Search Resources
 
Login เข้าระบบ
สมัครสมาชิกฟรี
ลืมรหัสผ่าน
 
  homenewsmagazinecolumnistbooks & ideaphoto galleriesresources50 managermanager 100join us  
 
 


bulletToday's News
bullet Cover Story
bullet New & Trend

bullet Indochina Vision
bullet2 GMS in Law
bullet2 Mekhong Stream

bullet Special Report

bullet World Monitor
bullet2 on globalization

bullet Beyond Green
bullet2 Eco Life
bullet2 Think Urban
bullet2 Green Mirror
bullet2 Green Mind
bullet2 Green Side
bullet2 Green Enterprise

bullet Entrepreneurship
bullet2 SMEs
bullet2 An Oak by the window
bullet2 IT
bullet2 Marketing Click
bullet2 Money
bullet2 Entrepreneur
bullet2 C-through CG
bullet2 Environment
bullet2 Investment
bullet2 Marketing
bullet2 Corporate Innovation
bullet2 Strategising Development
bullet2 Trading Edge
bullet2 iTech 360°
bullet2 AEC Focus

bullet Manager Leisure
bullet2 Life
bullet2 Order by Jude

bullet The Last page








 
ผู้จัดการรายวัน4 กุมภาพันธ์ 2551
ฝรั่งหัวดำจุดพลุหุ้นการเมืองขาใหญ่ชี้ดอดส่งคำสั่งจากสิงคโปร์             
 


   
search resources

Stock Exchange




สัญญาณฟื้นตลาดหุ้นไทยหลังฝรั่งกลับลำซื้อ เหตุคลายกังวลวิกฤตแฮมเบอร์เกอร์ ด้านนักลงทุนรายใหญ่เชื่อเงินนอกที่ไหลกลับเข้ามารอบนี้ มาจากขาใหญ่ในเมืองไทยที่ส่งออเดอร์จากสิงคโปร์ หวังจุดพลุหุ้นใหญ่-หุ้นการเมือง ด้านโบรกเกอร์ยังเชื่อเดือนก.พ.หุ้นทั่วโลกผันผวนหนัก จับตาตัวเลขผลการดำเนินงานบริษัทในสหรัฐฯ รวมถึงตัวเลขเศรษฐกิจที่สำคัญ พร้อมแนะ 3 วิธีเล่นหุ้นในช่วงตลาดสวิง "เก็งกำไรหุ้นใหญ่-เน้นหุ้นผลประกอบการดี-เลือกหุ้นจ่ายปันผลสูง"

สถานการณ์การลงทุนในตลาดหุ้นไทยช่วงสัปดาห์ที่ผ่านมา (28 ม.ค.-1 ก.พ.) หลังการประกาศประชุมลดอัตราดอกเบี้ยฉุกเฉินของธนาคารกลางสหรัฐฯ (เฟด) ในช่วงวันที่ 23 ม.ค. ซึ่งสูงถึง 0.75 % ซึ่งถือว่าเกินความคาดหมายของหลายฝ่าย ก่อนจะประกาศลดอัตราดอกเบี้ยอีกครั้งในการประชุมปกติเมื่อวันที่ 31 ม.ค. อีก 0.50% ส่งผลทำให้ เพียง 8 วันเฟดปรับลดอัตราดอกเบี้ยสูงถึง 1.25% ซึ่งถือได้ว่าแทบไม่เคยเกิดขึ้นในอดีตที่ผ่านมา

ขณะเดียวกัน การออกมาตรการเพิ่มเติมเพื่อบรรเทาผลกระทบ ที่เกิดขึ้นจากปัญหาสินเชื่ออสังหาริมทรัพย์ด้อยคุณภาพ (ซับไพรม์) โดยเฉพาะการคืนภาษีให้แก่ผู้เสียภาษีซึ่งมีมูลค่าสูงถึง 1.5 แสนล้านเหรียญสหรัฐ

ทั้งนี้ หากพิจารณาทิศทางดัชนีตลาดหุ้นไทย แม้ในช่วงแรกจะไม่ตอบรับการปรับลดอัตราดอกเบี้ยแบบฉุกเฉินของเฟด แต่ในช่วง 4 วันที่ผ่านมา ดัชนีตลาดหุ้นไทยกลับปรับตัวเพิ่มขึ้นอย่างโดดเด่นเมื่อเทียบกับตลาดหุ้นในภูมิภาค เนื่องจากได้แรงซื้อที่เริ่มไหลกลับเข้ามาอย่างมีนัยะสำคัญจากนักลงทุนต่างชาติ โดยเพียงแค่ 4 วันทำการจากวันที่ 28 ม.ค. ดัชนีปิดที่ 744.36 จุด ดัชนีปรับตัวเพิ่มขึ้นมาปิดในวันที่ 1 ก.พ. ที่ระดับ 810.86 จุด โดยปรับตัวเพิ่มขึ้นถึง 66.5 จุด หรือ 8.93%

สำหรับเม็ดเงินจากต่างชาติที่ไหลเข้ามาลงทุน มีกระแสข่าวลือว่าเม็ดเงินดังกล่าวเป็นการไหลกลับเข้ามาของกลุ่มทุนทางการเมือง ที่จะได้รับประโยชน์จากสถานการณ์ทางการเมืองที่ชัดเจนมากขึ้น โดยล่าสุดนายกรัฐมนตรีเตรียมเสนอรายชื่อคณะรัฐมนตรี(ครม.)ที่จะเข้ามาดำรงตำแหน่งในรัฐบาล "สมัคร 1" ทำให้เริ่มเห็นการเข้ามาเก็งกำไรทั้ง ในหุ้นที่เกี่ยวข้องกับเครือญาติรัฐมนตรี และหุ้นที่จะได้รับประโยชน์จากนโยบายของรัฐบาล

ขาใหญ่จี้จับตาทุนนอก

แหล่งข่าวนักลงทุนรายใหญ่ กล่าวถึง แนวโน้มการลงทุนใน 1-2 เดือนข้างหน้า ว่า ตลาดหุ้นจะผันผวนในทิศทางขาขึ้นมากขึ้น เนื่องจากนักลงทุนต่างชาติที่เป็นทั้งนักลงทุนต่างชาติจริงจากฝั่งสหรัฐฯ และยุโรป รวมถึงนักลงทุนไทยที่ส่งคำสั่งซื้อขายผ่านบริษัทหลักทรัพย์ในต่างประเทศ เพื่อให้เป็นออเดอร์จากต่างประเทศจะเข้ามาลงทุนมากขึ้น

"แม้มาตรการต่างๆ ของรัฐบาลสหรัฐฯ ที่ออกมาเพื่อบรรเทาปัญหาจะสร้างความเชื่อมั้นให้นักลงทุนได้ในระดับหนึ่ง แต่สิ่งที่นักลงทุนไม่รู้คือผลกระทบที่อาจจะตามมาเพิ่มเติมจากปัญหาซับไพรม์ที่หลายฝ่ายระบุตรงกันว่า ถึงปัจจุบันปัญหาดังกล่าวยังไม่ถึงจุดสิ้นสุด แต่หากพิจารณาถึงปัญหาภายในประเทศ ซึ่งก่อนหน้านี้เคยเป็นประเด็นที่ทำให้นักลงทุนไม่มั่นใจที่จะเข้ามาลงทุนในขณะนี้มีความชัดเจนมากขึ้น และจะได้รัฐบาลที่มาจากการเลือกตั้งน่าจะช่วยสร้างความมั่นใจให้แก่นักลงทุนในประเทศได้ในระดับหนึ่ง"

อย่างไรก็ตาม ในสภาวะขาขึ้นของตลาดหุ้นในรอบนี้ หากติดตามข้อมูลอย่างใกล้ชิดจะพบว่าหุ้นที่ปรับตัวเพิ่มขึ้น นอกจากจะมีหุ้นขนาดใหญ่ที่ก่อนหน้านี้นักลงทุนต่างชาติขายออกไปค่อนข้างมากแล้ว ยังมีหุ้นที่อยู่ในกลุ่มที่ถูกเรียกว่าหุ้นการเมืองที่ราคาปรับตัวเพิ่มขึ้นอย่างโดดเด่น อาทิ บมจ.เอ็ม ลิ้งค์ เอเชีย คอร์ปอเรชั่น (MLINK) บมจ.วินโคสท์ อินดัสเทรียล พาร์ค (WIN) บมจ.อิตาเลียนไทย ดีเวล๊อปเมนต์ (ITD) บมจ.ซิโน-ไทย เอ็นจีเนียริ่ง แอนด์ คอนสตรัคชั่น (STEC) บมจ.เอสซี แอสเสท คอร์ปอเรชั่น (SC) เป็นต้น

"หุ้นเก็งกำไรหลายตัวที่เคยร้อนแรงก่อนหน้านี้อาจจะเริ่มเงียบไป แต่ในรอบนี้จะเริ่มเห็นหุ้นกลุ่มการเมืองรวมทั้งหุ้นขนาดใหญ่กลับมาสดใสอีกครั้ง" แหล่งข่าวกล่าว

รอดัชนีสหรัฐฯชี้นำตลาดหุ้น

นายมนตรี ศรไพศาล ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บล.กิมเอ็ง (ประเทศไทย) กล่าวว่า ตลาดหุ้นไทยช่วงนี้ยังคงผันผวนจากปัจจัยเรื่องเศรษฐกิจสหรัฐฯ ที่เข้าสู่ภาวะถดถอยยังไม่จบ และคาดว่าจะต้องใช้เวลาอีกระยะหนึ่ง โดยต้องรอดูผลการประกาศตัวเลขเศรษฐกิจต่างๆ ซึ่งล้วนแต่จะเป็นปัจจัยกดดันตลาดหุ้นสหรัฐฯ และตลาดหุ้นทั่วโลก

สำหรับสถานการณ์การเมืองในประเทศการที่มีรัฐบาลใหม่ถือเป็นเรื่องที่ดี แม้จะมีทั้งคนเห็นด้วยและไม่เห็นด้วย แต่ต้องเคารพเสียงส่วนมากเพื่อให้ประเทศเดินหน้าต่อไปได้ ซึ่งตลาดหุ้นไทยได้ขานรับด้วยการปรับขึ้นในช่วง 2-3 วันที่ผ่านจากการเมืองที่ชัดเจนมากขึ้น

"เราควรให้โอกาสรัฐบาลใหม่ทำงาน แม้บางคนจะไม่มีชื่อเสียงหรือคุ้นหน้าในตำแหน่งหน้าที่ที่รับผิดชอบ โดยสิ่งที่อยากให้รัฐบาลเร่งดำเนินการคือ การฟื้นความเชื่อมั่นทำให้ประเทศมีเสถียรภาพและทำให้ประชาชนเชื่อว่า การปกครองจะเป็นไปด้วยหลักนิติธรรม และเข้ามาทำงานเพื่อประเทศจริงๆ ไม่สร้างให้เกิดความขัดแย้งเหมือนในอดีตที่ผ่านมา รวมทั้งเร่งการใช้จ่ายภาครัฐเพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจ ดังนั้นเมื่อความเชื่อมั่นกลับมาการบริโภคและการลงทุนจะปรับตัวดีขึ้น ซึ่งจะเป็นแรงหนุนให้เศรษฐกิจและตลาดทุนไทยปรับตัวดีได้"

นายไพบูลย์ นลินทรางกูร กรรมการผู้จัดการ บล.ทิสโก้ กล่าวว่า ตลาดหุ้นไทยในช่วง 3-4 เดือนนี้จะยังผันผวน จากปัญหาเศรษฐกิจสหรัฐฯ โดยคาดว่าตัวเลขเศรษฐกิจสหรัฐฯ จะออกมาในเชิงลบ รวมทั้งอัตราเงินเฟ้อในประเทศที่อยู่ในระดับสูงจะกดดันให้การปรับลดอัตราดอกเบี้ยในประเทศทำได้ยาก

อย่างไรก็ตาม แม้ว่าเศรษฐกิจสหรัฐฯ จะชะลอตัว แต่จะไม่เข้าสู่ภาวะถดถอย เพราะหลังจากเฟดลดดอกเบี้ยลง 1.25% บวกกับมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจของรัฐบาลสหรัฐฯ ด้วยการคืนภาษีจำนวน 1.5 แสนล้านดอลลาร์สหรัฐ จะมีส่วนช่วยบรรเทาปัญหาได้มาก ขณะที่สภาพคล่องทั่วโลกยังอยู่ในระดับสูง โดยเฉพาะในเอเชียที่มีทุนสำรองจำนวนมาก ดังนั้นเมื่อสถาบันการเงินที่ขาดทุนจากปัญหาซับไพรม์และมีความจำเป็นต้องเพิ่มทุน เงินทุนส่วนนี้ก็จะไหลเข้าไปในสถาบันการเงินเหล่านั้น โดยจะเห็นได้จากที่ซิตี้กรุ๊ป สามารถหาเงินเพิ่มทุนได้อย่างรวดเร็ว ซึ่งส่วนนี้จะช่วยบรรเทาปัญหาเศรษฐกิจสหรัฐฯ ให้ลดความรุนแรงลงได้

ขณะเดียวกัน คาดว่าในช่วงครึ่งปีหลังความเสียหายจากปัญหาซับไพรม์จะชัดเจนขึ้นและตลาดหุ้นจะลดความผันผวน สำหรับปัจจัยทางการเมืองที่ชัดเจนขึ้นทำให้นักลงทุนต่างชาติเริ่มลดความกังวลลง โดยยังมีนักลงทุนต่างชาติบางส่วนที่รอดูนโยบายของรัฐบาลใหม่ให้ชัดเจนก่อน ซึ่งเชื่อว่าเมื่อเห็นนโยบายที่ชัดเจนแล้วนักลงทุนต่างชาติก็จะกลับเข้ามาลงทุนในตลาดหุ้นไทย เพราะตลาดหุ้นไทยยังมีค่า P/E ต่ำ เมื่อเทียบกับตลาดหุ้นอื่นในเอเชีย

โบรกเกอร์เชื่อหุ้นผันผวนหนัก

บล.กิมเอ็ง (ประเทศไทย) เปิดเผยในบทวิเคราะห์ประจำเดือน ก.พ. 51 โดยระบุว่า ตลาดหุ้นทั่วโลกในวันนี้จะยังคงผันผวนต่อไป โดยในเดือนนี้จะมีตัวแปรที่อาจจะส่งผลต่อเคลื่อนไหวของตลาดหุ้นไม่ว่าจะเป็นผลประกอบการของบริษัทจดทะเบียนในสหรัฐฯ รวมถึงข้อมูลทางเศรษฐกิจต่างๆ และมาตรการของเฟดและรัฐบาลกลางสหรัฐฯเพื่อแก้ไขปัญหาการชะลอตัวของเศรษฐกิจ โดยคาดว่าดัชนีตลาดหุ้นไทยจะเคลื่อนไหวในกรอบ 700-800 จุด

ทั้งนี้ เนื่องจากปัจจัยพื้นฐานของตลาดหุ้นไทยยังคงแข็งแกร่ง ทำให้บริษัทจึงไม่มีเหตุผลที่จะปรับลดเป้าดัชนีปลายปี 51 ที่ระดับ 1,000 จุดลงในขณะนี้ แม้ว่าการชะลอตัวของเศรษฐกิจสหรัฐฯจะส่งผลกระทบต่อเศรษฐกิจไทยอย่าง หลีกเลี่ยงไม่ได้ แต่เราเชื่อว่าผลกระทบที่เกิดขึ้นจะต่ำกว่าระดับที่ตลาดคาดไว้ในขณะนี้และได้ถูกตอบรับไปในราคาหุ้นขณะนี้แล้ว

อย่างไรก็ตามบริษัทปรับลดประมาณการอัตราการเติบโตผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศปี 2551 ลงจาก 5.50% เป็น 4.50-5.00% โดยเหตุผลหลักก็คือการชะลอตัวของเศรษฐกิจสหรัฐฯ, ราคาน้ำมันที่ยังอยู่ในระดับสูง และโอกาสการแข็งค่าของเงินบาทที่เพิ่มขึ้น

ในส่วนของอัตราเงินปันผล ถือว่าอยู่ในระดับที่น่าดึงดูดใจ หลังจากราคาหุ้นอ่อนตัวลงมามาก และเมื่อเปรียบเทียบกับคาดการณ์ถึงการปรับลดอัตราดอกเบี้ยต่อ โดยหุ้นที่เราทำการศึกษาทั้งหมดมีอัตราเงินปันผลตอบแทนเฉลี่ยในปี 2550 อยู่ที่ 5.59%

สำหรับ 3 กลยุทธ์หลักเผชิญหน้าต่อตลาดที่ผันผวนในเดือนกุมภาพันธ์ดังนี้ 1) เก็งกำไรหุ้นขนาดใหญ่ตามกรอบการเหวี่ยงของดัชนีสำหรับนักลงทุนระยะสั้น 2) เน้นหุ้นผลประกอบการที่มีแนวโน้มเติบโตดีสำหรับนักลงทุนระยะกลาง และ 3) เลือกหุ้นที่มีอัตราการจ่ายปันผลสูงสำหรับนักลงทุนระยะยาว   




 








upcoming issue

จากโต๊ะบรรณาธิการ
past issue
reader's guide


 



home | today's news | magazine | columnist | photo galleries | book & idea
resources | correspondent | advertise with us | contact us