|
Today's News
Cover Story
New & Trend
Indochina Vision
GMS in Law
Mekhong Stream
Special Report
World Monitor
on globalization
Beyond Green
Eco Life
Think Urban
Green Mirror
Green Mind
Green Side
Green Enterprise
Entrepreneurship
SMEs
An Oak by the window
IT
Marketing Click
Money
Entrepreneur
C-through CG
Environment
Investment
Marketing
Corporate Innovation
Strategising Development
Trading Edge
iTech 360°
AEC Focus
Manager Leisure
Life
Order by Jude
The Last page
|
 |
หุ้นไทยเด้งสวนตลาดหุ้นเพื่อนบ้าน เหตุนักลงทุนเก็งกำไรหุ้นพลังงาน-ถ่านหินหลังราคาพุ่งต่อเนื่อง โบรกเกอร์เชื่อวันนี้พุ่งต่อหลังเฟดหั่นดอกเบี้ย โหรหุ้น "เจษฎา" ทำนายปลายปีการเมืองระบุถึงขั้นยุบสภา-ปรับครม. ขณะที่ "หมอไพศาล" แนะทยอยเก็บหุ้น ฟันธงเดือนเม.ย.หุ้นทะยานแตะ 900 จุด หลังเงินนอกไหลเข้า ชี้ "สมัคร" วาสนาเป็นนายกฯได้ไม่เกิน 2 ปี
ภาวะการลงทุนในตลาดหุ้นไทย วานนี้ (30 ม.ค.) ดัชนีแกว่งตัวอย่างผันผวนตลาดทั้งวัน ก่อนจะมีแรงซื้อเข้ามาในหุ้นขนาดใหญ่ทั้งกลุ่มพลังงานและถ่านหิน บวกกับการเก็งกำไรข่าวการประชุมปรับลดอัตราดอกเบี้ยของธนาคารกลางสหรัฐฯ (เฟด) ในคืนนี้ ส่งผลทำให้ดัชนีปรับตัวเพิ่มขึ้นมาปิดที่ 763.48 จุด เพิ่มขึ้น 8.61 จุด หรือ 1.14% โดยจุดสูงสุดของวันอยู่ที่ 766.39 จุด และจุดต่ำสุดอยู่ที่ 751.53 จุด มูลค่าการซื้อขาย 18,576.96 ล้านบาท
ทั้งนี้ นักลงทุนต่างชาติขายสุทธิ 122.59 ล้านบาท นักลงทุนสถาบันซื้อสุทธิ 318.63 ล้านบาท นักลงทุนรายย่อยขายสุทธิ 196.04 ล้านบาท
นายไพศาล ซอยพิบูลย์เวศน์ โหราพยากรณ์ผู้เชี่ยวชาญด้านโหรา-ศาสตร์ และการพยากรณ์หุ้น เปิดเผยว่า ตลาดหุ้นไทยในช่วง 4 เดือนแรกจะมีความผันผวน แต่จะค่อยๆ ปรับตัวดีขึ้น หลังจากมีการจัดตั้งรัฐบาลและเปิดรายชื่อผู้ที่จะมาดำรงตำแหน่งรัฐมนตรี โดยคาดว่าจะมีเม็ดเงินจากต่างประเทศไหลเข้ามาลงทุน และผลักดันให้ดัชนีตลาดหุ้นจะปรับตัวเพิ่มขึ้นสู่ระดับ 900 จุดได้ในเดือนเมษายนหรือพฤษภาคมนี้
"นักลงทุนควรเริ่มทยอยซื้อหุ้นในช่วงเดือนม.ค.-ก.พ.จะได้รับผลตอบแทนที่ดี หลังจากนั้นตลาดหุ้นจะทรงตัวไปอีกประมาณ 3-4 เดือน โดยช่วงเดือนก.ค.และส.ค.จะเป็นช่วงที่รัฐบาลจะมีปัญหาจะมีการปรับรัฐมนตรีที่ทำหน้าที่ไม่ดีออกหาคนเข้ามาทำหน้าที่แทน"
สำหรับหุ้นในตลาดหุ้นไทยนั้น มีสัดส่วนประมาณ 50% เป็นหุ้นที่นิ่งไม่มีการเคลื่อนไหว อีก 30% เป็นหุ้นที่ดีแต่ขาดการพัฒนา ขณะที่มีเพียง 20% เท่านั้น เป็นหุ้นทีดีน่าลงทุน และมีพื้นฐานดี โดยหุ้นที่น่าลงทุน คือ พลังงาน ขณะที่หุ้นอสังหาริมทรัพย์ จะต้องรอซื้อในช่วงเดือนเม.ย.จากที่จะได้ปัจจัยหนุนจากการจัดตั้งรัฐบาล"
ส่วนดวงชะตาของนายสมัคร สุนทรเวช นายกรัฐมนตรีคนปัจจุบัน มีวาสนาในการดำรงตำแหน่งนายกฯ เพียง 2 ปี เท่านั้น หลังจากที่พ้นจากตำแหน่งก็จะไปเขียนหนังสือ เกี่ยวกับชีวิตการดำรงตำแหน่งของตนเองซึ่งจะได้รับความนิยม
นายเจษฎา โลหอุ่นจิตร นักเศรษฐศาสตร์ผู้ศึกษาในโหราศาสตร์สากล เจ้าของนามปากกา ยูเรสโต กล่าวว่า จากการวิเคราะห์ดาวเมืองปี 2551 การเมืองจะไม่นิ่งจากแรงกดดันหลายๆ ด้าน แต่จะไม่ถึงเกิดเหตุการณ์รุนแรงถึงขั้นปฏิวัติรัฐประหารหรือฉีกรัฐธรรมนูญ แต่อาจจะเป็นการยุบสภา หรือปรับคณะรัฐมนตรี(ครม.) ในช่วงครึ่งปีหลัง 2551 และคาดว่าจะเกิดปฏิวัติรัฐประหารในปี 2552
ทั้งนี้ รัฐบาลชุดใหม่ควรจะปฏิรูประบบการปกครองให้เป็นธรรมมากขึ้น รวมถึงการปรับโครงสร้างอำนาจในระบบราชการที่สร้างความไม่เป็นธรรมซึ่งอาจจะทำให้มีโอกาสรอดพ้นจากวิกฤตไปได้ แต่หากใช้อำนาจที่ได้มาด้วยการช่วยเหลือพวกพ้อง ไม่สนใจบ้านเมือง ก็จะทำให้เกิดความแตกแยกอย่างหนัก จนต้องพ้นจากตำแหน่งในครึ่งปีหลังของปี 2551
สำหรับตลาดหุ้นไทยปีนี้ จากที่ดาวเสาร์มีการโคจรดาวพุธซึ่งเป็นดาวครองเรือนที่ 5 ซึ่งเกี่ยวกับการลงทุนนั้นทำให้ตลาดหุ้นไม่ดีเป็นเวลา 2 ปี 6 เดือน แต่จากที่ดาวดังกล่าวโครจรเข้ามาเมื่อปลายปีที่ผ่านมาจึงทำให้ตลาดหุ้นไม่ดีอีก 2 ปี
" แม้ปีนี้ตลาดหุ้นจะไม่ดี แต่ในช่วงปลายปีหรือต้นปีหน้ามีดาวพฤหัสโคจรเข้ามา อาจจะจะช่วยทำให้ตลาดหุ้นปรับตัวดีขึ้นได้ ถึงแม้ในช่วงเดือนพฤศจิกายนรัฐบาลจะมีปัญหาในเรื่องการยุบสภาก็ตาม"
ลุ้นเฟดหั่นด/บ0.5%
นายชัย จิรเสวีนุประพันธ์ ผู้จัดการฝ่ายกลยุทธ์การลงทุน บล.พัฒนสิน กล่าวว่า แรงซื้อที่กลับเข้ามาในหุ้นขนาดใหญ่ โดยเฉพาะกลุ่มพลัง- งาน และถ่านหิน หลังราคาน้ำมันในตลาดโลกปรับเพิ่มขึ้น ผลักดันให้ดัชนีตลาดหุ้นปรับตัวดี ประกอบกับมีความชัดเจนในเรื่องสถาน-การณ์การเมืองทำให้นักลงทุนมั่นใจได้ในระดับหนึ่ง
"หุ้นกลุ่มพลังงาน ถ่านหิน มีน้ำหนักต่อตลาดหุ้นประมาณ 30 - 35% แรงซื้อที่เข้ามาจึงทำให้หุ้นไทยปรับตัวเพิ่มขึ้นสวนดัชนีตลาดหุ้นในต่างประเทศ" นายชัยกล่าว
สำหรับแนวโน้มดัชนีตลาดหุ้นวันนี้ (31 ม.ค.) ดัชนีมีโอกาสปรับเพิ่มขึ้นต่อเนื่องจากวานนี้ โดยต้องติดตามผลการประชุมพิจารณาอัตราดอกเบี้ยของเฟด ถ้าหากมีมติปรับลดอัตราดอกเบี้ยลง 0.50% จากปัจจุบันที่ 3.5% ตามคาดการณ์จะมีผลดันดัชนีปรับเพิ่มขึ้นได้ นอกจากนี้ยังต้องติดตามทิศทางตลาดหุ้นต่างประเทศ รวมถึงราคาน้ำมัน และราคาถ่านหินในตลาดโลกด้วย โดยประเมินแนวรับที่ 750 จุด ส่วนแนวต้านประเมินที่ 774 - 775 จุด ขณะที่แนะนำนักลงทุนระยะกลางและระยะยาวให้ถือเงินสดเพื่อรอดูสถานการณ์ก่อนเข้าลงทุน
|
|
 |
|
|