|
Today's News
Cover Story
New & Trend
Indochina Vision
GMS in Law
Mekhong Stream
Special Report
World Monitor
on globalization
Beyond Green
Eco Life
Think Urban
Green Mirror
Green Mind
Green Side
Green Enterprise
Entrepreneurship
SMEs
An Oak by the window
IT
Marketing Click
Money
Entrepreneur
C-through CG
Environment
Investment
Marketing
Corporate Innovation
Strategising Development
Trading Edge
iTech 360°
AEC Focus
Manager Leisure
Life
Order by Jude
The Last page
ตีพิมพ์ใน นิตยสารผู้จัดการ ฉบับ กุมภาพันธ์ 2551
|
|
หลายคนคงเคยมีประสบการณ์อันน่าประทับใจในวัยเด็กที่สวนสัตว์ แต่เมื่อวันวานผ่านพ้นน้อยคนนักที่จะได้กลับไปมีความรู้สึกดีๆ เช่นนั้น จนกว่าจะมีลูกตัวน้อยคอยเรียกร้องให้พาไปอีกครั้ง ทว่าจะมีสักกี่คนที่ได้เข้าไปเอนกายฟังเสียงสัตว์ป่าร้องขับขานยามค่ำคืนกลางสวนสัตว์ ก่อนหน้านี้อาจจะเป็นไปได้ยาก แต่ทุกวันนี้การนอนฟังเสียงเห่กล่อมจากนักดนตรีไพรเหล่านั้นเป็นประสบการณ์ที่แขกจะได้รับที่ Estate Camping Resort & Safari
เมื่อพูดถึงคำว่า "แคมปิ้ง" หลายคนอาจนึกถึงเสน่ห์มนต์ขลังของการได้อยู่ท่ามกลางธรรมชาติ เปิดเต็นท์ออกมาก็ได้สัมผัสกับแผ่นดินผืนหญ้าและลานกว้าง ในยามค่ำคืนก็ได้นอนภายใต้แสงดาวที่มีเพียงผืนผ้าใบกั้นและได้ยินเสียงสัตว์ป่าแว่วดังเป็นระยะ
ขณะเดียวกันชุดภาพแห่งความลำบากก็ผุดเข้ามาในห้วงความคิดของใคร อีกหลายคน เริ่มต้นที่ภาพเต็นท์สีเขียวคล้ายเต็นท์ทหาร ความร้อนอบอ้าวภายใต้ผ้าใบผืนทึบ ผืนดินขรุขระที่ต้องใช้เป็น ที่นอน ห้องน้ำรวมที่เลอะเทอะและคิวยาว ตามมาด้วยภาพความยุ่งยากอีกหลายประการในการอยู่เต็นท์
ตรงข้ามกับนิยาม "แคมปิ้ง" ภาย ใน Estate Camping Resort & Safari
...เต็นท์ผ้าใบสีขาวผลิตให้หนาและทนทานเป็นพิเศษ ความสูงราวกับกระโจม ความกว้างขวางไม่แพ้ห้องพักขนาดย่อมในบางโรงแรม ยิ่งเมื่อบวกกับแอร์ โคมไฟ โทรศัพท์ เตียงขนาดใหญ่ ตู้เย็นพร้อมมินิบาร์ ในเต็นท์แบบ Estate Willow หรือโทรทัศน์ เครื่องเสียง และจากุซซี่ ในเต็นท์แบบ Estate Crown Flower ก็ยิ่งทำให้ภาพแห่งความขัดสนข้างต้นจางหายไปเหลือแต่ความหรูหราในแบบรีสอร์ตเข้ามาแทนที่
เอสตาเต้ฯ เป็นรีสอร์ตสไตล์แคมปิ้งซาฟารี มีพื้นที่เกือบ 10 ไร่ ภายในอาณาจักรของ "เขาเขียว" สวนสัตว์เปิดแห่งเดียวในประเทศไทยบนเนื้อที่ร่วม 5 พันไร่ ในเขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่า เขาเขียว-เขาชมภู่ จังหวัดชลบุรี จึงกล่าวได้ว่า รีสอร์ตแห่งนี้โอบล้อมด้วยขุนเขาและถูกโอบกอดด้วยสรรพสัตว์กว่า 8 พันชีวิต
กลุ่มเต็นท์ด้านหนึ่งติดกับพื้นที่ของศูนย์เพาะและขยายพันธุ์กวางเอเชีย เพียงแค่เปิดม่านหน้าต่างก็อาจจะได้เห็นครอบครัวกวางมายืนอรุณสวัสดิ์แต่เช้าตรู่ อีกด้านของรีสอร์ตเป็นวังลิงที่มีทั้งกลุ่มชิมแปนซีเจ้าอารมณ์และเหล่าอุรังอุตังขี้เล่นคอยส่งเสียงร้องต้อนรับแขก ไม่ไกลนักมีกรงของ "17 ผู้ล่า" มีทั้งเสือดาว เสือกินปลา ไฮยีน่า ฯลฯ ที่มักผลัดกันร้องคำรามประกาศศักดาในยามค่ำคืนขณะที่ด้านหน้ารีสอร์ตเป็นที่อยู่ของสมเสร็จจอมอ้วน
...ด้วยทำเลเช่นนี้จึงทำให้เอสตาเต้ฯ มีจุดขายที่ไม่เหมือน ที่ไหนและไม่มีรีสอร์ตที่ไหนเลียนแบบได้เหมือน
"นอนในเต็นท์ที่ไหนก็ทำได้ นอนที่บ้านก็ได้ แต่ถ้านอนใน เต็นท์ท่ามกลางสัตว์ป่าหลากชนิด มันไม่มีที่อื่น นี่เป็น value++ ของทำเลที่นี่" อเนก ลาภสุขสถิต กล่าวในฐานะหนึ่งในผู้บริหารหนุ่มแห่งบริษัท X-Site Resort จำกัด เจ้าของเอสตาเต้ฯ ซึ่งเพิ่งเปิดตัวอย่างเป็นทางการเมื่อต้นปีที่แล้วนี้เอง
ปัจจุบันที่นี่มีจำนวนห้องพัก 32 ยูนิต แบ่งเป็นแบบ Estate Willow มีพื้นที่ใช้สอยประมาณ 14 ตร.ม.สำหรับ 2 คน แบบ Estate Fir มี 2 ห้องนอนเชื่อมด้วยระเบียงแคร่กลาง รวมพื้นที่ราว 35 ตร.ม. และ Estate Crown Flower เป็นเต็นท์ขนาดใหญ่ กว่า 80 ตร.ม. มี 2 ห้องนอน 1 ห้องนั่งเล่น ห้องน้ำในตัวพร้อมอ่างแช่น้ำ เครื่องทำน้ำอุ่น และชุดสปา ทุกเต็นท์มีเครื่องอำนวย ความสะดวกอย่างครบครัน
โดยทั่วไปหลายคนมักร้อง "ยี้" เมื่อพูดถึงห้องน้ำรวมแต่สำหรับที่นี่ห้องน้ำรวมถือเป็นอีกไฮไลต์ที่ทำให้แขกหลายคนประทับใจ ห้องน้ำที่นี่มีล็อกเกอร์ส่วนกลางคล้ายในคลับเฮาส์ มีห้องสุขา open-air ทำให้แขกได้สัมผัสธรรมชาติแม้จะทำธุระส่วนตัว และกระโจมผ้าใบไว้ให้แขกได้อาบน้ำใต้แสงจันทร์ ซึ่งมีทั้งเครื่องทำน้ำอุ่น สบู่เหลว แชมพู และเครื่องเป่าผมพร้อม
ความสะดวกสบายเช่นนี้ส่วนหนึ่งมาจาก consumer insight ที่อยู่ในตัวของอเนกและหุ้นส่วน ทั้งคู่ต่างก็เป็นนักท่องเที่ยวตัวยง อีกส่วนมาจากการสังเกตพฤติกรรมและความต้องการของแขก ผลที่ได้ ก็คือมีแขกไม่น้อยที่ให้ความสำคัญกับห้องน้ำมากกว่าห้องนอนด้วยซ้ำ
สำหรับพื้นที่โล่งแจ้งกลางรีสอร์ตในยามกลางวัน อาจทำให้แขก หลายคนบ่นอุบถึงความร้อน แต่ความโล่งก็ทำให้เมื่อเปิดเต็นท์ออกมาก็ได้เห็นวิวท้องฟ้าและป่าเขาอย่างชัดเจน ยิ่งพอตกเย็นพื้นที่โล่งดังกล่าว กลายเป็นสนามเด็กเล่นสำหรับครอบครัวที่จะได้ทำกิจกรรมกลางแจ้งร่วมกัน พอตกดึกความโล่งก็ทำให้พื้นที่นั้นกลายเป็นสวรรค์สำหรับคู่รัก ที่จะออกมานอนชมจันทร์นับดาวด้วยกัน
"เคยมีสถาปนิกที่เป็นคนรุ่นเก่าหน่อยบอกให้ปลูกต้นไม้ ให้ทำล็อกเป็นสัดส่วน แต่พอเราใช้ คนรุ่นใหม่เป็นสถาปนิก เขาขับรถวิ่งรอบรีสอร์ตแล้วก็ปักไม้ ปักตรงไหนก็ปลูกเต็นท์ตรงนั้น ต้นไม้ก็ไม่ต้องปลูกใหม่ ปล่อยให้โล่งไว้ ตอนกลางวันแขกอาจจะบ่นหน่อย แต่มันก็ดูเท่ ดูสนุกมีชีวิตชีวาสมกับเป็น playground" ความเป็นเด็กในตัวอเนกทำให้เขาอมยิ้มเมื่อพูดถึงสนามวิ่งเล่นกลาง รีสอร์ต
จุดขายที่เป็นอีกจุดแข็งของเอสตาเต้ฯ ยังอยู่ที่กิจกรรมที่รีสอร์ตจัดให้ ไม่ว่าจะเป็น Day Safari หรือทัวร์ชมและให้อาหารสัตว์ และ Night Safari กิจกรรมส่องสัตว์ยามค่ำคืน รวมทั้งขับรถ ATV หรือขี่เสือภูเขารอบสวนสัตว์เปิดเขาเขียว ...ถือเป็นความฉลาดในการใช้ facility ของสวนสัตว์ มาเพิ่มมูลค่าให้กับรีสอร์ต
ขณะที่ร้านอาหาร open-air ทำให้แขกได้รับลมชมวิวทะเลสาบที่อยู่เบื้องหน้าและดื่มด่ำบรรยากาศเขาเขียวได้อย่างเต็มที่ ภาพนกกาบบัวบินกลับรังในยามพระอาทิตย์ตกน้ำแกล้มบาร์บีคิว เป็นมื้อเย็น หรือการทานอาหารเช้าเคล้าภาพนกกาบบัวหาปลาในทะเลสาบ ถือเป็นอาหารตาที่สร้างความอิ่มใจได้ไม่น้อย
"เอสตาเต้" เป็นภาษาอิตาเลียนแปล ว่า summer time ตามนัยของชาวต่างชาติ นั่นหมายถึงช่วงเวลาที่เหมาะแก่การทำกิจกรรมกลางแจ้ง การออกไปแค้มปิ้ง และการทำกิจกรรมร่วมกันของครอบครัว ชื่อนี้จึง บ่งบอกถึงคอนเซ็ปต์ของรีสอร์ตแห่งนี้ได้เป็นอย่างดี
นอกจากกลุ่มครอบครัวระดับพรีเมียม กลุ่มเป้าหมายหลักกลุ่มใหม่ของเอสตาเต้ฯ ได้แก่กลุ่มสัมมนา เมื่อปลายปีที่แล้วเอสตาเต้ฯ ลงทุนสร้างห้องสัมมนาที่มีความจุถึง 80 คน ทั้งนี้เพื่อขยายฐานลูกค้า เพราะกลุ่มครอบครัว มักจะมาเที่ยวกันในคืนวันเสาร์และวันหยุดจึงต้องสร้างลูกค้ากลุ่มใหม่มาเสริมในวันอื่น
"คำว่าทีมกับแคมปิ้งดูจะเข้ากันมากกว่ากับรีสอร์ตหรือโรงแรม ที่ดูจะเป็นการพักผ่อนมากกว่าและที่สำคัญบรรยากาศของที่นี่มัน enforce ให้คนต้องออกมานั่งคุยกัน ไม่ว่าจะเป็น การเข้าห้องน้ำ ทานข้าวก็ต้องได้เจอกัน และยังมีพื้นที่ทำกิจกรรม team building ได้อีก" อเนกอธิบายแนวทางพิจารณาหากลุ่มลูกค้าที่เหมาะสมจาก value ที่รีสอร์ตมี
ย้อนกลับไปปี 2546 บริษัท X-Site Resort เริ่มต้นจากการเปิดตัว "เกาะเหลาเหลียงรีสอร์ท" ในจังหวัดตรัง เป็นเกาะที่สวยงามแต่ไม่ค่อยมีคนรู้จัก อเนกและเพื่อนเห็นธรรมชาติ ที่สวยงามจึงขอเช่าพื้นที่จากเจ้าของสัมปทานรังนกบนเกาะเพื่อทำรีสอร์ตสไตล์แคมปิ้งแห่งแรก ของเมืองไทยและเป็นที่พักแห่งเดียวของเกาะ
ความสวยงามของเกาะบวกกับความแปลกใหม่ของรูปแบบรีสอร์ตทำให้เกาะเหลาเหลียงฯ "เกิด" ด้วยพลัง word-of-mouth ในพันทิพย์ และกลายเป็น talk-of-the-town จนเคยมีนักธุรกิจ จากมาเลเซียมาชวนให้พวกเขาร่วมหุ้นทำรีสอร์ตที่เกาะโคตาคินาบาลู แต่พวกเขาปฏิเสธเพราะ รู้สึกว่าไม่มีประสบการณ์พอ
กระทั่งสำนักงานส่งเสริมวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อม (สสว.) ร่วมกับการท่องเที่ยว แห่งประเทศไทย และกรมอุทยานแห่งชาติสัตว์ป่าและพันธุ์พืช จัดตั้ง "โครงการพัฒนาพื้นที่ท่องเที่ยวเชิงธรรมชาติ" เพื่อเพิ่มศักยภาพในการจัดการแหล่งท่องเที่ยวของภาครัฐและเสริมสร้างผู้ประกอบการ SME
ด้วยความสำเร็จของรีสอร์ทสไตล์แคมปิ้งที่เกาะเหลาเหลียงฯ พวกเขาจึงได้รับคัดเลือก ให้เข้าร่วมโครงการพัฒนาฯ นี้ ซึ่งมีทำเลให้เลือกอยู่ 5 แห่ง พวกเขาลังเลระหว่างเขาใหญ่กับเขาเขียว
สำหรับเขาใหญ่ คนรู้จักเยอะและภาพลักษณ์ดี ทำให้ไม่ต้องโปรโมตหนักแต่ต้องเหนื่อย กับการแข่งขันทางธุรกิจ ขณะที่เขาเขียวในความทรงจำของกรุงเทพฯ ส่วนใหญ่จะนึกถึงภาพสวนสัตว์ที่มักมีกลิ่นเหม็นและสกปรก แต่ที่นี่ก็มีคล้ายกับเกาะเหลาเหลียงตรงที่ไม่มีคู่แข่ง แม้สวนสัตว์แห่งนี้จะมีห้องพักให้เช่าอยู่ก่อนแต่ก็จับลูกค้าคนละกลุ่ม
"ถ้าของมันเป็นทอง แล้วคนนึกว่าเป็นตะกั่วมันก็พอมีวิธีสื่อสารได้ แต่ถ้าเป็นตะกั่วและคนก็รู้ว่าตะกั่ว มันก็จบ แม้ว่าเขาเขียวจะมีภาพลักษณ์ไม่ค่อยดี แต่พอเรามาดูแล้ว ทำเลที่นี่ถือว่าดีมาก สภาพแวดล้อมก็ไม่ได้แย่เพราะที่นี่เขามีมาตรฐานในการรักษาความสะอาดอย่างดี สิ่งที่เราต้องทำก็คือโปรโมตให้แขกมาเห็นด้วยตัวเอง"
แค่เพียง 1 ปี เอสตาเต้ฯ มีแขกเข้าพักมากกว่า 6,500 คน เกือบทุกสุดสัปดาห์และทุกวันหยุดห้องพักจะเต็มจนต้องปฏิเสธแขกไปหลายราย รายได้ปีที่แล้วราว 15 ล้านบาท ขณะที่เขาเขียวก็ได้ทั้งภาพลักษณ์ใหม่ที่ดูดีและหรูขึ้นและยังได้รับค่าเช่าพื้นที่จากเอสตาเต้ฯ ในอัตรา 300 บาทต่อแขกที่เข้าพัก 1 คน
คงไม่ผิดนักที่จะกล่าวว่า เอสตาเต้ฯ ไม่เพียงทำให้ชุดภาพความขัดสนที่แขกมีต่อคำว่า "แคมปิ้ง" ลบเลือนหายไป แต่ยังทำให้อคติของคำว่า "สวนสัตว์" ในสวนสัตว์เปิดเขาเขียวเจือจางลงไปด้วย ...แต่ถ้าวันนี้คุณยังนึกถึงแต่สวนสัตว์ที่ส่งกลิ่นเหม็นและเลอะเทอะสกปรก ลองย้อนกลับไปถามตัวเองสักครั้งว่า คุณไปสวนสัตว์เปิดเขาเขียวล่าสุดเมื่อไหร่!?!
|
|
|
|
|