Search Resources
 
Login เข้าระบบ
สมัครสมาชิกฟรี
ลืมรหัสผ่าน
 
  homenewsmagazinecolumnistbooks & ideaphoto galleriesresources50 managermanager 100join us  
 
 


bulletToday's News
bullet Cover Story
bullet New & Trend

bullet Indochina Vision
bullet2 GMS in Law
bullet2 Mekhong Stream

bullet Special Report

bullet World Monitor
bullet2 on globalization

bullet Beyond Green
bullet2 Eco Life
bullet2 Think Urban
bullet2 Green Mirror
bullet2 Green Mind
bullet2 Green Side
bullet2 Green Enterprise

bullet Entrepreneurship
bullet2 SMEs
bullet2 An Oak by the window
bullet2 IT
bullet2 Marketing Click
bullet2 Money
bullet2 Entrepreneur
bullet2 C-through CG
bullet2 Environment
bullet2 Investment
bullet2 Marketing
bullet2 Corporate Innovation
bullet2 Strategising Development
bullet2 Trading Edge
bullet2 iTech 360°
bullet2 AEC Focus

bullet Manager Leisure
bullet2 Life
bullet2 Order by Jude

bullet The Last page


ตีพิมพ์ใน นิตยสารผู้จัดการ
ฉบับ กุมภาพันธ์ 2539








 
นิตยสารผู้จัดการ กุมภาพันธ์ 2539
จุลจิตต์ บุณยเกตุ ถึงเวลาต้องทิ้งสยามทีวี             
 


   
search resources

ไอทีวี, บมจ.
จุลจิตต์ บุณยเกตุ
TV




ชายวัยกลางคนร่างสันทัดมาดเท่ห์ อารมณ์ดี ชอบสูบไปป์เป็นนิจสินเป็นบุคลิกของจุลจิตต์ บุณยเกตุหรือที่ใครต่อใครมักเรียกขานสั้นๆ ว่า เจ.เจ.ที่มักพบเห็นอยูเป็นประจำ

ด้วยคุณสมบัติของการเป็นมือประสานสิบทิศ ผสมกับประชาสัมพันธ์ชั้นเยี่ยมทำให้ชื่อเสียงของจุลจิตต์ติดอยู่บนทำเนียบของนักบริหารในองค์กรใหญ่ๆ มาตลอด นับตั้งแต่การดำรงตำแหน่งรองกรรมการผู้อำนวยการ บริษัทไทยออยล์ รวมทั้งนั่งเป็นกรรมการขององค์การสื่อสารมวลชนแห่งประเทศไทย (อ.ส.ม.ท.) ในยุคสมัยหนึ่ง จนมาถึงการนั่งเป็นกรรมการผู้อำนวยการใหญ่ ของสยามอินโฟเทนเม้นท์ เพื่อประกอบธุรกิจทีวีระบบยูเอชเอฟในนามไอทีวี

จุลจิตต์ ได้ชื่อว่าเป็นกลไกสำคัญในการคว้าสัมปทานทีวีเสรีมาให้กับกลุ่มสยามทีวี ทั้งในแง่ของสายสัมพันธ์ และการที่เขาคือหนึ่งในผู้ร่างทีโออาร์ประมูล จึงไม่ใช่เรื่องแปลกที่ในเวลาต่อมาจะปรากฏชื่อของ จุลจิตต์ในตำแหน่งรองประธานกรรมการบริหารของสยามทีวี แถมพ่วงด้วยประธานกรรมการบริหารของสหศินิมา

ช่วงชีวิตในระยะปีถึงสองปีที่ผ่านมาของจุลจิตต์ จึงค่อนข้างผูกติดอยู่กับธุรกิจทางด้านมีเดีย และอินฟอร์เมชั่นเทคโนโลยีอย่างเต็มตัว แม้ว่าปัจจุบันเขาจะนั่งเป็นรองกรรมการผู้อำนวยการของไทยออยล์

จุลจิตต์ มีความสนิทสนมเป็นอย่างดีกับ ดร.จิรายุ อิศรางกูร ณ อยุธยา ผู้อำนวยการสำนักทรัพย์สิน

จุลจิตต์นับเป็น 1 ใน 2 ขุนพล ตัวแทนของสำนักทรัพย์สิน ที่มีสหศีนิมาเป็นหัวหอกเคียงคู่กับบรรณวิทย์

บุญญรัตน์ ที่ส่งตรงมาจากแบงก์ไทยพาณิชย์ ในการนำพาสยามทีวีก้าวกระโดดเข้าสู่ธุรกิจมีเดียและอินฟอร์เมชั่นเทคโนโลยี ตามกระแสการเปลี่ยนแปลงของโลกธุรกิจ

การเปิดหมวกอำลาจากไอทีวีของจุลจิตต์ พร้อมกับเกษม จาติกวณิช บิ๊กบอสของไทยออยล์ เจ้าของฉายา "ซุปเปอร์เค" ผู้เป็นเจ้านายของจุลจิตต์ แถมพ่วงด้วยการยื่นใบลาออกของ ดร. เสรี วงษ์มณฑา ที่จุลจิตต์ดึงเข้ามาร่วามทีมบริหารซึ่งก่อนหน้านี้ก็เกิดปัญหาการถอนหุ้นของตงฮั้วและดอกเบี้ย จึงเป็นรูปธรรมของปมปัญหาที่ปะทุขึ้นมากับทีวีช่องใหม่แห่งนี้หลังจากที่ส่อเค้ามานาน

หากพิจารณาให้ดีแล้ว ไอทีวีคงไม่สามารถหลีกเลี่ยงปัญหาดังกล่าวได้เลย เพราะเงื่อนไขการประมูลที่ระบุไว้ว่าผู้เข้าร่วมประมูลจะต้องเป็นกลุ่มนิติบุคคลไม่ต่ำกว่า 10 ราย และจะต้องถือหุ้นไม่เกิน 10% ซึ่งเงื่อนไขนี้มีข้อดีในแง่ที่ว่าปกป้องไม่ให้เกิดการผูกขาด แต่ไม่ใช่เรื่องง่ายสำหรับบริษัทที่มีผู้ถือหุ้นที่มีถึง 10 รายจะดำเนินธุรกิจไปโดยไม่มีปัญหาในเรื่องของการบริหาร

ในเรื่องนี้ไพบูลย์ ดำรงชัยธรรมบิ๊กบอสแกรมมี่ ซึ่งเคยประกาศชัดเจนจะเข้าร่วมวงตั้งแต่ต้น พอมาเจอเงื่อนไขนี้เข้าก็ยังต้องยอมถอยฉากออกมาแค่ยืนดูอยู่ห่างๆ เพราะไม่เชื่อว่าโครงสร้างการถือหุ้นในลักษณะดังกล่าวจะทำให้ธุรกิจดำเนินไปได้

จึงไม่ใช่เรื่องแปลกอะไรที่ตงฮั้วและดอกเบี้ยจะถอนหุ้นออกไปโดยมีกลุ่มเนชั่นเข้าไปสวมแทน และอีกไม่นานคงต้องมีเหตุการณ์ในลักษณะเดียวกันนี้เกิดขึ้นอีกแน่ เพราะหลังจากไตรภพ ลิมปพัทธ์ ลาออกจากตำแหน่งกรรมการบริหารแล้ว มีความเป็นไปได้สูงมากที่ไตรภพอาจจะถอนหุ้นของบอร์น แอนด์ แอสโซซิเอทออก

แหล่งข่าวในไอทีวี เปิดเผยว่า ขณะนี้ผู้บริหารของสยามทีวีฯ ได้มีการทาบทามกลุ่มซีพีเจ้าพ่อค้าไก่ ที่หันมาเอาดีทางธุรกิจทางด่วนข้อมูลเข้ามาสวมหุ้นในแทน เพราะในเวลานี้ซีพีมีความพร้อมในทุกๆด้านไม่ว่าจะเป็นเครือข่ายโทรศัพท์ หรือ ธุรกิจสื่ออยู่ในมือ คงมาช่วยเหลือได้มากไม่ว่าจะเป็นในเรื่องระบบสาธารณูปโภค หรือในด้านของซอฟท์แวร์

สำหรับการบริหารก็เป็นเช่นเดียวกัน แม้ว่าจะมีความพยายามจัดรูปแบบโครงสร้างการบริหารงานให้เกิดความคล่องตัว ด้วยการจัดตั้งเป็นบอร์ดบริหารขึ้น ประกอบไปด้วยบรรณวิทย์, จุลจิตต์, กิตติ จันทราทิพย์, ไตรภพ ลิมปพัทธ์ ซึ่งบอร์ดบริหารชุดนี้เป็นผู้ที่ได้รับมอบหมายจากผู้ถือหุ้นให้มีสิทธิขาดในการตัดสินเรื่องและพิจารณาเรื่องต่างๆ ได้ทันที

แต่คงไม่ง่ายนักที่จะบริหารงานให้ลงตัวโดยไม่มีปัณหา เมื่อทุกฝ่ายต่างมีแนวคิดของตัวเอง ภาพความแตกร้าวจึงเกิดขึ้นพร้อมกับการอำลาของจุลจิตต์

ทว่า การเปิดหมวกอำลาของจุลจิตต์ในครั้งนี้ คงจะต้องเกิดขึ้นไม่วันใดก็วันหนึ่ง ไม่เพียงแค่ปัญหาในเรื่องความขัดแย้งในด้านของการบริหารเท่านั้น

แต่หากสังเกตให้ดี ในระยะหลังๆสำนักทรัพย์สินส่วนพระมหากษัตริย์ ซึ่งเป็นผู้บุกเบิกการลงทุนธุรกิจทีวีเสรีตั้งแต่ต้นต้องการลดบทบาทลงดำรงตนเป็นแค่ผู้ลงทุนเท่านั้น ภารกิจทั้งหมดเป็นแบงก์ไทยพาณิชย์ ซึ่งมีความต้องการและความพร้อมที่เข้าสู่ธุรกิจสื่อ และอินฟอร์เมชั่นเทคโนโลยีอยู่แล้ว

เนื่องจากแบงก์อื่นๆ ต่างมีสื่อทีวีอยู่แล้ว อาทิ ช่อง 7 มีเแบงก์กรุงศรีอยุธยาหนุนหลังอยู่ส่วนช่อง 3 มีแบงก์กรุงเทพสนับสนุน

การเข้ามาของแบงก์ไทยพาณิชย์ จึงเหมาะสมมากกว่าที่จะทำให้สำนักทรัพย์สินฯ ในนามของสหศีนิมา ซึ่งต้องการรักษาภาพความเป็นกลางในฐานะของสถาบันเอาไว้

การถอนตัวของจุลจิตต์ ซึ่งเป็นตัวแทนของสำนักทรัพย์สินไม่เพียงจะทำให้ภาพของสยามทีวีในมือของแบงก์ไทยพาณิชย์ชัดเจนขึ้นเท่านั้น แต่ยังทำให้ภาพของสำนักทรัพย์สินอาจดูดีขึ้น เพราะที่แล้วมาสยามทีวีถูกโจมตีมาตลอดว่าได้สัมปทานมาเพราะอาศัยบารมีของทรัพย์สิน และจุลจิตต์ก็เป็นผู้มีส่วนร่างทีโออาร์เอง

ยิ่งไปกว่านั้น ภารกิจของจุลจิตต์ที่ได้รับมอบหมายจากสำนักทรัพย์สินนั้นเสร็จสิ้นลงแล้ว

ในช่วงต้นสยามทีวีจำเป็นอย่างยิ่ง ต้องพึ่งพาจุลจิตต์ไม่ว่าจะเป็นเรื่องของสายสัมพันธ์ หรือการเป็นมือประสานในการจะได้สัมปทานมาไว้ในมือ แต่นับจากนี้ คุณสมบัติเหล่านี้ไม่ใช่สิ่งที่จำเป็นสำหรับไอทีวีอีกต่อไป

ความเชี่ยวชาญในเรื่องตลาดและผังรายการต่างหากคือ ความจำเป็นของไอทีวี ที่จะต้องแพร่สัญญาณสู่สาธารณชนในอีกไม่ช้านี้ และยังต้องแย่งส่วนแบ่งตลาดจากคู่แข่งขันจากสถานีโทรทัศน์ทั้ง 5 ช่องและเคเบิลทีวีอีกหลายสิบช่องที่เตรียมรับมือกันอย่างแข็งขัน

การเปลี่ยนแปลงของบอร์ดบริหารของไอทีวีต่อจากนี้คงจะมีรายชื่อของมือบริหารทางด้านการตลาด หรือผังรายการเข้ามาสวมแทน เช่นเดียวกับผังผู้ร่วมทุนคงต้องมีการเปลี่ยนแปลงเกิดขึ้นมาเป็นระลอกๆ จากปัญหาทางด้านบริหารที่จะเกิดขึ้นแน่

แต่ที่แน่ๆ ในเวลานี้บอร์ดรถไฟฟ้าของธนายง ได้ปรากฏชื่อของจุลจิตต์นั่งเป็นหนึ่งในคณะกรรมการที่มี เกษม จาติกวณิช เป็นประธานกรรมการบริหาร

และด้วยการที่คลุกคลีอยู่กับแวดวงของ"สื่อ"มาตลอด จุลจิตต์จึงไม่อาจทิ้งความชอบส่วนตัวนี้ไปได้ หนังสือพิมพ์ชาวไทย ที่กำลังจะเกิดขึ้นบนแผงหนังสือ ก็อาจมีชื่อของเจ.เจ.คนนี้ปรากฏอยู่

นั่นเพราะ ภารกิจครั้งใหม่ของจุลจิตต์ กำลังจะเริ่มขึ้นอีกครั้ง

   




 








upcoming issue

จากโต๊ะบรรณาธิการ
past issue
reader's guide


 



home | today's news | magazine | columnist | photo galleries | book & idea
resources | correspondent | advertise with us | contact us