Search Resources
 
Login เข้าระบบ
สมัครสมาชิกฟรี
ลืมรหัสผ่าน
 
  homenewsmagazinecolumnistbooks & ideaphoto galleriesresources50 managermanager 100join us  
 
 


bulletToday's News
bullet Cover Story
bullet New & Trend

bullet Indochina Vision
bullet2 GMS in Law
bullet2 Mekhong Stream

bullet Special Report

bullet World Monitor
bullet2 on globalization

bullet Beyond Green
bullet2 Eco Life
bullet2 Think Urban
bullet2 Green Mirror
bullet2 Green Mind
bullet2 Green Side
bullet2 Green Enterprise

bullet Entrepreneurship
bullet2 SMEs
bullet2 An Oak by the window
bullet2 IT
bullet2 Marketing Click
bullet2 Money
bullet2 Entrepreneur
bullet2 C-through CG
bullet2 Environment
bullet2 Investment
bullet2 Marketing
bullet2 Corporate Innovation
bullet2 Strategising Development
bullet2 Trading Edge
bullet2 iTech 360°
bullet2 AEC Focus

bullet Manager Leisure
bullet2 Life
bullet2 Order by Jude

bullet The Last page








 
ผู้จัดการรายสัปดาห์4 กุมภาพันธ์ 2551
แสนสิริไม่สะดุดแผนเพิ่มทุนชะงักเดินหน้าสานฝันบัลลังก์ผู้นำตลาด             
 


   
www resources

โฮมเพจ แสนสิริ

   
search resources

แสนสิริ, บมจ.
Real Estate




แสนสิริยังเกาะเก้าอี้ตำแหน่งเบอร์ 2 อสังหาฯ เดินหน้าลุย 15 โครงการ ตั้งเป้าโต 25% มั่นใจธุรกิจไม่สะดุดแม้ภาวะตลาดไม่เอื้อเรื่องเพิ่มทุนหลังจากรอนานกว่า 1 ปี ชี้ยังมีงบพร้อมลงทุน จากยอดรับรู้รายได้ที่จะเข้ามาต่อเนื่อง เร่งรัดเข็มขัดบริหารต้นทุน หวังตรึงราคาขายเดิม รักษาผลกำไร

ความพยายามของแสนสิริที่ผลักตัวเองให้ก้าวสู่ตำแหน่งเบอร์หนึ่งในธุรกิจบ้านจัดสรร ณ วันนี้อาจจะได้เห็นภาพที่ชัดเจนขึ้น จากทุ่มงบประมาณมหาศาลในช่องทางต่างๆ เพื่อรุกสร้างแบรนด์อย่างหนักให้เป็นที่คุ้นเคยในกลุ่มผู้บริโภค และเพื่อสร้างความยิ่งใหญ่และรุกไปสู่การเป็นเบอร์หนึ่งได้อย่างรวดเร็ว แสนสิริตัดสินใจประกาศเพิ่มทุนเท่าตัวจากเดิม 6,305 ล้านบาทเป็น 12,610 ล้านบาทเมื่อปลายปี 2549 พร้อมออกวอร์แรนต์ที่รองรับการเพิ่มทุนสูงสุดเป็น 19,238 ล้านบาทภายในระยะเวลา 5 ปี ซึ่งจะทำให้ทุนจดทะเบียนของแสนสิริเพิ่มขึ้นใกล้เคียงกับเบอร์หนึ่งอย่างแลนด์ แอนด์ เฮ้าส์ และมีฐานะทางการเงินที่แข็งแกร่ง สัดส่วนหนี้สินต่อทุนลดลงจาก 1.37 เหลือ 0.88 ทันที สามารถขยายการลงทุนในธุรกิจที่อยู่อาศัยได้ครบทุกเซกเมนต์มากยิ่งขึ้น เป็นการมุ่งหวังที่จะเติบโตแบบก้าวกระโดด ซึ่งเศรษฐา ทวีสิน กรรมการผู้จัดการ เห็นว่า กลยุทธ์การรุกตลาดในทุกเซกเมนต์เป็นสิ่งเดียวที่จะช่วยผลักให้แสนสิริก้าวไปสู่การเป็นเป็นเบอร์หนึ่งในธุรกิจนี้ได้

แม้เวลาจะผ่านมากว่า 1 ปีแล้วก็ตาม แผนการเพิ่มทุนก็ยังไม่คืบหน้า เนื่องจากภาวะตลาดทุนที่ไม่เอื้อ แต่เศรษฐาก็ยังยืนยันว่าไม่ส่งผลกระทบต่อการดำเนินธุรกิจของแสนสิริ เนื่องจากบริษัทมีกระแสเงินสดเพียงพอในการขยายธุรกิจ และมียอดขายล่วงหน้า (Pre-Sale Backlog) แล้วกว่า 21,500 ล้านบาท ซึ่งจะเป็นรายรับเข้ามาอย่างต่อเนื่องในอีก 1-3 ปีข้างหน้า แต่หากภาวะตลาดดีขึ้นเมื่อไหร่ ก็พร้อมจะเพิ่มทุนทันที

การเพิ่มทุนครั้งนี้ เศรษฐาสนใจที่จะเข้าซื้อหุ้นเพิ่มทุนด้วยในสัดส่วนไม่เกิน 24% ซึ่งจะกลายเป็นผู้ถือหุ้นใหญ่แทนบริษัท เนเชอรัล พาร์ค จำกัด (มหาชน) (N-PARK) หลังจากที่ N-PARK ประสบปัญหาด้านการเงิน จึงได้ทยอยขายหุ้นหลายตัวในมือออกไปเพื่อชำระหนี้ ทำให้ขณะนี้เหลือหุ้นแสนสิริอยู่ในมือเพียงไม่มากนัก อย่างไรก็ตามสิทธิในการบริหารงานยังคงเป็นของผู้บริหารกลุ่มเดิม ดังนั้นปัจจัยสำคัญจึงอยู่ที่ว่าเมื่อไหร่จังหวะตลาดจึงจะฟื้นตัวเพื่อให้แผนการเพิ่มทุนครั้งนี้ประสบความสำเร็จ เพราะนักลงทุนเป็นชาวต่างชาติและเป็นนักลงทุนสถาบัน ซึ่งขณะนี้ได้รับผลกระทบจากปัญหาซับไพร์มอย่างรุนแรง รวมทั้งติดกฎเกณฑ์ของคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (กลต.) ที่การขายหุ้นเพิ่มทุนจะต้องขายไม่ต่ำกว่าราคาพาร์ คือ 4.28 บาทต่อหุ้น ในขณะที่ภาวะตลาดตกต่ำทำให้ราคาตลาดของหุ้นแสนสิริอยู่ในช่วง 3.50 บาทต่อหุ้นเท่านั้น ซึ่งราคาที่สูงกว่าราคาตลาดมากจะเป็นอุปสรรคที่ทำให้การเพิ่มทุนครั้งนี้อาจไม่ประสบความสำเร็จ

ในแง่ยอดขายของแสนสิริ แม้จะสูงเป็นอันดับต้นๆ เมื่อเทียบกับรายอื่น แต่ในทางกลับกันกลับพบว่าอัตรากำไรสุทธิของแสนสิริยังอยู่ในระดับต่ำที่สุดในอุตสาหกรรม ซึ่งเป็นผลมาจากการทุ่มงบสร้างแบรนด์ และโหมแคมเปญทางการตลาดอย่างหนักนั่นเอง ซึ่งผู้บริหารแสนสิริ กล่าวว่า กำไรที่หดตัวจากการรุกตลาดอย่าง Aggressive เป็นสิ่งจำเป็นที่ต้องทำ หากไม่ทำแสนสิริจะโตได้ลำบาก แต่เมื่อต้นทุนต่างๆ ปรับตัวสูงขึ้น จึงยิ่งเป็นแรงกดดันต่อการสร้างกำไรของแสนสิริมากขึ้น แม้ก่อนหน้านี้แสนสิริเพิ่งขายหุ้นทั้งหมดที่ถืออยู่ 51% ในบริษัท สิริ ภูเก็ต จำกัด ให้กับเคเอ็นพี อินเวสเม้นต์ พีทีอี แอลทีดี มูลค่าประมาณ 250 ล้านบาท โดยบริษัทฯ จะมีกำไรจากการขายหุ้นราว 140 ล้านบาท ซึ่งในระยะสั้นจะทำให้ผลกำไรดีขึ้น อย่างไรก็ตามเศรษฐาคาดการณ์การว่า จะต้องปรับขึ้นราคาขายบ้านอีก 5-10% ในเร็วๆ นี้ แต่จะพยายามตรึงราคาเดิมให้นานที่สุด ด้วยการเร่งลดต้นทุนทุกด้านให้มากที่สุด เพื่อรักษาอัตรากำไรขั้นต้นให้อยู่ในระดับ 30% แต่ที่สำคัญต้องไม่ส่งผลกระทบต่อการขายและแบรนด์ของแสนสิริ

แสนสิริมียอดขายในปี 2550 อยู่ที่ 20,000 ล้านบาท มียอดรับรู้รายได้ 13,500 ล้านบาท เติบโต 20% จากปี 2549 โดยในปีนี้แสนสิริและบริษัทในเครือมีแผนจะลงทุนโครงการใหม่รวม 15 โครงการ มูลค่ารวม 15,300 ล้านบาท ตั้งเป้ายอดขาย 20,000 ล้านบาท ยอดรับรู้รายได้ 16,000-17,000 ล้านบาท เติบโต 25% จากปี 2550 ซึ่งจะเป็นอันดับ 2 รองจากแลนด์ แอนด์ เฮ้าส์ โดยในปีนี้แสนสิริจะยังเดินกลยุทธ์เดิมอย่างต่อเนื่องเพื่อสร้างการเติบโตด้วยการรุกอสังหาริมทรัพย์ทุกเซกเมนต์   




 








upcoming issue

จากโต๊ะบรรณาธิการ
past issue
reader's guide


 



home | today's news | magazine | columnist | photo galleries | book & idea
resources | correspondent | advertise with us | contact us