Search Resources
 
Login เข้าระบบ
สมัครสมาชิกฟรี
ลืมรหัสผ่าน
 
  homenewsmagazinecolumnistbooks & ideaphoto galleriesresources50 managermanager 100join us  
 
 


bulletToday's News
bullet Cover Story
bullet New & Trend

bullet Indochina Vision
bullet2 GMS in Law
bullet2 Mekhong Stream

bullet Special Report

bullet World Monitor
bullet2 on globalization

bullet Beyond Green
bullet2 Eco Life
bullet2 Think Urban
bullet2 Green Mirror
bullet2 Green Mind
bullet2 Green Side
bullet2 Green Enterprise

bullet Entrepreneurship
bullet2 SMEs
bullet2 An Oak by the window
bullet2 IT
bullet2 Marketing Click
bullet2 Money
bullet2 Entrepreneur
bullet2 C-through CG
bullet2 Environment
bullet2 Investment
bullet2 Marketing
bullet2 Corporate Innovation
bullet2 Strategising Development
bullet2 Trading Edge
bullet2 iTech 360°
bullet2 AEC Focus

bullet Manager Leisure
bullet2 Life
bullet2 Order by Jude

bullet The Last page


ตีพิมพ์ใน นิตยสารผู้จัดการ
ฉบับ กุมภาพันธ์ 2539








 
นิตยสารผู้จัดการ กุมภาพันธ์ 2539
หม่อมหลวง ตรีทศยุทธ เทวกุล การกลับมาที่ไม่ธรรมดา             
โดย อรวรรณ บัณฑิตกุล
 


   
search resources

ตรีทศ ทรี-เจเนอเรชั่น
ตรีทศยุทธ เทวกุล, ม.ล.
Real Estate




การกลับสู่สนามเรียลเอสเตทครั้งใหม่ของหม่อมหลวงตรีทศยุทธ เทวกุล เป็นเรื่องสั่น สะเทือนวงการธุรกิจไม่น้อย

เพราะนอกจากการขายโครงการที่อยู่อาศัยในแนวความคิดใหม๋แล้ว

มาคราวนี้เขากลายเป็นผู้เทกโอเวอร์ "สยามโพสต์" หนังสือพิมพ์ที่กำลังเป็น "ของร้อนประจำปี"อีกด้วย

ทำไมเขาถึงกลับมา เพื่ออะไร และเขาวางยุทธศาสตร์การสู้รบไว้อย่างไร ?

การขายบริษัทโมเบลกส์ ยูไอซีของหม่อมหลวงตรียุทธ เทวถุล เจ้าของโรงแรมภูเก็ต ยอช์ทคลับ และโรงแรมเลอเมอริเดียนที่ภูเก็ตให้กับ วินัย พงศธร แห่งบริษัทเฟิร์สท์ แปซิฟิคแลนด์จำกัด(มหาชน) เมื่อประมาณ 2 ปีที่ผ่านมานั้นทำให้คิดกันไปว่า คงถึงเวลาที่สถาปนิกนักพัฒนาที่ดินคนนี้จะปิดฉากงานทางด้านพัฒนาที่ดิน และใช้ชีวิตที่เรียบง่ายในบ้านพักริมหาดกะตะน้อยจังหวัดภูเก็ตเสียที

แต่เมื่อต้นปี 2539 นี้เองหม่อมตรีกลับประกาศตัวกลับคืนสังเวียนการพัฒนาที่ดินอีกครั้งหนึ่ง

"ผมก็เคยคิดว่าจะหยุดทำงานทางด้านพัฒนาที่ดินเหมือนกันเพราะเศรษฐกิจทุกวันนี้ไม่ดี แต่พอมองดูแล้วเห็นว่าทุกวันนี้บ้านเมืองเราพัฒนาไปในแนวที่ไม่ค่อยดีนักอยู่เฉยก็คงไม่ได้แล้ว"

การกลับมาครั้งนี้ได้มีการเปลี่ยนชื่อบริษัทใหม่ เปลี่ยนผู้ถือหุ้นใหม่ และเพิ่มทุนจดทะเบียนขึ้นเป็น 500 ล้านบาท พร้อมๆกับดึงตัวลูกน้องมือดีหลายคนที่แตกกระจายไปตั้งแต่เมื่อครั้งขายบริษัทโมเบลกส์ ยูไอซีให้กลับมารวมพล เพื่อบุกงานทางด้านพัฒนาที่ดินอีกครั้งภายใต้ชื่อ "บริษัทตรีทศ ทรีเจเนอเรชั่น"

ผู้ถือหุ้นของบริษัทตรีทศ ทรี-เจเนอเรชั่น จะประกอบไปด้วยหม่อมตรี ถือในนามบริษัทโมเบลกส์จำกัด บริษัทเก่าแก่ของหม่อมตรีเองจำนวน 70 % ,กฤตย์ รัตนรักษ์ ประธานกรรมการบริหารธนาคารศรีอยุธยาถือหุ้นในนามบริษัท ซุปเปอร์ แอสเซทส์ จำกัด 20% , สำนักงานทรัพย์สินส่วนพระองค์และชาตรี โสภณพนิช ถือหุ้นกันอีกฝ่ายละ 5 %

ทั้งกฤตย์ ชาตรี และทรัพย์สินส่วนพระองค์ ล้วนแล้วแต่เป็นกลุ่มผู้ที่มีแหล่งเม็ดเงิน และเม็ดดินมากมายมหาศาล ในขณะเดียวกันหม่อมหลวงตรีทศยุทธก็คือสถาปนิกนักพัฒนาที่ดินคนหนึ่งซึ่งมีแนวคิดใหม่ๆ ในการทำโครงการอยู่เสมอ

การผนึกกำลังร่วมกันครั้งนี้จึงน่าสนใจทีเดียว

และภายใต้การทำงานของผู้ถือหุ้นกลุ่มใหม่โครงการ "ตรีทศ ทรี-เจเนอเรชั่นสกูลวิลเลจ"ก็ได้เกิดขึ้น

โครงการดังกล่าวเป็นโรงเรียนในแนวความคิดที่แปลกใหม่จริงๆ เพราะโรงเรียนนี้จะเข้าไปศึกษาได้ผู้ปกครองต้องมีเงินเสียค่าสมาชิกๆ ละ 3 ล้านบาท

สมาชิกทั่วไปจะมีสิทธิ์ส่งบุตร-ธิดาเข้ามาศึกษาได้ 1 คน โดยมีเงื่อนไขว่าจะต้องผ่อนดาวน์ 30 % ในระยะเวลาประมาณ 18 เดือน ที่เหลือผ่อนต่อกับทางธนาคารกรุงเทพฯ เป็นจำนวนเงินต่อเดือนเท่าไหร่นั้นขึ้นอยู่กับระยะเวลาว่าจะใช้เวลากี่ปีและต้องเสียค่าเล่าเรียนอีกปีละประมาณ 2 แสนบาท

สมาชิกนี้มีสิทธิ์ขายต่อได้ ซึ่งอาจจะขายคืนให้กับบริษัทหรือผู้สนใจทั่วไปได้โดยวางไว้ว่าจะมีจำนวนสมาชิกทั้งหมดประมาณ 1,200 คน ดังนั้นนอกจากเป็นการซื้อสมาชิกเพื่อเป็นการลงทุนทางด้านการศึกษาแล้ว ทางโครงการยังมั่นใจว่าเป็นการลงทุนที่มั่นคงทางการเงินในแง่ของหลักทรัพย์และสิ่งตอบแทนอีกด้วย

ที่ต่างไปจากโรงเรียนทั่วไปอีกก็คือเป็นโรงเรียนประจำที่ส่งเสริมให้ผู้ปกครองเข้ามาพักอาศัยร่วมกันกับนักเรียน ในโรงเรียนจึงมีทั้งส่วน ของการศึกษา และส่วนของที่ พักอาศัย สำหรับผู้ซื้อสมาชิกจะมีสิทธิ์ได้ที่พักอาศัยอีก 1 ยู-นิต โดยโรงเรียนจะสร้างที่พักแบบโลว์ไรท์คอนโดมิเนียม ยูนิตละ 2 ห้องนอนจำนวนประมาณ 1,000 ยูนิตไว้ให้อีก ด้วย รวมทั้งมีศูนย์ชุมชน แหล่งจับจ่าย หอประชุมและเวทีกลางแจ้ง และแหล่งอำนวยความสะดวกอื่นๆ สำหรับชุมชนกว่า 2,000 คน

ถ้าจะมองกันในมุมมองหนึ่งก็คือการขายโครงการที่อยู่อาศัยอีกรูปแบบหนึ่ง ก็อาจจะไม่ผิดนัก

โรงเรียนตรีทศ ทรี-เจเนอเรชั่นนี้ตั้งอยู่ที่อำเภอแม่ริมท่ามกลางขุนเขาและแนวไม้ ห่างจากตัวเมืองเชียงใหม่ประมาณ 20 กิโลเมตร ในพื้นที่ประมาณ 200 ไร่ โรงเรียนนี้ไม่ใช่โรงเรียนนานาชาติ เพราะหลักสูตรการสอนมีทั้งหลักสูตรภาษาไทยตามมาตรฐานกระทรวงศึกษาธิการ และหลักสูตรภาษาอังกฤษตามระบบการศึกษาในประเทศสหรัฐอเมริกา

"ทุกวันนี้การอยู่ร่วมกันแบบสังคมไทยในสมัยก่อนทำได้ยากขึ้นทุกที เพราะวิถีการใช้ชีวิตของคนได้เปลี่ยนไป โรงเรียนที่นี่เปิดโอกาสให้พ่อแม่หรือปู่ย่าตายายมาอาศัยในโรงเรียนกับลูกหลานได้เพื่อใช้ชีวิตร่วมกัน" ม.ล.ตรีทศยุทธพูดถึงแนวความคิดในการทำโรงเรียน

โครงการนี้จะเปิดบริการได้ในปี 2540 ซึ่งตั้งเป้าไว้ว่าในปีการศึกษาแรกจะมีนักเรียนประมาณ 400-500 คน โดยมีพลเอกเปรม ติณสูลานนท์เป็นประธานกรรมการการปกครองส่วนคณะกรรมการปกครองท่านอื่นๆ ก็เช่น คุณหญิงชนัตถ์ ปิยะอุย ธารินทร์ นิมมานเหมินท์ อมเรศ สศิลาอ่อน ดิลกมหาดำรงกุล เป็นต้น

คงต้องคอยดูกันว่าจากแนวความคิดการอยู่ด้วยกันอย่างเป็นสุขของคน 3 รุ่นที่ทางหม่อมตรีได้นำเสนอออกสู่ตลาดในรูปแบบของโรงเรียนนั้นได้รับการตอบสนองจากคนในสังคมนี้เป็นอย่างไร

แต่หากโครงการนี้สำเร็จโครงการตรีทศ ทรี-เจเนอเรชั่น แห่งที่ 2 ในระดับมหาวิทยาลัยเกิดขึ้นแน่นอน ในที่ดินบนเกาะภูเก็ต

โครงการตรีทศ ทรี-เจเนอเรชั่นนับเป็นโครงการแรกของการกลับมาของหม่อมตรี

แต่แล้วก็มีสิ่งที่ไม่คาดฝันเกิดขึ้นเมื่อหม่อมตรีและบริษัทตรีทศ ทรี-เจเนอเรชั่นเทกโอเวอร์หนังสือพิมพ์"สยามโพสต์"รายวัน หนังสือพิมพ์ที่อยู่ในช่วง "ร้อน" ที่ สุดทั้งในแง่การเสนอข่าวและผลประกอบการ

จากสถาปนิก ก้าวสู่ความเป็นนักพัฒนาที่ดินมาหลายสิบปี วันนี้การรุกเข้าธุรกิจสิ่งพิมพ์ในยุคที่การแข่งขันเข้มข้นไม่แพ้ธุรกิจอื่นๆ เป็นเรื่องที่ใครๆ สงสัย (อ่านในล้อมกรอบ)

ส่วนงานทางด้านพัฒนาที่ดินในรูปแบบใหม่นั้นขณะนี้หม่อมตรี กำลังให้ความสนใจกับซิตี้คอนโด หรือคอนโดมิเนียมในเมือง โดยที่เมื่อปีที่แล้วได้ทำโครงการ สมาร์ทลีฟวิ่ง บนถนนศรีอยุธยาซอย 10 ในพื้นที่ 283 ตารางวา เป็นคอนโดขนาดเล็กเพียง 44 ยูนิต ขนาด 60-90 ตารางเมตรต่อยูนิต ซึ่งแน่นอนว่าเป้าหมายคือกลุ่มลูกค้าที่ต้องการที่อยู่อาศัยใกล้ที่ทำงาน และเป็นรูปแบบคอนโดที่ผุดโผล่ขึ้นมากมายเมื่อประมาณ 1-2 ปีที่ผ่านมา จนถึงปีนี้นักพัฒนาที่ดินหลายรายบอกว่ามันเริ่มจะโอเวอร์ซัฟพลายกันอีกแล้ว

อย่างไรก็ตามความมั่นใจในตลาดว่ายังมีความต้องการแน่นอนยังคงมีอยู่สูง ซิตี้คอนโดจึงเป็นรูปแบบหนึ่งในการพัฒนาที่ดินของบริษัท ตรีทศฯ และในเร็วๆ นี้สมาร์ทลีฟวิ่งแห่งที่ 2 บนถนนสุขุมวิทจะเกิดขึ้น

อีกโครงการหนึ่งที่หม่อมตรีกำลังหาที่ดินและจะเปิดตัวในปีนี้เช่นกันคือ ที่พักอาศัยสำหรับผู้สูงอายุ เป็นโครงการคอนโดมีเนียม ที่ห้องไม่ใหญ่นัก แต่ต้องมีพื้นที่สำหรับสิ่งอำนวยความสะดวกมากเป็นพิเศษในโครงการจะประกอบไปด้วยคลีนิกซึ่งมีหมอประจำคอยดู และมีที่ออกกำลังกายของผู้สูงอายุ

"อาจจะมีวัดอยู่ข้างบนเลยก็ได้" หม่อมตรีพูดพลางหัวเราะ สำหรับพื้นที่ตั้งโครงการนี้ต้องการคือที่ดินริมแม่น้ำประมาณ 8-10 ไร่ในย่านฝั่งธนซึ่งยังมีราคาที่ดินไม่แพงนักและหาที่ดินได้ง่ายกว่าฝั่งพระนคร

นอกจากโครงการพัฒนาที่ดินดังกล่าวแล้วในขณะนี้หม่อมตรีกำลังรอใบอนุญาตเรือด่วน ซึ่งถ้าสำเร็จก็หมายความว่าจะเป็นเจ้าของเรือด่วนรายที่ 3 ที่วิ่งในแม่น้ำเจ้าพระยานอกเหนือจากบริษัทเรือด่วนเจ้าพระยา และบริษัทแหลมทอง เพียงแต่ว่าเรือด่วนของหม่อมตรี จะเป็นเรือด่วนที่เน้นความสวยงามและสะดวกสบายในราคาที่อาจจะแพงกว่าเรือด่วนทั้ง 2 เจ้าที่มีอยู่แล้ว

"จะเป็นแนวความคิดเดียวกับไมโครบัส ของเราก็เป็นไมโครโบท แพงหน่อยอาจจะติดแอร์ด้วยลงทุนเฉพาะตัวเรือก็ประมาณ 2-300 ล้านบาท" ในเรื่องของเรือด่วนขณะนี้ได้ตั้งบริษัทขึ้นมาแล้วชื่อบริษัทไมโครโบทซึ่งคาดว่าจะมีผู้ร่วมทุนประมาณ 3-4 กลุ่มหุ้นส่วนที่แน่นอนแล้วรายหนึ่งคือธนาคารกสิกรไทย

"ธนาคารกสิกรไทยมีสำนักงานใหญ่อยู่ริมแม่น้ำเจ้าพระยาย่านถนนพระรามที่ 3 มีคอนโดที่พักอาศัยที่ทำขายให้พนักงานในย่านใกล้ๆ กัน โครงการเรือด่วนนี้ก็จะได้เป็นการบริการพนักงานของเขาด้วย"

หม่อมตรีอธิบายถึงเหตุผลการเข้ามาถือหุ้นของธนาคารกสิกรไทย ส่วนสาเหตุส่วนตัวที่เข้ามาทำธุรกิจนี้เป็นเพราะว่าตนเป็นคนรักธรรมชาติ และต้องการส่งเสริมให้คนเดินทางโดยทางเรือมากขึ้น

การกลับเข้ามาครั้งนี้หม่อมตรีต้องเรียกทีมงานที่เคยอยู่ร่วมกันมานับ 10 ปีกลับมาหลายคนเพราะช่วงที่ขายบริษัทโมเบลกส์ ยูไอซีให้กับวินัยนั้นพนักงานหลายคนต้องออกไปด้วย

มือขวาคนสำคัญคนหนึ่งคือวรวุฒิ วรรณชัยวงศ์ ผู้จัดการทั่วไปบริษัทโมเบลกส์ ยูไอซีในสมัยนั้นต้องออกไปเป็นผู้จัดการทั่วไปฝ่ายพัฒนาธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ที่บริษัทคริสเตียนี แอนด์ นีลเส็น(ประเทศไทย) จำกัด มหาชน หลังจากทำที่ใหม่ได้ปีกว่าหม่อมตรีก็ ชวนกลับมาร่วมงานกันใหม่โดยดำรงตำแหน่งเป็นกรรมการผู้จัดการบริษัทตรีทศ ทรี-เจอเนอเรชั่นคนปัจจุบัน

เช่นเดียวกับวิไล ศรีรัตนสถาวรที่ดูแลทางฝ่ายบัญชีและการเงิน ซึ่งออกไปอยู่ที่เฟิร์สท์ แปซิฟิก และบริษัทคริสเตียนีแอนด์ นีลเส็นกลับมาด้วย เธอบอกกับ "ผู้จัดการรายเดือน" ว่า

"ตอนแรกที่ออกกันไปเพราะไม่คิดว่าหม่อมท่านจะมาทำโครงการใหญ่ๆ อีก"

นอกจากทีมงานเก่าๆที่มากไปด้วยประสบการณ์แล้ว แล้วปัจจุบันงานขายโครงการเป็นหัวใจสำคัญของบริษัทในช่วงที่มีการแข่งขันกันสูงอย่างมากทีมงานฝ่ายขายวัยหนุ่ม-สาวที่เพิ่งเข้ามาร่วมงานเป็นส่วนหนึ่งที่จะตัดสินความก้าวหน้าบริษัทเช่นกัน

แหล่งเงิน ที่ดิน ทีมงานพร้อมผสมผสานไปกับความเป็นสถาปนิกนักคิดอย่างหม่อมตรี เป็นฐานสำคัญในการเติบโตของบริษัทประกอบกับนโยบายที่หม่อมตรีกล่าวว่า คงไม่จำเป็นต้องโตแบบก้าวกระโดดแบบบริษัทอื่นๆ แต่ค่อยเป็นค่อยไปทีละโครงการเท่านั้น

ภาพลักษณ์ของหม่อมตรีและบริษัทตรีทศ ทรี-เจเนอเรชั่นจึงดูเงียบสงบและเคร่งขรึมไม่ก้าวร้าว ตามสไตล์ของผู้ถือหุ้นใหญ่

แต่การซื้อ "สยามโพสต์" แทบจะเป็นสิ่งตรงข้ามกับที่เขาทำมา

การกลับมาครั้งนี้ของหม่อมตรีจึงไม่ธรรมดาเสียเลย

   




 








upcoming issue

จากโต๊ะบรรณาธิการ
past issue
reader's guide


 



home | today's news | magazine | columnist | photo galleries | book & idea
resources | correspondent | advertise with us | contact us