Search Resources
 
Login เข้าระบบ
สมัครสมาชิกฟรี
ลืมรหัสผ่าน
 
  homenewsmagazinecolumnistbooks & ideaphoto galleriesresources50 managermanager 100join us  
 
 


bulletToday's News
bullet Cover Story
bullet New & Trend

bullet Indochina Vision
bullet2 GMS in Law
bullet2 Mekhong Stream

bullet Special Report

bullet World Monitor
bullet2 on globalization

bullet Beyond Green
bullet2 Eco Life
bullet2 Think Urban
bullet2 Green Mirror
bullet2 Green Mind
bullet2 Green Side
bullet2 Green Enterprise

bullet Entrepreneurship
bullet2 SMEs
bullet2 An Oak by the window
bullet2 IT
bullet2 Marketing Click
bullet2 Money
bullet2 Entrepreneur
bullet2 C-through CG
bullet2 Environment
bullet2 Investment
bullet2 Marketing
bullet2 Corporate Innovation
bullet2 Strategising Development
bullet2 Trading Edge
bullet2 iTech 360°
bullet2 AEC Focus

bullet Manager Leisure
bullet2 Life
bullet2 Order by Jude

bullet The Last page








 
ผู้จัดการรายสัปดาห์4 กุมภาพันธ์ 2551
LPNประกาศเลิกท้าชนคู่แข่ง ชูยุทธศาสตร์“แข่งกับตัวเอง”             
 


   
www resources

โฮมเพจ แลนด์ แอนด์ เฮ้าส์ - แลนด์แอนด์เฮ้าส์

   
search resources

แลนด์ แอนด์ เฮ้าส์, บมจ.
Real Estate




LPN ประกาศสู้กับตัวเอง เลิกแข่งกับคู่แข่ง เผยแข่งกับตัวเองยากกว่าแข่งกับคู่แข่งที่เป็นอับดับรอง ชูแผน 3 ขั้นมัดใจผู้บริโภค เริ่มจากก้าวเป็นผู้นำตลาด รักษาตำแหน่งผู้นำตลอดกาล และมุ่งพัฒนาเชิงคุณภาพเพื่อสร้างมูลค่าเพิ่มนำไปสู่การเติบโตแบบยั่งยืน เผยแผนลงทุนปีนี้ลุยต่ออีก 8โครงการมูลค่ารวมกว่า 12,000 ล้านบาท

การแข่งขันของตลาดซิตี้ คอนโดมิเนียม ที่รุนแรงขึ้นทุกขณะ ทำให้ดีเวลอปเปอร์ทุกรายต้องปรับกลยุทธ์ทุกรูปแบบเพื่อให้แบรนด์อยู่ในใจของผู้บริโภค หากคิดจะเลือกซื้อคอนโดมิเนียม

ทั้งนี้ กลยุทธ์ที่นำมาใช้หนีไม่พ้นการจัดแคมเปญลด แลก แจก แถม พ่วงด้วยการให้บริการหลังการขาย ซึ่งกลยุทธ์ดังกล่าวถูกนำมาใช้มาอย่างต่อเนื่อง จนทำให้ทุกวันนี้ หากผู้บริโภคคิดจะเลือกซื้อที่อยู่อาศัยทุกประเภท ไม่เฉพาะคอนโดมิเนียม การตัดสินใจเลือกซื้อนอกเหนือจากทำเล รูปแบบบ้าน และราคาแล้ว การจัดรายการส่งเสริมการขายของโครงการยังเป็นปัจจัยสำคัญในการตัดสินใจเลือกซื้อด้วย และหากโครงการใดไม่จัดแคมเปญลด แลก แจก แถม ยอดขายจะอืดมาก

บมจ.แอล.พี.เอ็น.ดีเวลลอปเมนท์ ที่แม้ว่าปัจจุบันจะเป็นเจ้าตลาดคอนโดมิเนียม ด้วยมาร์เก็ตแชร์มากถึง 18% แต่ก็ไม่ได้นิ่งนอนใจในการพยายามฉีกตัวเองให้แตกต่างจากคู่แข่งที่ตามมาอย่างชนิดที่หากเผลอหรือหยุดเดินคู่แข่งจะตามมาทันทันที ทำให้โอภาส ศรีพยัคฆ์ กรรมการผู้จัดการ ต้องคิดให้หนัก ตีโจทย์ให้แตกว่าแท้ที่จริงแล้วจะต้องทำอย่างไรจึงจะมัดใจผู้บริโภคให้ได้

ก่อนหน้านื้ แอล.พี.เอ็น.ฯได้ปรับตัวครั้งใหญ่ ด้วยการปรับโครงสร้างการบริหารจัดการ ดันลูกหม้อขึ้นกุมบังเหียนบริษัทในเครือทั้ง 3 แห่ง ประกอบด้วย 1.บริษัท ลุมพินี โปรเจค มาเนจเมนท์ เซอร์วิส จำกัด (LPS) 2.บริษัท ลุมพินี พรอพเพอร์ตี้ มาเนจเมนท์ จำกัด (LPP) และ3.บริษัท พรสันติ จำกัด (PST)เพื่อรองรับการเติบโตขององค์กร และดูแลชาวชุมชนแอล.พี.เอ็น.ฯที่คาดว่าในช่วง 5 ปีข้างหน้าจะมีมากถึง 100,000 ครอบครัว โดยปัจจุบันมีโครงการที่ต้องดูแลรวม 46 โครงการ จำนวน 105 อาคาร คิดเป็นพื้นที่รวมทั้งสิ้น 1.3 ล้านตารางเมตร

โอภาส บอกว่า “การปรับโครงสร้างครั้งนั้น ถือเป็นก้าวสำคัญที่จะทำให้องค์กรเติบโตอย่างยั่งยืน แต่ยังไม่เพียงพอต่อการรักษาตำแหน่งผู้นำตลาดไว้ได้ตลอดกาล ดังนั้น การดำเนินงานจะต้องมีการปรับตัวตลอดเวลา เพื่อให้เข้าถึงผู้บริโภค และมัดใจไว้ โดยนโยบายที่แอล.พี.เอ็น.ฯได้นำมาใช้นั้น จะไม่เน้นแข่งขันกับคู่แข่งโดยตรง แต่จะเน้นการแข่งกับตัวเอง เพราะการแข่งกับตัวเองซึ่งเป็นเจ้าตลาดนั้นยากกว่าแข่งกับคู่แข่งที่ยังมีมาร์เก็ตแชร์อันดับรองลงไปจากแอล.พี.เอ็น.ฯ ซึ่งการแข่งกับเจ้าตลาดน่าจะยากกว่าการแข่งกับอันดับรอง นั่นคือที่มาที่แอล.พี.เอ็น.ฯเน้นแข่งขันกับตัวเอง”

แผนการแข่งกับตัวเองนั้น กรรมการผู้จัดการ บอกว่า จะต้องทำอย่างไรให้การบริหารจัดการ การทำการตลาดแตกต่างจากช่วงที่ผ่านมา ซึ่งยุทธศาสตร์ดังกล่าวเริ่มตั้งแต่หลังวิกฤตต้มยำกุ้ง โดยแผนระยะแรกเริ่มในปี 2545-2547 ได้วางเป้าหมายเป็นผู้นำตลาดคอนโดมิเนียม ซึ่งทุกวันนี้แผนการดังกล่าว ทำให้แอล.พี.เอ็น.ฯก้าวเป็นผู้นำตลาดด้วยมาร์เก็ตแชร์มากถึง 30% ในช่วงที่ตลาดคอนโดมิเนียมยังไม่บูมเท่ากับช่วง 2-3 ปีที่ผ่านมา และปัจจุบันมีมาร์เก็ตแชร์ 18% แต่ฐานลูกค้าโตขึ้นมาก

ส่วนแผนระยะที่สอง เริ่มในปี 2548-2550 จะต้องรักษาบังลังก์ผู้นำในตลาดคอนโดมิเนียมไว้อย่างเหนียวแน่น และแผนระยะที่สามเริ่มในปี 2551-2553 ซึ่งจะต้องพัฒนาโครงการเชิงคุณภาพเพื่อสร้างมูลค่าเพิ่มไปสู่การเติบโตอย่างยั่งยืน

สำหรับแผนการลงทุนในปีนี้ บริษัทฯมีแผนจะเปิดโครงการใหม่อย่างน้อย 8 โครงการ คิดเป็นมูลค่ารวมกว่า 12,000 ล้านบาท โดยใช้แบรนด์ “ลุมพินี คอนโดทาวน์” เป็นธงนำ เพื่อรองรับความต้องการที่อยู่อาศัยของกลุ่มลูกค้าระดับกลาง-ล่าง และรักษาฐานลูกค้าระดับกลาง-บน ด้วยแบรนด์”ลุมพินี เพลส” และ”ลุมพินี วิลล์” ซึ่งในช่วงครึ่งปีแรกจะเปิดตัวโครงการใหม่ 3 โครงการ นอกจากนี้ บริษัทฯยังเตรียมรับรู้รายได้อีกเกือบ 8,000 ล้านบาท จาก 5 โครงการ ได้แก่ ลุมพินี เพลส รัชดา-ท่าพระ,ลุมพินี วิลล์ รามคำแหง 44 ,ลุมพินี คอนโดทาวน์ บดินทร์เดชา-รามคำแหง,ลุมพินี คอนโดทาวน์ รามอินทรา-หลักสี่ และลุมพินี วิลล์ รามอินทรา-หลักสี่

ด้านแผนการดำเนินงานของบริษัท พรสันติ ซึ่งเป็นบริษัทในเครือ ดูแลโดยสมศรี เตชะไกรศรี กรรมการผู้จัดการ โดยพรสันติจะดำเนินงานไปในทิศทางเดียวกับกับบริษัทแม่ คือจะพัฒนาโครงการอสังหาริมทรัพย์ที่ไม่ใช่คอนโดมิเนียม เพราะไม่ต้องการให้แข่งขันกับบริษัทแม่ แต่จะพัฒนาโครงการอสังหาริมทรัพย์ทุกประเภท ยกเว้นคอนโดมิเนียม เช่น ทาวน์เฮาส์ อาคารพาณิชย์ และพื้นที่เชิงพาณิชย์ ซึ่งส่วนใหญ่จะเกาะไปกับโครงการคอนโดมิเนียมต่าง ๆ ที่จะมีพื้นที่เหลือรอบ ๆ โครงการ

ปัจจุบันพรสันติมีที่ดินพร้อมพัฒนารวม 5 แปลง ตั้งอยู่ที่นวมินทร์,ลาดพร้าว ,สุทธิสาร ,ปิ่นเกล้า และรามอินทรา ซึ่งทุกแปลงมีขนาดที่ดินไม่มากนัก เฉลี่ยไม่เกิน 1 ไร่ ซึ่งปีนี้จะพัฒนารวม 5 โครงการ มูลค่ารวม 1,350 ล้านบาท โดยตั้งเป้ายอดขายเติบโตขึ้นปีละ 20% และมีกำไรเบื้องต้นประมาณ 30%   




 








upcoming issue

จากโต๊ะบรรณาธิการ
past issue
reader's guide


 



home | today's news | magazine | columnist | photo galleries | book & idea
resources | correspondent | advertise with us | contact us