กลุ่มเนชั่น นับเป็นธุรกิจสิ่งพิมพ์ ที่เดินหน้าเต็มที่กับการก้าวเข้าสู่โลกธุรกิจอินเตอร์เน็ต
ถึงแม้ว่าภารกิจในยามนี้ของสุทธิชัย หยุ่น จะไปอยู่ ที่การชักธงรบ กับธนาคารไทยพาณิชย์
ที่มีไอทีวีเป็นเดิม พันกำลังเดินไปด้วยความเข้มข้น
ในอีกมุมหนึ่ง ธนาชัย ธีรพัฒนวงศ์ ประธานกรรมการ บริษัทเนชั่น มัลติมีเดีย
กรุ๊ป ก็กำลังใช้เวลาส่วนใหญ่กับการต่อ "จิ๊กซอว์" ธุรกิจอินเตอร์เน็ต
เนชั่น อาศัยความแข็งแกร่งเมื่อเทียบกับสิ่งพิมพ์ด้วยกัน วางตัวเองเป็น
content provider ที่มีสื่อทั้งสิ่งพิมพ์ วิทยุ ทีวี ที่เป็นทั้งภาษาไทย
และ อังกฤษมาสร้างความโดดเด่นในเรื่องของอินเตอร์เน็ต
เนชั่นไม่ได้มองอินเตอร์เน็ตเป็นแค่ "สื่อ"ใหม่ ที่จะเป็นช่องทางเผยแพร่
content เพิ่มขึ้นเท่านั้น แต่ต้องการเป็นผู้เล่นคนสำคัญในธุรกิจนี้แบบครบวงจร
บริษัทเนชั่น ดิจิตอล มีเดีย ที่ถือหุ้นโดย เนชั่น มัลติมีเดีย กรุ๊ป ถูกตั้ง
ขึ้นหลังผ่านพ้นปี 2000 มาไม่กี่อาทิตย์ ด้วยทุนจดทะเบียน 100 ล้านบาท
จากนั้น ไม่กี่วัน เว็บไซต์ thai-land.com จิ๊กซอว์ตัวแรกก็เปิดตัวขึ้นเมื่อ
วันที่ 24 มกราคม 2543 เนชั่นตั้งความหวังไว้ว่าเว็บท่านี้จะเป็นตัวนำร่องไปสู่ธุรกิจ
อี-คอมเมิร์ซ ที่จะเป็นช่องทางธุรกิจส่งออก การท่องเที่ยว
จุดขายของเว็บไซต์นี้ อยู่ ที่ชื่อโดเมนเนม งานนี้เนชั่นถึงกับทุ่มซื้อชื่อโด
เมนเนม ที่ตกไปอยู่ในมือของคนไทย ที่ไปปักหลักใช้ชีวิตอยู่ ที่รัฐเท็กซัส
สหรัฐอเมริกา และคนไทยคนนี้ ได้ขอซื้อชื่อโดเมนเนมนี้กลับคืนมาจากฝรั่งคนหนึ่ง
ที่ซุ่มไปจดชื่อ thailand.com เมื่อหลายปีมาแล้ว
ราคาของเว็บไซต์นี้ ธนาชัยบอกว่าอยู่ ที่ 5 ล้านเหรียญสหรัฐ หรือ 200 ล้านบาท
แต่ต่อรองแล้วเหลืออยู่ ที่ราคาใด ยังไม่มีการเปิดเผยตัวเลขจากผู้บริหารเนชั่น
"5 ล้านเหรียญแพงครับ แต่ถ้าเทียบกับชื่อแล้ว มันคุ้มเว็บไซต์ใหญ่ๆ ต้องใช้เงินโปรโมตเว็บปีละไม่ต่ำกว่า
200 ล้านเหรียญสหรัฐ หรือ 8 พันล้านบาท ที่จะนำเราไปสู่สายตาของชาวโลก" ธนาชัยบอกถึงเหตุผล
ตัวเลขเงินทุน ที่กลุ่มเนชั่นวางไว้ คือ 300 ล้านบาทสำหรับการลงทุนใน ช่วง
2 ปีแรก นอกจากการซื้อโดเมนเนมแล้ว เนชั่นต้องควักเงินอีก 80 ล้าน มาใช้ในการจัดซื้อระบบฮาร์ดแวร์
และซอฟต์แวร์ ที่จะมารองรับกับเว็บไซต์ thailand.com
ถึงแม้กลุ่มเนชั่นเชื่อมั่น ในหลายๆ ด้าน ไม่ว่าจะเป็นโดเมนเนม content
สื่อ ที่จะใช้โปรโมต แต่งานนี้ ธนาชัย และทีมผู้บริหารของกลุ่มเนชั่นก็อดอาศัย
ความเชื่อมั่นแบบไทยๆ ซุ่มเปิดห้องชั้นบนของโรงแรมรีเจนท์ทำพิธีบวงสรวง "หนุมาน"
ท ี่นำมาใช้เป็นสัญลักษณ์ของ thailand.com เอาฤกษ์เอาชัย ก่อนจะ มาเปิดแถลงข่าวกับผู้สื่อข่าวอย่างเป็นทางการ
หลังจากเปิดตัว thailand.com ยังไม่ทันถึงเดือน จิ๊กซอว์ตัว ที่สองก็เริ่มขึ้น
คราวนี้เนชั่นได้พันธมิตรเป็นเรื่องเป็นราวจากสิงคโปร์ บริษัทสิงคโปร์ เทคโนโลยี
แอนด์ เทเลมีเดีย หรือเอสทีที มาร่วมทุน
บริษัทใหม่ของทั้งสองใช้ชื่อว่า เอสทีที-เนชั่นดอทคอม จะเป็นผู้ถือหุ้น
ใหญ่ 60% กลุ่มเนชั่น 40% เพื่อทำธุรกิจ datacenter หรือ web hosting ซึ่งเป็นแหล่งรวม
ที่ตั้งของ website ที่จะใช้เงินลงทุนขั้นต้น 75 ล้านบาท
สิงคโปร์ เทคโนโลยีแอนด์ เทเล มีเดีย หรือ เอสทีที เป็นบริษัท ที่ตั้งขึ้น
ในปี 2537 เป็นหุ้นส่วนอยู่ใน starhub ผู้ให้บริการโทรศัพท์เคลื่อนที่ และ
แบบติดตั้งเป็นผู้ให้บริการโมบายดาต้า วิทยุติดตามตัว เคเบิลทีวี มีธุรกิจ
เว็บ ท่า และธุรกิจออนไลน์ บริการ web-center บริษัทแห่งนี้ยังเข้าไปลงทุนในประเทศจีน
เป็นผู้วางระบบเครือข่าย จี เอสเอ็ม ที่ครอบคลุมเมืองหลักๆ ในมณฑลเสฉวน ที่มีผู้ใช้บริการ
52,000 คน ร่วมลงทุนกับบริษัทไชน่า ยูนิคอม เปิดให้บริการวิทยุติดตามตัวครอบ
คลุม 21 เมือง มีสมาชิกใช้บริการ 2 ล้านคน
เอสทีที รับผิดชอบในเรื่องของการเป็นผู้ติดตั้งระบบดาต้าเซ็นเตอร์ ส่วนเนชั่นจะใช้สื่อในมือ
สิ่งพิมพ์ วิทยุ โทรทัศน์ มาช่วยในเรื่องของการประชาสัมพันธ์ให้ลูกค้าเข้าถึง
web hosting
ดาต้าเซ็นเตอร์ ที่จะตั้งขึ้นมานั้น จะเปรียบเป็นเขตนิคมอุตสาหกรรมสำหรับเว็บไซต์มาเช่าใช้เนื้อ
ที่ ในการทำเว็บไซต์สามารถรองรับกับกลุ่มลูกค้าขนาดใหญ่ และเล็กทั้งในแล
ะต่างประเทศ
สิ่งที่เนชั่นคาดหวังจากการลงทุนร่วมกับเอสที ที่ ที่ลึกซึ้งไปกว่านี้ ก็คือ
"ถนน" ที่จะได้จากเครือข่าย Virtual Private Network หรือ VPN ในย่านเอ เชีย
ของเอสทีที ที่เกิดมาจากเข้าไปลงทุนทำธุรกิจดาต้าเซ็นเตอร์ หรือ web hosting
กับบริษัทท้องถิ่น ในสิงคโปร์ ฮ่องกง มาเลเซีย และอินโดนีเซีย
ดาต้าเซ็นเตอร์ทั้ง 5 ประเทศ จะถูกเชื่อมโยงถึงกันด้วยเครือข่ายความ เร็วสูง
VPN สิ่งเหล่านี้จะเป็นประโยชน์ต่อ thailand.com ที่จะอาศัยเครือข่าย ความเร็วสูงให้ผู้ใช้เข้าถึงข้อมูลได้อย่างรวดเร็ว
โดยไม่จำเป็นต้องเช่าใช้เครือข่ายจากเจ้าของเครือข่ายอื่น อย่าง สปรินท์
หรือ MCI
เช่น เดียวกับ nationgroup. com ที่จะเป็น portal web ในเรื่องข่าวสาร ข้อมูลที่จะเป็นจิ๊กซอว์ตัวถัดไป
ที่เนชั่นจะต้องใช้เงินอีก 10 ล้านบาทสร้าง โปรแกรมมารองรับกับฐานข้อมูลข่าว
ที่จะมีการเก็บค่าสมาชิก ก็จะใช้ประโยชน์จาก "ถนน" นี้ในการเข้าถึงข้อมูล
ขณะเดียวกัน เครือข่ายความ เร็วสูงนี้ จะใช้เป็น "ถนน" สำหรับธุรกิจไอ เอสพี
หรือผู้ให้บริการอินเตอร์เน็ต ที่จะเป็น "จิ๊กซอว์" ตัวต่อไปของเนชั่น ที่ได้
ประกาศไว้แล้วว่า จะเข้าไปซื้อ หรือร่วมทุนในบริษัทไอเอสพี ภายในเวลาอันใกล้นี้
สำหรับจิ๊กซอว์ตัวสุดท้าย คือ ระบบ logistic ที่เนชั่น และเอสทีทีมีแผน
จะเปิดบริษัทร่วมกันภายในปีนี้ คราวนี้เนชั่นจะเป ็นหัวหอกหลัก โดยจะใช้
สายส่งหนังสือพิมพ์ในกรุงเทพฯ 300-400 คน ต่างจังหวัดอีก 100 คน เป็นฐานในการจัดส่งสินค้า
ที่สั่งซื้อผ่านทาง thailand.com
นอกจากนี้ยังอาศัยเครือข่ายของร้านหนังสือ ซีเอ็ดดูเค ชั่นอีก 500 ร้าน
เป็นสถานที่ส่งสินค้าให้กับลูกค้า ที่ต้องการมารับด้วยตัวเองตามร้านเหล่านี้
นี่ก็คือ ภาพทั้งหมด ที่เนชั่น กรุ๊ป วาดหวังเอาไว้ และสิ่งที่เนชั่นต้องทำมากที่สุดก็คือ
การสร้างความเชื่อมั่นในการหาแหล่งเงินทุน มาทำให้จิ๊กซอว์ เหล่านี้เกิดขึ้นได้จริง
