุรกิจมากนัก เช่นเดียวกับต้นทุนราคาเหล็กที่ปรับตัวสูงขึ้น เพราะคาดว่าราคาจะเริ่มทรงตัวในระดับสูง และไม่น่าปรับตัวเกิน 750-800 USD/ตัน และประการสำคัญราคาเหล็กที่ผันผวนน้อยลง จะทำให้บริษัทฯสามารถบริหารความเสี่ยงได้ง่ายขึ้น ซึ่งจะเป็นผลดีต่อธุรกิจอีกทางหนึ่งด้วย
"เราเชื่อว่าปี 2551 จะเป็นปีที่ MILL เติบโตได้อย่างโดดเด่น เพราะนอกจากเราจะมุ่งขยายธุรกิจทั้งตัวสินค้าเดิมที่ทำตลาดอยู่ในปัจจุบัน เพิ่มไลน์สินค้าใหม่ให้กว้างขวางขึ้น และขยายฐานลูกค้าเข้าสู่กลุ่มอุตสาหกรรมต่อเนื่อง ปัจจัยการเมืองที่เริ่มจัดเจนขึ้นเรื่อยๆ เชื่อว่าน่าจะช่วยกระตุ้นเศรษฐกิจให้ขยายตัวได้ดี โดยเฉพาะภาคการลงทุนในโครงการเมกะโปรเจ็ก ซึ่งน่าจะส่งผลดีต่อภาพรวมของอุตสาหกรรมเหล็กให้เติบโตขึ้นด้วย ขณะที่ไลน์การผลิตใหม่ที่เราขยายเพิ่ม จะเริ่มผลิตในเชิงพาณิชย์ได้ประมาณเดือนกุมภาพันธ์-มีนาคมนี้ ซึ่งจะส่งผลดีต่อเนื่องให้ผลประกอบการของบริษัทเติบโตไปในทิศทางเดียวกัน"
นายสิทธิชัย กล่าวว่าปีนี้ บริษัทตั้งเป้ารายได้โตเพิ่มขึ้นกว่าอุตสาหกรรมเหล็ก โดยภาพรวม5% ที่จากปี 2550 คาดว่าจะมีรายได้ประมาณ 3,000 ล้านบาท ซึ่งจะเป็นอัตราการเติบโตที่สูงกว่าอุตสาหกรรมเหล็ก และถือว่าเติบโตสูงกว่าการเติบโตของรายได้ในปี 2550 เมื่อเทียบกับปี 2549 ที่ได้รับผลดีจากราคาเหล็กปรับตัวสูงขึ้นและปริมาณการขายที่เพิ่มขึ้นจนคาดว่ารายได้จะเติบโตสูงกว่าที่ได้ประมาณการไว้ เนื่องจากเชื่อว่าช่วงไตรมาสที่1/51 ราคาเหล็กมีแนวโน้มปรับเพิ่มขึ้นอีก 5% จากปัจจุบันอยู่ที่ 28. บาท/กิโลกรัม จากความต้องการใช้เหล็กมีแนวโน้มเพิ่มมากขึ้น และจากการมุ่งขยายธุรกิจของบริษัทฯจึงเชื่อว่าจะเป็นปัจจัยที่เกื้อหนุนให้ผลประกอบการของบริษัทฯ เติบโตได้อย่างโดดเด่น
"อีกเป้าหมายของ MILL ในปีนี้คือมุ่งมั่นที่จะพัฒนาทั้งผลิตภัณฑ์และการให้บริการเพื่อให้สามารถตอบสนองต่อความต้องการของลูกค้าได้อย่างครบวงจรยิ่งขึ้น ซึ่งถือเป็นกลยุทธ์ที่ใช้มัดใจลูกค้าจนทำให้บริษัทประสบความสำเร็จในธุรกิจอย่างงดงามในช่วงที่ผ่านมา นอกเหนือจากจุดแข็งที่มีโรงงานตั้งอยู่ที่ในกรุงเทพฯ ที่ทำให้ได้เปรียบเรื่องค่าขนส่ง และเด่นเรื่องการประกอบธุรกิจแบบครบวงจร (one stop service) เพราะมีสินค้าทั้งเหล็กเส้น และเหล็กรูปพรรณ ทำให้ผู้แทนจำหน่ายขายเหล็กได้ทั้ง 2 แบบ ทำให้ลูกค้าสะดวกในการสั่งซื้อ สามารถขนส่งได้ง่ายขึ้น" นายสิทธิชัยกล่าวในที่สุด
|
|
|
|
|