Search Resources
 
Login เข้าระบบ
สมัครสมาชิกฟรี
ลืมรหัสผ่าน
 
  homenewsmagazinecolumnistbooks & ideaphoto galleriesresources50 managermanager 100join us  
 
 


bulletToday's News
bullet Cover Story
bullet New & Trend

bullet Indochina Vision
bullet2 GMS in Law
bullet2 Mekhong Stream

bullet Special Report

bullet World Monitor
bullet2 on globalization

bullet Beyond Green
bullet2 Eco Life
bullet2 Think Urban
bullet2 Green Mirror
bullet2 Green Mind
bullet2 Green Side
bullet2 Green Enterprise

bullet Entrepreneurship
bullet2 SMEs
bullet2 An Oak by the window
bullet2 IT
bullet2 Marketing Click
bullet2 Money
bullet2 Entrepreneur
bullet2 C-through CG
bullet2 Environment
bullet2 Investment
bullet2 Marketing
bullet2 Corporate Innovation
bullet2 Strategising Development
bullet2 Trading Edge
bullet2 iTech 360°
bullet2 AEC Focus

bullet Manager Leisure
bullet2 Life
bullet2 Order by Jude

bullet The Last page








 
ผู้จัดการรายวัน4 กุมภาพันธ์ 2551
ธปท.ไฟเขียวตปท.ฮุบแบงก์สกัดซับไพรม์ลามทั้งระบบ             
 


   
www resources

โฮมเพจ ธนาคารแห่งประเทศไทย

   
search resources

ธนาคารแห่งประเทศไทย
บัณฑิต นิจถาวร
Loan




แบงก์ชาติไม่หวั่นปัญหาซับไพรม์กระทบระบบสถาบันการเงินไทย เหตุการปล่อยสินเชื่อไม่ได้สูงมากเหมือนกับสหรัฐฯ เชื่อปี 51 เศรษฐกิจดีช่วยเสริมรายได้ประชาชนเพิ่มและลดแรงกดดันเอ็นพีแอลพุ่ง แต่ยังคงเฝ้าระวังและควบคุมการแก้ไขหนี้อย่างจริงจัง ขณะที่กระแสจับคู่พันธมิตรต่างชาติ ขณะนี้กำลังพิจารณารูปแบบในแง่นโยบาย พร้อมทั้งเปิดช่องว่างต่างๆ หวังเป็นเครื่องมือช่วยให้เกิดประสิทธิภาพกับสถาบันการเงินไทย

นายบัณฑิต นิจถาวร รองผู้ว่าการ ด้านเสถียรภาพสถาบันการเงิน ธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) เปิดเผยว่า หลังจากที่เกิดปัญหาสินเชื่อที่อยู่อาศัยด้อย คุณภาพ(ซับไพรม์)ในสหรัฐฯขึ้น และส่งผลให้สินเชื่อบางประเภทในสหรัฐฯชะลอตามไปด้วยนั้น แต่ในส่วนของประเทศไทยคิดว่า ปัญหานี้ไม่น่าจะเกิดขึ้น เพราะปัญหาดังกล่าวแยกกันชัดเจน ขณะเดียวกันการขยายตัวของสินเชื่อของระบบธนาคารพาณิชย์ไม่สูงนัก ซึ่งอยู่ที่ระดับ 4-5%ในปีก่อน จึงมองว่าปัญหาเหล่านี้ไม่น่าจะเกิดขึ้นกับไทย

ทั้งนี้ ในช่วง 4-5 ปีที่ผ่านมา สหรัฐฯมีเศรษฐกิจและอัตราการขยายตัวสินเชื่อที่เติบโตในสัดส่วนที่สูง และส่งผลให้ 3 ภาคธุรกิจหลัก ซึ่งได้แก่ ภาคอสังหาริมทรัพย์ ธุรกิจสถาบันการเงิน และสินเชื่อส่วนบุคคลมีอัตราการการขยายตัวตาม แต่เมื่อเศรษฐกิจเริ่มมีปัญหา ส่งผลให้ภาคอสังหาริมทรัพย์ได้รับผลกระทบก่อนและเริ่มเข้าสู่ภาคสถาบันการเงิน จึงต้องติดตามดูต่อไปว่าการขยายตัวของสินเชื่อสหรัฐฯในภาคอื่นๆจะไปในทิศทางไหน โดยเฉพาะธุรกิจสินเชื่อส่วนบุคคล ซึ่งขณะนี้ทุกคนก็มีการจับตาอย่างใกล้ชิด

“ในปีที่แล้วอัตราการขยายตัวของสินเชื่อของไทยไม่สูงมากนัก จึงไม่ได้สร้างแรงกดดันต่อปัญหาหนี้ไม่ก่อให้เกิดรายได้(เอ็นพีแอล)ของระบบธนาคารพาณิชย์ไทย อย่างไรก็ตาม ในปีนี้ก็ต้องติดตามดูต่อไปว่าเมื่อเศรษฐกิจไทยเริ่มฟื้นตัวมากขึ้นจะส่งผลให้สินเชื่อส่วนบุคคล ซึ่งเป็นสินเชื่อด้านบริโภคจะขยายตัวมากหรือไม่”

รองผู้ว่าการธปท. กล่าวว่า แม้ปัญหาหนี้เอ็นพีแอลในระบบธนาคารพาณิชย์ ยังคงประคองตัวเองไปได้ในช่วงไตรมาส 4 ของปีก่อน แต่เมื่อปีนี้เศรษฐกิจขยายตัวมากขึ้น จะเป็นปัจจัยช่วยเสริมให้รายได้ของประชาชนสูงขึ้น อาจเป็นผลดีให้แรงกดดันต่อหนี้เอ็นพีแอลลดลงได้ อย่างไรก็ตาม แม้ธนาคารพาณิชย์มีการแข่งขันการปล่อยสินเชื่อมาก แต่ก็ควรรักษามาตรฐานการปล่อยสินเชื่อด้วย เพื่อช่วยดูแลไม่ให้มีแรงกดดันหนี้เอ็นพีแอลไหลกลับเข้ามาใหม่

“จากเศรษฐกิจในปีก่อน ทำให้หนี้เอ็นพีแอลมีข้อจำกัดมากขึ้นในการเพิ่มขึ้น แม้ตัวเลขเอ็นพีแอลไม่ลดต่ำกว่า 2% ขณะเดียวกันแบงก์ก็มีการดูแลตัวเองดีเช่นกันจากการบริหารจัดการที่เข้มข้นขึ้น เช่น การตัดหนี้เสียขายให้บริษัทบริหารสินทรัพย์ทิ้งไปบ้าง ทำให้ภาระระดับเอ็นพีแอลในระบบธนาคารพาณิชย์ลดลง และในปีนี้ก็เชื่อว่ายอดเอ็นพีแอลจะลดลง ซึ่งขณะนี้ยังไม่มีการพูดตัวเลขด้านเป้าหมายในแง่ของนโยบาย แต่เราจะพยายามที่จะเฝ้าระวังและแก้ไขหนี้เอ็นพีแอลอย่างจริงจัง”

ส่วนกระแสที่มีการจับคู่พันธมิตรใหม่ระหว่างสถาบันการเงินไทยกับนักลงทุนต่างชาตินั้น นายบัณฑิต กล่าวว่า ระบบการเงินไทยเป็นสิ่งที่น่าสนใจของธุรกิจการเงินระหว่างประเทศอยู่แล้ว เนื่องจากเศรษฐกิจไทยเติบโตดี ประกอบกับไทยอยู่ในแถบภูมิภาคเอเชียที่มีอัตราการการขยายตัวทางด้านเศรษฐกิจอย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะการใช้จ่ายของประชาชน ซึ่งเป็นเศรษฐกิจที่มีการออมมากและมีการบริหารจัดการการออมที่ดี รวมทั้งการปล่อยสินเชื่อก็ยังอยู่ในเกณฑ์ที่สูง ทำให้แง่ของบทบาทและศักยภาพทางธุรกิจของธุรกิจไทยที่เกิดขึ้นในอนาคต จึงเป็นที่น่าสนใจของธุรกิจการเงินระหว่างประเทศที่อยากจะเข้ามาร่วมทำธุรกิจในไทยมากขึ้น

“คน(นักลงทุนต่างชาติ)ที่อยู่แล้วก็อยากที่จะทำธุรกิจกว้างขึ้น ขณะเดียวกันคนที่ยังไม่ได้ทำอยู่ก็อยากจะเข้ามา โดยเรากำลังพิจารณาประเด็นช่องว่างต่างๆ ของธนาคารต่างชาติที่ต้องการของการเข้ามามีบทบาทมากขึ้น เพราะเชื่อว่าปัจจัยเหล่านี้จะช่วยให้ทิศทางระบบการเงินเรามีองค์ประกอบที่มีผู้เล่นไทยและต่างชาติที่มีความชัดเจนขึ้น ซึ่งดูทั้งประสิทธิภาพและใช้การแข่งขันเป็นเครื่องมืออันหนึ่งที่ช่วยกระตุ้นให้เกิดประสิทธิภาพทางเศรษฐกิจ จึงอยู่ในขั้นตอนการพิจารณารูปแบบต่างๆ ในแง่ของนโยบาย”   




 








upcoming issue

จากโต๊ะบรรณาธิการ
past issue
reader's guide


 



home | today's news | magazine | columnist | photo galleries | book & idea
resources | correspondent | advertise with us | contact us