Search Resources
 
Login เข้าระบบ
สมัครสมาชิกฟรี
ลืมรหัสผ่าน
 
  homenewsmagazinecolumnistbooks & ideaphoto galleriesresources50 managermanager 100join us  
 
 


bulletToday's News
bullet Cover Story
bullet New & Trend

bullet Indochina Vision
bullet2 GMS in Law
bullet2 Mekhong Stream

bullet Special Report

bullet World Monitor
bullet2 on globalization

bullet Beyond Green
bullet2 Eco Life
bullet2 Think Urban
bullet2 Green Mirror
bullet2 Green Mind
bullet2 Green Side
bullet2 Green Enterprise

bullet Entrepreneurship
bullet2 SMEs
bullet2 An Oak by the window
bullet2 IT
bullet2 Marketing Click
bullet2 Money
bullet2 Entrepreneur
bullet2 C-through CG
bullet2 Environment
bullet2 Investment
bullet2 Marketing
bullet2 Corporate Innovation
bullet2 Strategising Development
bullet2 Trading Edge
bullet2 iTech 360°
bullet2 AEC Focus

bullet Manager Leisure
bullet2 Life
bullet2 Order by Jude

bullet The Last page








 
ผู้จัดการรายสัปดาห์4 กุมภาพันธ์ 2551
เปิดแผนชิงผู้นำท่องเที่ยวอาเชียนปูพรมพร้อมไล่บี้อัดแคมเปญเพียบ!...             
 


   
search resources

Tourism




กลยุทธ์ Synergy of Asean : Towards Dynamic Unity in Diversity ผนึกกำลังชาติอาเซียน : จากความแตกต่างสู่เอกภาพที่แข็งแกร่ง กลายเป็นแก่นแท้ของหัวใจงานประชุมรมต.ท่องเที่ยวภาคีอาเซียน ATF หรือ ASEAN Tourism Forum ซึ่งจัดขึ้นทุกปีโดยผลัดเปลี่ยนกันเป็นเจ้าภาพไล่ตามลำดับอักษร ปีที่แล้วสิงคโปร์ ปีนี้ไทย และปีหน้าเวียดนาม

นอกจากรัฐมนตรีชาติสมาชิกมาตั้งโต๊ะพูดจาหาร่วมมือกันวิเคราะห์และพัฒนาท่องเที่ยว หากยังมีกิจกรรมหลายๆด้านทั้งจากภาครัฐและภาคเอกชนเข้ามาผสมโรงเพื่อร่วมเสนอขายสินค้าบริการด้านท่องเที่ยวจากทั่วโลก 56 ประเทศมากกว่า 630 ราย โรงแรม สายการบิน บริษัทนำเที่ยว ฯลฯ เป็นการพบกันระหว่างผู้ขายกับผู้ซื้อโดยตรง

จากตัวเลขสถิติปี 50ในกลุ่มอาเซียน- มาเลเซียมีนักท่องเที่ยวเดินทางเข้าประเทศมากที่สุด ประมาณกว่า 17.5 ล้านคน ขณะที่ประเทศไทยอยู่อันดับ 2 ประมาณกว่า 13.8 ล้านคนโดยสิงคโปร์ตามมาห่างๆถึง 9.7 ล้านคน

ต้องยอมรับว่ามาเลเซียทุ่มเทบุกอุตสาหกรรมท่องเที่ยวสูงมาก ทั้งๆที่มีศักยภาพในด้านแหล่งท่องเที่ยวสู้ประเทศไทยแทบไม่ได้โดยเฉพาะสินค้าธรรมชาติ

ว่ากันว่าปี 2550 มาเลเซียพยายามมุ่งมั่นดันแคมเปญ "Visit Malaysia Year" จนประสบความสำเร็จในระดับหนึ่ง โดยในปี 2551 เริ่มสร้างอีกแคมเปญ "Rasa Sayang" ฉลองการได้เอกราชครบรอบ 50 ปี มีความพยายามจะดึงพันธมิตรกลุ่มประเทศที่ได้เอกราชเดินทางเข้ามาท่องเที่ยวมาเลเซีย ตั้งเป้าหมายจะทำตลาดรวมต่างประเทศตลอดปีได้ 21.5 ล้านคน สร้างรายได้ 4.97 แสนล้านบาททีเดียว

เพราะผลพวง Visit Malaysia Year 2550-2551 การท่องเที่ยวมาเลเซียสามารถสร้างผลผลิตมวลรวมภายในประเทศ (GDP) ให้มาเลเซีย คิดเป็น 7.1% ของจีดีพี จากปี 2549 ทำไว้ 6.1% คิดเป็น 3.89 แสนล้านบาท โดยเฉพาะลูกค้าหลักยังคงเป็นจีนที่เพิ่มขึ้น 71% อินเดีย เพิ่ม 57.3% สินค้าไฮไลต์ขายกีฬาและ การเดินทางท่องเที่ยวเชิงธุรกิจ

สอดคล้องกับที่นักวิจัยจากสถาบันเศรษฐกิจแห่งชาติมาเลเซียระบุว่าเป็นไปตามแผนพัฒนาเศรษฐกิจฉบับที่ 9 ปี 2549-2553 การท่องเที่ยวจะผลักดันการเติบโตภาคบริการ จะได้เปรียบจากการใช้ความก้าวหน้า ทางเทคโนโลยีสารสนเทศเข้ามาบริหารจัดการสถานที่ท่องเที่ยวปี 2549 มีกลุ่มลงทะเบียน ทำหมู่บ้านโฮมสเตย์ 79 แห่ง 1,089 ครัวเรือน

เป็นที่น่าสังเกตจากกลยุทธ์ที่มาเลเซียนำมาใช้ด้วยการอัดแคมเปญส่งเสริมการท่องเที่ยวนั้นแม้ว่าตัวเลขนักท่องเที่ยวจะนำโด่งก็จริง แต่สิ่งที่ได้รับคือปริมาณนักท่องเที่ยวไม่ใช่ใครอื่นขาใหญ่สุดของมาเลเซียคือชาวสิงคโปร์โดยมีจำนวนเกือบครึ่งหนึ่งของนักท่องเที่ยวเข้าประเทศทั้งหมด โดยจะมีกลุ่มนักท่องเที่ยวชาวอิเหนาอินโดฯและไทยบ้าง

และเมื่อโฟกัสไปที่ตลาดหลักโดยสถิตินักท่องเที่ยวกระเป๋าหนัก ของประเทศไทยเหนือกว่าเยอะอย่าง 9 เดือนแรกของปี 50 นักท่องเที่ยวญี่ปุ่นเลือกไปเที่ยว

มาเลเซียเพียง 272,000 คน แต่มาประเทศไทยถึง 956,000 คน อังกฤษซึ่งเป็นตลาดใหญ่สุดของประเทศไทยในยุโรปแต่ไปเที่ยวมาเลเซียเพียง 188,000 คนโดยมาเที่ยวไทย 615,000 คน ชาวออสเตรเลียก็เช่นกันเข้าประเทศไทยมากกว่ามาเลเซียถึงเท่าตัว

ปัจจุบันผู้ประกอบการจึงไม่ค่อยวิตกกังวัลสักเท่าไรเนื่องจากศักยภาพท่องเที่ยวในตลาดหลักของประเทศไทยยังคงนำอยู่หัวแถวในกลุ่มอาเซียน

ที่สำคัญผลจาก "องค์กรการท่องเที่ยวโลกแห่งสหประชาชาติ" (United World Tourism Organization : UNWTO) พยากรณ์การท่องเที่ยว 2 ปีข้างหน้า พ.ศ.2553 "กลุ่มเอเชียตะวันออกและเอเชียแปซิฟิก" จะผงาดสู่อันดับ 2 ของโลก และมีนักเดินทางหมุนเวียน 195 ล้านคน/ปี โดยมีส่วนแบ่งตลาด 25.40% เป็นแรงกระตุ้นไทยและประเทศคู่แข่ง เร่งขยายการลงทุนรองรับทันที สร้างแผนแม่บทเชิงยุทธศาสตร์ด้วยกลยุทธ์มีสีสันต่างกันไป หวังปูพรมความสำเร็จข้างหน้า 5-10 ปี

ส่งผลให้การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) คีย์แมนตัวสำคัญที่คอยผลักดันขยายตลาดและการขาย ตั้งเป้าใช้แคมเปญกึ่งแบรนด์ "อะเมซิ่ง ไทยแลนด์" ผนวกไฮไลต์สถานที่ท่องเที่ยว 7 สิ่งมหัศจรรย์ จับมือกับภาคเอกชนทุกสาขา ผลิตแพ็กเกจตลอดทั้งปีวางขายทั้งในและ ต่างประเทศหลายพันโปรแกรม หวังเพิ่มตัวเลขนักท่องเที่ยวในปี 51 เป็นชาวต่างประเทศ 15.5 ล้านคนหมายถึงรายได้ 6.8 แสนล้านบาทที่จะได้รับ

ขณะเดียวกันตลาดในประเทศหวังไว้ที่ 82 ล้านคนครั้งเป็นรายได้ 3.8 แสนล้านบาท นอกจากนั้นแผนกลยุทธ์ที่สำคัญจะถูกนำมาใช้เพื่อให้ไทยก้าวสู่ประเทศศูนย์กลางการท่องเที่ยวเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ทางด้านธรรมชาติและวัฒนธรรมให้สำเร็จ คือการรักษาฐานลูกค้ากลุ่มซ้ำ สหภาพยุโรป เอเชีย+แปซิฟิก และสร้างกลุ่มใหม่เพิ่มขึ้น เช่น แอฟริกา ตะวันออกกลาง รัสเซีย และนักท่องเที่ยวหรูหรา luxury travel จากทั่วโลก เติบโตเพิ่มอีกปีละ 1-3%

ผู้ประกอบการท่องเที่ยวของไทยเชื่อว่าในอนาคตที่น่าเป็นห่วงมากที่สุด คือตลาดจีนที่กำลังถูกมาเลเซียไล่บี้อย่างหนักหน่วง หากย้อนไป 9 เดือนแรกของปี 49 ประเทศไทยมีนักท่องเที่ยวจีนถึง 747,000 คน ขณะที่ 9 เดือนแรกของปี 50 เหลือ 655,000 คนเท่านั้น ขณะที่มาเลเซียขยับจาก 286,000 ปี 49 พุ่งขึ้นมาเป็น 490,000 คนในปี 50 ดังนั้นททท.จึงต้องปรับแผนการตลาดหลายอย่างเพื่อพัฒนาตลาดนี้อย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้เช่นกัน

ประเทศเล็กๆอย่าง "สิงคโปร์" ยังคงเหนียวแน่นกับแบรนด์ Uniqely Singapore ที่ตั้งเป้าหวังผลระยะยาวปี 2558 เพื่อจะดึงนักท่องเที่ยวต่างประเทศให้ได้สูงถึง 17 ล้านคน ขณะที่การท่องเที่ยวสิงคโปร์ (Singapore Tourism Broad : STB) ยืนยันว่ามีสัญญาณที่ดีมาตั้งแต่ ปี 2547 จากนักท่องเที่ยว 8 ล้านคน ธันวาคม 2550 ฉลองนักท่องเที่ยวครบ 10 ล้านคน มั่นใจจะมีรายได้ 4.55 แสนล้านบาท

ปัจจุบันการท่องเที่ยวสิงคโปร์เติบโตเร็วมากส่งผลบวกโดยตรงต่อธุรกิจโรงแรม เห็นได้จากผลสำรวจตลอด 11 เดือนปีที่ผ่านมา ค่าห้องพักเฉลี่ย (average room rate : ARR) สูงขึ้น 29.8% ประมาณ 5,273 บาท/ห้อง/คืน สร้างรายได้ต่อห้องพัก (revenue per available room : RevPar) แตะ 3,871 บาท/ห้อง/คืน รายได้รวมห้องพักทั้งเกาะสิงคโปร์ 9 เดือนแรก มูลค่ากว่า 20,000 ล้านบาท (854.4 ล้านเหรียญสิงคโปร์)

ตลอด 11 เดือนของปี 2550 สิงคโปร์มีลูกค้ารายใหญ่จากจีนถึง 1,015,887 คน เพิ่ม 6.3% อินเดีย 678,914 คน เพิ่ม 13.7% กิจกรรมที่สิงคโปร์เตรียมไว้ไม้เด็ดก็มีจะเป็นสถานที่จัดการแข่งขันฟอร์มูล่าวัน กรังด์ปรีซ์ ครั้งที่ 1 กันยายนศกนี้ และการเปิดเมกะโปรเจ็กต์เอ็นเตอร์เทนเมนต์ คอมเพล็กซ์ มารีน่า เบย์ แซนด์ ในปี 2553

สอดคล้องกับที่ ลิม เนียว เชน รองประธานและกรรมการบริหาร การท่องเที่ยวสิงคโปร์ บอกว่าในปี 2551 นี้ สิงคโปร์จะให้ความสำคัญกับเรื่องการดึงดูดนักท่องเที่ยวในส่วนรายได้เป็นหลัก แทนการให้ความสำคัญกับจำนวนนักท่องเที่ยว โดยจะใช้นโยบายพัฒนาการท่องเที่ยวควบคู่ไปกับการพัฒนาสินค้าการท่องเที่ยว

ล่าสุดการท่องเที่ยวสิงคโปร์ร่วมกับพันธมิตรภาคเอกชนด้านท่องเที่ยวรุกตลาดต่างประเทศจัดโรดโชว์ในประเทศไทยขึ้น สร้างภาพลักษณ์ด้านการท่องเที่ยวเชิญชวนให้คนเดินทางไปร่วมสัมผัส

ด้าน"เวียดนาม" จัดเป็นประเทศที่มาแรงจากแคมเปญใหม่ที่เพิ่งจะเปิดตัว "Three Countries, One Destination" คือ 3 ประเทศ 1 จุดหมาย ผนวกจุดขายเที่ยวมรดกโลก 3 ประเทศ เวียดนาม-ลาว-กัมพูชา และ National Tourism Year in the Mekhong Delta ส่งเสริมการท่องเที่ยวสามเหลี่ยมลุ่มน้ำโขง เริ่มปี 2551 การปรับยุทธศาสตร์ของรัฐบาลเวียดนาม สามารถดึงดูดต่างชาติเข้าไปลงทุนภาคบริการ โรงแรม ปี 2550 ประมาณ 41 โปรเจ็กต์ มูลค่ากว่า 5.8 หมื่นล้านบาท (1,773 ล้านเหรียญสหรัฐ) ซึ่งหากรวมการลงทุนช่วง 10 ปี ระหว่าง 2541-2550 เวียดนามจะมีถึง 229 โปรเจ็กต์ มูลค่ากว่า 2.03 แสนล้านบาท (6,084 ล้านเหรียญสหรัฐ) โรดแมป ด้านท่องเที่ยวจะเร่งพัฒนาการท่องเที่ยวแบบให้ชุมชนเป็นพื้นฐาน โดยรัฐบาลเวียดนามตั้งเป้าปี 2553 จะเร่งทำรายได้ให้ถึง 1.33-1.5 แสนล้านบาท

ตลอดปี 2551 กุญแจเศรษฐกิจจากอุตฯท่องเที่ยวทั้ง 5 แคมเปญ จะทำให้ไทย+4ประเทศร้อนแรงสุดๆ ในตลาดโลก ซึ่งปัจจุบันวันนี้หากสังเกตประเทศรอบข้าง แล้วย้อนกลับมาดูตัวเองก็ยังเห็นว่าโอกาสประเทศไทยที่จะก้าวขึ้นมาเป็นผู้นำอุตสาหกรรมท่องเที่ยวของอาเซียนอยู่ไม่ไกลเลย

เพียงแต่ประเทศไทยยังมีการลงทุนด้านท่องเที่ยวน้อยมากเมื่อเทียบกับคู่แข่งที่อยู่เหนือเราอย่างมาเลเซีย หรือไล่หลังเราอย่างสิงคโปร์ หากประเทศไทยฮึดลงทุนให้มากขึ้น-แชมป์อาเซียนก็แค่เอื้อม…แต่คงต้องรอดูท่าทีของรัฐบาลชุดใหม่ที่มี สมัคร สุนทรเวช เป็นนายกจะสามารถสานฝันดันท่องเที่ยวไทยให้เป็นผู้นำอย่างเต็มตัวได้หรือไม่ต้องรอพิสูจน์   




 








upcoming issue

จากโต๊ะบรรณาธิการ
past issue
reader's guide


 



home | today's news | magazine | columnist | photo galleries | book & idea
resources | correspondent | advertise with us | contact us