Search Resources
 
Login เข้าระบบ
สมัครสมาชิกฟรี
ลืมรหัสผ่าน
 
  homenewsmagazinecolumnistbooks & ideaphoto galleriesresources50 managermanager 100join us  
 
 


bulletToday's News
bullet Cover Story
bullet New & Trend

bullet Indochina Vision
bullet2 GMS in Law
bullet2 Mekhong Stream

bullet Special Report

bullet World Monitor
bullet2 on globalization

bullet Beyond Green
bullet2 Eco Life
bullet2 Think Urban
bullet2 Green Mirror
bullet2 Green Mind
bullet2 Green Side
bullet2 Green Enterprise

bullet Entrepreneurship
bullet2 SMEs
bullet2 An Oak by the window
bullet2 IT
bullet2 Marketing Click
bullet2 Money
bullet2 Entrepreneur
bullet2 C-through CG
bullet2 Environment
bullet2 Investment
bullet2 Marketing
bullet2 Corporate Innovation
bullet2 Strategising Development
bullet2 Trading Edge
bullet2 iTech 360°
bullet2 AEC Focus

bullet Manager Leisure
bullet2 Life
bullet2 Order by Jude

bullet The Last page








 
ผู้จัดการรายวัน1 กุมภาพันธ์ 2551
มาม่าเร่งลดต้นทุนสู้วัตถุดิบพุ่ง             
 


   
www resources

โฮมเพจ ไทยเพรซิเดนท์ฟูดส์

   
search resources

ไทยเพรซิเดนท์ฟูดส์, บมจ.
พิพัฒ พะเนียงเวทย์
Instant Food and Noodle




มาม่าเร่งเครื่องลดต้นทุน ดิ้นสู้วัตถุดิบพุ่งไม่หยุด ย้ำหากน้ำมันปาล์ม และแป้งสาลี ราคาแพงขึ้นไม่เลิก มีสิทธิปรับอีก เล็งผลิตแบบใช้น้ำมันปาล์มลดลง รวมทั้งศึกษาบะหมี่แบบไม่ทอดด้วย ยอมรับปีที่แล้วกำไรเหลือ 8% ต่ำสุดในรอบ 5 ปี

นายพิพัฒ พะเนียงเวทย์ กรรมการผู้อำนวยการ บริษัท ไทยเพรซิเดนท์ฟูดส์ จำกัด (มหาชน) หรือทีเอฟ ผู้ผลิตบะหมี่กึ่งสำเร็จรูป มาม่า เปิดเผยว่า ในระยะใกล้นี้ ช่วงที่ภาวะเศรษฐกิจยังไม่ดีอยู่ บริษัทฯยังไม่มีโครงการลงทุนขนาดใหญ่ แต่จะมีการลงทุนในส่วนที่จำเป็นโดยเฉพาะการลงทุนทางด้านการลดต้นทุนการผลิต เนื่องจากปัจจุบันนี้ต้นทุนการผลิตพุ่งสูงขึ้นอย่างมาก โดยในปีนี้จะลงทุนประมาณ 300 ล้านบาท

ทั้งนี้โครงการที่อยู่ระหว่างการศึกษาและเตรียมการคือ การนำเครื่องจักรที่ลดการใช้น้ำมันปาล์มในการผลิตลง ซึ่งเครื่องจักรที่ญี่ปุ่นเสนอมาลดใช้น้ำมันปาล์มเหลือเพียง 13% จากเดิมต้องใช้สูงถึง 17% ของการผลิต แต่ว่าราคาเครื่องจักรสูงมาก อีกโครงการคือ การศึกษาวิจัยทำตลาดบะหมี่กึ่งสำเร็จรูปโดยไม่ต้องทอด ซึ่งได้ต่อสัญญาให้กับที่ปรึกษาชาวญี่ปุ่นอีก 2 ปีเพื่อรับผิดชอบโครงการนี้ ซึ่งอาจจะออกมาเป็นอีกเวอร์ชั่น ในราคาที่สูงขึ้นกว่ามาม่าแบบเดิมก็ได้

"แม้ว่าเราจะได้ปรับราคา 1 บาท มาช่วงกลางเดือนมกราคมนี้ก็ตาม แต่ไม่ใช่ว่าปรับเพื่อเอากำไร แต่ปรับราคาขึ้นก็เพื่อความอยู่รอดเอาไปใช้ในส่วนต้นทุนที่ขึ้นมา โดยเฉพาะน้ำมันปาล์มและแป้งสาลี รวมทั้งค่าขนส่ง โดยรวมต้นทุนขึ้นมาประมาณ 8-10% ซึ่งราคาขาย 1 บาทที่ขึ้นมานั้นแบ่งไปเป็น ภาษีรัฐบาล 7% ช่องทางค้าปลีกค้าส่ง 15% และค่าขนส่งกระจายสินค้าโดยสหพัฒน์อีก 20% แล้ว"

โครงสร้างการผลิตของมาม่า มีต้นทุนหลักมาจากแป้งสาลี 38% น้ำมันปาล์ม 17% ค่าขนส่งที่ขึ้นกับราคาน้ำมัน โดยปัจจุบันราคาน้ำมันปาล์ม 490 บาทต่อกระสอบ (25 ก.ก.) ขยับขึ้นกว่า 35% เมื่อปีที่แล้ว ส่วนแป้งสาลีขึ้นมาเป็น 40 บาทต่อกิโลกรัม เพิ่มขึ้น14% และไม่มีทีท่าว่าจะลดลงแต่อย่างใดด้วย ซึ่งขณะนี้บริษัทฯยังพออั้นราคาไหว ในอนาคตหากทั้ง 2 ตัวหลักนี้ขึ้นราคาไม่หยุดเกินเพดานที่จะรับได้คือ ข้าวสาลีเกิน 600 บาทต่อกระสอบ และน้ำมันปาล์มราคา 50 บาทต่อกิโลกรัม คงต้องมีการพิจารณากันใหม่

โดยมาม่ามีความต้องการใช้วัตถุดิบอย่างเช่น แป้งสาลีในการผลิตประมาณ 300,000 กระสอบต่อเดือน ส่วนน้ำมันปาล์มประมาณ 1,400 ตันต่อเดือน

นายพิพัฒยอมรับว่า ผลประกอบการของไตรมาสแรกปีนี้อาจจะไม่ดีมากนัก เนื่องจากปัจจัยต้นทุนการผลิตและเศรษฐกิจที่ไม่ค่อยดี โดยเมื่อปีที่แล้วมียอดขายรวม 6,000 กว่าล้านบาท เพิ่มขึ้นจากปี 2549 ประมาณ 12.87% แต่กำไรสุทธิได้ลดลงจากปี 2549 ประมาณ 14.4%

ทั้งๆที่โดยเฉลี่ยแล้วบริษัทฯจะมีกำไรประมาณ 12% แต่ว่าเมื่อปีที่แล้วกำไรเหลือเพียง 8% เท่านั้น ขณะที่ยอดขายของเดือนธันวาคมเดือนเดียวปีนี้มีกำไรเหลือแค่ 6% ซึ่งถือเป็นตัวเลขที่ตกต่ำมากที่สุดในรอบ 5 ปีย้อนหลังมานี้

แต่อย่างไรก็ตาม หากพิจารณาถึงสภาพตลาดรวมบะหมี่กึ่งสำเร็จรูปเมื่อปี 2550 จะพบว่า ตลาดรวมมีมูลค่า 10,000 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 8.7% ขณะที่มาม่า มีส่วนแบ่งการตลาดประมาณ 54.8% เพิ่มขึ้นมาจากปี 2549 ประมาณ 11.4% ซึ่งเป็นตัวเลขที่สูงกว่าการเติบโตของตลาดรวมด้วยซ้ำไป

หากแบ่งเป็นบะหมี่กึ่งสำเร็จรูปแบบซอง ตลาดรวมปี 2550 มีการเติบโตลดลงจาก 9.1% ในปี 2549 เป็น 7.2% แต่ว่ามาม่ามีการเติบโต 8.8% ส่วนชนิดโบว์ลและคัพนั้น การเติบโตของตลาดรวมปี 2551 อยู่ที่ 19.9% ขณะที่มาม่ามีอัตราการเติบโตอยู่ที่ 33.4% มีส่วนแบ่งตลาดที่ 55% ซึ่งจะเห็นได้ว่าในภาพรวมแล้วมาม่าเติบโตสูงกว่าตลาดรวมทั้งหมด คาดว่าตลาดรวมปีนี้จะเติบโตที่ 10% และในส่วนของบริษัทฯจะเติบโต 10% เช่นเดียวกัน

ล่าสุดบริษัทฯได้ขยายกำลังการผลิตเพิ่มรองรับความต้องการตลาด โดยในส่วนของบะหมี่แบบถ้วย เพิ่มอีก 80,000 หีบต่อเดือนจากเดิมที่ผลิต 220,000 หีบต่อเดือน ส่วนแบบซองนั้นเพิ่มอีก 36,000 หีบต่อเดือนจากเดิมที่ผลิต 600,000 หีบต่อเดือน

นอกนั้นก็มีการเพิ่มในส่วนของการผลิตเวเฟอร์ที่จะใช้เครื่องจักรแบบฟูลออโตเมติค จากออสเตรีย ช่วยประหยัดคน 22 คนแต่เพิ่มกำลังผลิต 1 เท่าตัว ติดตั้งที่ระยอง ลงทุนด้านขนย้ายและที่ดิน 200 ล้านบาท และขยายผลิตบิสกิตอีก   




 








upcoming issue

จากโต๊ะบรรณาธิการ
past issue
reader's guide


 



home | today's news | magazine | columnist | photo galleries | book & idea
resources | correspondent | advertise with us | contact us