Search Resources
 
Login เข้าระบบ
สมัครสมาชิกฟรี
ลืมรหัสผ่าน
 
  homenewsmagazinecolumnistbooks & ideaphoto galleriesresources50 managermanager 100join us  
 
 


bulletToday's News
bullet Cover Story
bullet New & Trend

bullet Indochina Vision
bullet2 GMS in Law
bullet2 Mekhong Stream

bullet Special Report

bullet World Monitor
bullet2 on globalization

bullet Beyond Green
bullet2 Eco Life
bullet2 Think Urban
bullet2 Green Mirror
bullet2 Green Mind
bullet2 Green Side
bullet2 Green Enterprise

bullet Entrepreneurship
bullet2 SMEs
bullet2 An Oak by the window
bullet2 IT
bullet2 Marketing Click
bullet2 Money
bullet2 Entrepreneur
bullet2 C-through CG
bullet2 Environment
bullet2 Investment
bullet2 Marketing
bullet2 Corporate Innovation
bullet2 Strategising Development
bullet2 Trading Edge
bullet2 iTech 360°
bullet2 AEC Focus

bullet Manager Leisure
bullet2 Life
bullet2 Order by Jude

bullet The Last page


ตีพิมพ์ใน นิตยสารผู้จัดการ
ฉบับ กุมภาพันธ์ 2539








 
นิตยสารผู้จัดการ กุมภาพันธ์ 2539
ดิโอสดาโด ซี.ซาลวาดอร์ จูเนียร์ สงคราม"เด็ก"ที่ไม่ใช่เรื่องเล็กๆ             
 


   
search resources

จอห์นสันแอนด์จอห์นสัน
ดิโอสดาโด ซี.ซาลวาดอร์ จูเนียร์




ปี 2538 ที่ผ่านมา เป็นปีที่บริษัท จอห์นสัน แอนด์ จอห์นสัน (ไทย) มีการเฉลิมฉลองเนื่องในโอกาสที่ดำเนินมายาวนานถึง 25 ปี ด้วยการประกาศแผนการรุกธุรกิจในประเทศไทยที่เร้าใจยิ่ง เพราะแม้ว่าจะมีชื่อเสียงเป็นที่รู้จักของผู้บริโภค โดยเฉพาะอย่างยิ่งในกลุ่มของแม่และเด็กเป็นอย่างดี แต่เมื่อคิดออกมาเป็นส่วนแบ่งการตลาดแล้ว ก็ไม่ใช่เรื่องที่จอห์นสัน แอนด์ จอห์นสัน สบายใจนัก

ในวาระดังกล่าวนายดิโอสดาโด ซี.ซาลวาดอร์ จูเนียร์ กรรมการผู้จัดการบริษัท คนปัจจุบัน ซึ่งเข้ามารับตำแหน่งในประเทศไทยเมื่อวันที่ 1 กันยายน 2537 หลังจากที่นายแกรม เอ็ม.ไบรส์ ลาออกไปเป็นกรรมการอำนวยการ บริษัท ริชมอนเด้ (บางกอก) จำกัด ได้ประกาศอย่างชัดเจนว่า จะผลักดันยอดขายโดยรวมของบริษัทให้ได้ถึง 4,000 ล้านบาท หรือเพิ่มขึ้นอีกหนึ่งเท่าตัว ภายในระยะเวลา 5 ปีนับจากนี้

ในปี 2538 ที่ผ่านมาจอร์นสัน แอนด์ จอร์นสันมียอดขายโดยรวมประมาณ 2,000 บาท ซึ่งมาจากสายผลิตภัณฑ์ใน 4 กลุ่มหลัก คือ ผลิตภัณฑ์สุขอนามัย ผลิตภัณฑ์เด็กและทารก ผลิตภัณฑ์ดูแลผิวพรรณ และผลิตภัณฑ์ชาวเวอร์ ทู ชาวเวอร์ในอัตราส่วน 25% เท่าๆกัน

ในบรรดาผลิตภัณฑ์ทั้ง 4 กลุ่มดังกล่าวนี้ แป้งเย็นชาวเวอร์ทูชาวเวอร์มีอัตราการเติบโตสูงที่สุดถึง 20% ต่อปีและถือเป็นตลาดที่มีแนวโน้มของการเติบโตที่สดใสที่สุด โดยล่าสุด "ชาวเวอร์ทูชาวเวอร์" มีส่วนแบ่งการตลาดนำแป้งเย็นเซ็นลุกซ์ของอังกฤษตรางู ขณะที่ผลิตภัณฑ์ในกลุ่มสุขอนามัย "โมเดส และ แคร์ฟรี" ก็เป็นเจ้าตลาดผ้าอนามัย

แต่สำหรับกลุ่มผลิตภัณฑ์ดูแลผิวและผลิตภัณฑ์สำหรับเด็กของจอห์นสันฯนั้นยังเป็นรองบริษัทอื่นๆ อยู่ จึงเป็นเรื่องที่จอห์นสันฯต้องทำการกอบกู้สถานะโดยด่วนเฉพาะอย่างยิ่งในส่วนของผลิตภัณฑ์สำหรับเด็ก ซึ่งจอห์นสัน แอนด์ จอห์นสันเคยครองความเป็นเจ้าตลาดอยู่นานจนในช่วง 5 ปีที่ผ่านมา จอห์นสันฯ ต้องเพลี่ยงพล้ำให้แก่ "แคร์" ของคอลเกตปาล์มโอลีฟ ทำให้ปัจจุบันแคร์มีส่วนแบ่งตลาดอยู่ 40% ขณะที่จอห์นสันฯ มีส่วนแบ่งอยู่เพียง 25%

"ต้องยอมรับว่า จอห์นสันฯเป็นองค์กรขนาดกลางไม่สามารถนำไปเปรียบเทียบกับลีเวอร์หรือคอลเกต-ปาล์มโอลีฟได้ โดยเฉพาะเรื่องของเงินทุนที่บริษัทแม่ให้การสนับสนุน กระนั้นก็ดีประเทศไทยเป็นเพียงไม่กี่ประเทศที่ผลิตภัณฑ์เด็กของจอห์นสันฯ ไม่ได้เป็นเจ้าตลาด ซึ่งเราคาดหวังว่าจะสามารถเข้าไปแย่งชิงส่วนแบ่งจากคอลเกต พร้อมกับทวงตำแหน่งเจ้าตลาดคืนมาได้ด้วย"นายดิโอสดาโดกล่าว

แผนการทวงตำแหน่งเจ้าตลาดของจอห์นสัน แอนด์ จอห์นสัน ประกอบไปด้วยกลยุทธ์หลัก 3 ส่วน คือ คนสินค้า และชื่อเสียงของจอห์นสัน แอนด์ จอห์นสันทั่วโลก

สำหรับเรื่องคนนั้น ในช่วงปีกว่าที่ผ่านมา จอห์นสัน แอนด์ จอห์นสันมีการเเปลี่ยนแปลงผู้บริหารระดับสูงคนสำคัญถึง 2 คน เริ่มจากนายดิโอสดาโด ซึ่งเป็นชาวฟิลิปปินส์ ก่อนหน้าที่จะมารับตำแหน่งในประเทศไทย เขาเคยเป็นรองผู้อำนวยการฝ่ายขาย ให้จอห์นสัน ฟิลิปปินส์โดยทำงานอยู่ที่นั่นเป็นเวลา 5 ปี

ย้อนหลังไปยิ่งกว่านั้นเขาเคยผ่านงานกับบริษัทการตลาดและการขายทั้งกับยูนิลีเวอร์ คอลเกต-ปาล์มโอลีฟ และกู้ดเยียร์ ทั้งในฟิลิปปินส์และสหรัฐอเมริกามาก่อน ซึ่งแน่นอนว่าประสบการณ์ที่ผ่านมาของเขาจะต้องเป็นประโยชน์กับจอห์นสัน แอนด์ จอห์นสัน ประเทศไทยอย่างมากในการแย่งชิงตำแหน่งผู้นำตลาดสินค้าเด็กกลับคืนมาจากคอลเกต-ปาล์มโอลีฟ

อีกคนคือ นายเจฟฟรี เดอ รี ผู้อำนวยการฝ่ายการตลาด ซึ่งเพิ่งเข้ามารับตำแหน่งนี้ได้เมื่อ 8 เดือนที่ผ่านมา โดยก่อนที่จะมาอยู่เมืองไทย เขารับหน้าที่ผู้จัดการฝ่ายการตลาดให้กับจอห์นสัน แอนด์ จอห์นสัน ออสเตรเลีย

เจฟฟรีกล่าวถึงสภาพตลาดผลิตภัณฑ์เด็กของไทยกับออสเตรเลียว่า มีทั้งในแง่ที่เหมือนและแตกต่าง โดยในแง่ที่เหมือนกันคือ ทั้งสองประเทศมี "แคร์" เป็นคู่แข่งรายสำคัญ แต่แตกต่างกันอย่างมากตรงที่ในออสเตรเลียนั้น จอห์นสัน แอนด์ จอห์นสันเป็นผู้นำตลาด ขณะที่ในไทยจอห์นสัน แอนด์ จอห์นสันเป็นผู้ตาม ซึ่งนี่เป็นภาระอันหนักอึ้งที่เขาจะต้องแก้ไข

อย่างไรก็ดี เจฟฟรียังโชคดีตรงที่ตลาดผลิตภัณฑ์เด็กในประเทศไทยยังเป็นตลาดที่มีศักยภาพในการเติบโตค่อนข้างสูง ทำให้โอกาสในการช่วงชิงตลาดคืนยังมีความเป็นไปได้ เพราะหากเป็นตลาดที่ค่อนข้างอิ่มตัวอย่างออสเตรเลีย การแย่งชิงส่วนแบ่งคืนจะทำได้ยากยิ่งขึ้นก็คงจะยิ่งแย่เข้าไปใหญ่ กระนั้นก็ดีเขายอมรับว่าเขาต้องทำงานหนักกว่าเดิมอย่างมาก

ในแง่ของสินค้านั้นนายดิโอสดาโดกล่าวอย่างชัดเจนว่า ในปีนี้จอห์นสัน แอนด์ จอห์นสันมีแผนการแนะนำสินค้าใหญ่ค่อนข้างเชิงรุก โดยในช่วงที่ผ่านมา บริษัทได้แนะนำแป้งเด็กสูตรดับเบิล โพรเท็คชั่น ซึ่งมีคุณสมบัติในการป้องกันความเปียกชื้นและผดผื่น

แต่ที่สำคัญที่สุด คือ จอห์นสันฯ ได้แนะนำสินค้าแบรนด์ใหม่ภายใต้ชื่อ "จอห์นสัน คิดส์" เข้าสู่ตลาด

"จอห์นสัน คิดส์เป็นสินค้าที่พัฒนาขึ้นมาเพื่อเจาะตลาดกลุ่มเด็กวัย 4-10 ปี ซึ่งเป็นเซกเมนต์ใหม่ที่ยังไม่มีค่ายใดส่งสินค้าลงทำตลาดมาก่อน ทั้งนี้จากการสำรวจความต้องการของลูกค้าแต่ละวัยของจอห์นสันพบว่า เด็กเล็กและเด็กโตมีความต้องการสินค้าแตกต่างกัน แต่ในปัจจุบันสินค้าที่จำหน่ายอยู่ในท้องตลาดเป็นสินค้าสำหรับเด็กเล็กทั้งสิ้น"ดีโอสดาโด้กล่าว

สินค้าตัวแรกของจอห์นสัน คิดส์ที่แนะนำเข้าสู่ตลาดคือ แชมพูสูตรผมไม่พันกัน

สาเหตุที่จอห์นสันเลือกแนะนำแชมพูจอห์นสัน คิดส์เข้าสู่ตลาดเป็นตัวแรก เนื่องจากเห็นว่า ปัจจุบันตลาดแชมพูสำหรับเด็กมีมูลค่าเพียง 5% ของตลาดแชมพูรวมทั้งสิ้น 5,500 ล้านบาท ทั้งๆ ที่ประชากรเด็กอายุระหว่าง 4-10 ปีมีจำนวนสูงถึง 20% ดังนั้นในจำนวน 15% ของเด็กกลุ่มนี้จึงใช้สินค้าสำหรับกลุ่มผู้ใหญ่ จึงเป็นโอกาสดีที่จอห์นสัน คิดส์ จะเข้ามาจับตลาดนี้

จะว่าไปแล้วแชมพูจอห์นสัน คิดส์นี้มีเป้าหมายในการทำตลาดเดียวกับที่ "รีจอยส์ คิดส์" ของพรอคเตอร์แอนด์ แกมเบิลเคยทำมาแล้ว ไม่ประสบความสำเร็จซึ่งเรื่องนี้ไม่ใช่สิ่งที่ผู้บริหารของจอห์นสันกังวลแต่อย่างใด ทั้งนี้เนื่องจากว่าจอห์นสัน แอนด์ จอห์นสันมีภาพพจน์ว่าเป็นสินค้าสำหรับเด็กอยู่เต็มตัว ขณะที่รีจอยส์ไม่มีตรงนี้แต่กลับไปมีภาพพจน์ในเรื่องแชมพูเพื่อความงามของผู้ใหญ่มากกว่า ทำให้ผู้ปกครองออกจะไม่มั่นใจในรีจอยส์ คิดส์นัก

จอห์นสัน คิดส์จึงหวังอาศัยความน่าเชื่อถือของจอห์นสัน แอนด์ จอห์นสัน ในการแจ้งเกิดด้วย

อย่างไรก็ดีนอกจากแชมพูแล้ว จอห์นสัน แอนด์ จอห์นสันยังมีแผนที่จะขยายสินค้าไปสู่กลุ่มผลิตภัณฑ์อื่นให้กว้างขึ้น และมีสินค้าครบทุกประเภทเช่นเดียวกับที่จอห์นสัน เบบี้เคยทำมาแล้ว โดยบริษัทหวังว่า "จอห์นสัน คิดส์" นี่เองที่จะเป็นตัวช่วยเพิ่มส่วนแบ่งตลาดให้กับกลุ่มผลิตภัณฑ์เด็ก จะกระทั่งสามารถพลิกสถานการณ์คืนมาได้

แต่จะต้องใช้เวลานานเท่าไรนั้น ยังไม่มีใครตอบได้แม้กระทั่งผู้บริหารของจอห์นสัน แอนด์ จอห์นสันเอง

   




 








upcoming issue

จากโต๊ะบรรณาธิการ
past issue
reader's guide


 



home | today's news | magazine | columnist | photo galleries | book & idea
resources | correspondent | advertise with us | contact us