|
Today's News
Cover Story
New & Trend
Indochina Vision
GMS in Law
Mekhong Stream
Special Report
World Monitor
on globalization
Beyond Green
Eco Life
Think Urban
Green Mirror
Green Mind
Green Side
Green Enterprise
Entrepreneurship
SMEs
An Oak by the window
IT
Marketing Click
Money
Entrepreneur
C-through CG
Environment
Investment
Marketing
Corporate Innovation
Strategising Development
Trading Edge
iTech 360°
AEC Focus
Manager Leisure
Life
Order by Jude
The Last page
|
 |
ตลาดหุ้นไทยพุ่ง 10 จุด สอดคล้องตลาดหุ้นทั่วโลกที่เด้งรับข่าวเฟดหั่นดอกเบี้ยอีก 0.50% "ภัทรียา" ชี้ปัจจัยนอกประเทศยังไม่จบ แม้ปัญหาการเมืองในประเทศชัดเจนมากขึ้น เตรียมควงแขนบล.ลุยโรดโชว์ต่างชาติหวังเรียกความเชื่อมั่นคืนก.พ.นี้ โบรกเกอร์ฟันธงเฟดลดดอกเบี้ยแน่นอน ขณะที่ยังแนะถือเงินสดรอประเมินสถานการณ์รอบด้านอีกครั้ง
ภาวะการลงทุนในตลาดหุ้น วานนี้ (29 ม.ค.) ดัชนีเคลื่อนไหวอยู่ในแดนบวกตลอดทั้งวัน สอดคล้องกับตลาดหุ้นทั่วโลกที่ปรับตัวเพิ่มขึ้น เนื่องจากนักลงทุนเชื่อว่าธนาคารกลางสหรัฐฯ (เฟด) จะปรับลดอัตราดอกเบี้ยลงอีก 0.50% เพื่อบรรเทาปัญหาจากสินเชื่ออสังหาริมทรัพย์ด้อยคุณภาพ (ซับไพรม์) โดยดัชนีปรับตัวเพิ่มขึ้นมาปิดที่ 754.87 จุด เพิ่มขึ้น 10.51 จุด หรือ 1.41% โดยจุดสูงสุดของวันอยู่ที่ 756.87 จุด และจุดต่ำสุดอยู่ที่ 749.39 จุด มูลค่าการซื้อขาย 14,547.40 ล้านบาท
ทั้งนี้ นักลงทุนต่างชาติซื้อสุทธิ 571.11 ล้านบาท นักลงทุนสถาบันขายสุทธิ 381.74 ล้านบาท นักลงทุนรายย่อยขายสุทธิ 189.37 ล้านบาท
นางภัทรียา เบญจพลชัย กรรมการและผู้จัดการ ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย กล่าวว่า ปัจจัยลบจากต่างประเทศยังปกคลุมการเคลื่อนไหวของตลาดหุ้นไทย โดยเฉพาะปัญหาซับไพรม์ รวมถึงปัญหาเศรษฐกิจสหรัฐฯ ที่ชะลอตัว ซึ่งนักลงทุนจะต้องติดตามข้อมูลอย่างใกล้ชิด เพราะในขณะนี้ยังตอบไม่ได้ว่าผลกระทบในเรื่องดังกล่าวจะจบเมื่อใด
ทั้งนี้ รัฐบาลสหรัฐฯ พยายามหาทางแก้ไขปัญหาเพื่อบรรเทาในเรื่องดังกล่าว รวมทั้งเป็นการกระตุ้นการลงทุนด้วยการออกมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจจากโยบายต่างๆ โดยหากผลลัพธ์จากนโยบายในการแก้ปัญหาได้ผลจริงและรวดเร็วจะยิ่งส่งผลดีต่อการลงทุน ขณะที่ปัจจัยภายในประเทศโดยเฉพาะเรื่องการเมืองเชื่อว่าความชัดเจนที่มีมากขึ้นส่งผลดีต่อการลงทุน
สำหรับความเห็นต่อผู้ที่จะเข้ามาเป็นรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังที่ปรากฏชื่อนายวีรพงษ์ รามางกูร นั้น นางภัทรียา กล่าวว่า เรื่องดังกล่าวน่าจะส่งผลดีต่อตลาดหุ้นไทย เพราะเป็นผู้มีความรู้ความเข้าใจเกี่ยวกับตลาดเงินและยังเคยดำรงตำแหน่งรองนายกรัฐมนตรีที่ดูแลเกี่ยวกับเศรษฐกิจ ทำให้มีความเข้าใจด้านเศรษฐกิจเป็นอย่างดี ซึ่งจะช่วยสนับสนุนให้การดำเนินนโยบายทำได้รวดเร็วยิ่งขึ้น ขณะที่หากเป็นนายแพทย์สุรพงษ์ สืบวงศ์ลี เลขาธิการพรรคพลังประชาชนนั้นส่วนตัวมองว่าจะต้องหาทีมที่ปรึกษาเข้ามาช่วยในเรื่องของข้อมูล เนื่องจากไม่ใช่บุคคลที่อยู่ในวงการตลาดเงินและตลาดทุน
"อยากฝากให้รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังคนใหม่ เร่งแต่งตั้งคณะกรรมการนโยบายพัฒนาตลาดทุน เพื่อเชื่อมโยงตลาดเงิน และตลาดทุนเข้าด้วยกันและจะเป็นการเสริมสร้างความแข็งแกร่งให้กับเศรษฐกิจของประเทศได้" นางภัทรียากล่าว
นายอภิศักดิ์ ลิมป์ธำรงกุล ผู้อำนวยการฝ่ายวิเคราะห์หลักทรัพย์ บล.นครหลวงไทย เปิดเผยว่า ตลาดหุ้นทั่วโลกได้รับปัจจุยสนับสนุนหลังจากการคาดการณ์ว่าเฟดจะปรับลดอัตราดอกเบี้ยอีก 0.50% เพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจ โดยคาดว่าในวันนี้ตลาดหุ้นมีโอกาสที่จะปรับตัวเพิ่มขึ้นได้ต่อเนื่องจากนักลงทุนต่างชาติยังมีมุมมองในเชิงบวกกับตลาดหุ้นไทย
ทั้งนี้ แม้ว่าการปรับลดอัตราดอกเบี้ยจะเป็นสิ่งที่นักลงทุนคาดการณ์ไว้ล่วงหน้าแต่ก็สะท้อนได้ถึงมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจที่จะต้องเกิดขึ้น ในขณะเดียวกันหากไม่มีการปรับลดอัตราดอกเบี้ยอาจจะสะท้อนได้ถึงสัญญาณเศรษฐกิจสหรัฐฯที่มีเริ่มมีการฟื้นตัวซึ่งก็จะส่งผลดีต่อตลาดหุ้นเช่นกัน
"ยังเชื่อว่าเฟดจะลดดอกเบี้ยลงแน่นอน เพราะจากตัวเลขยอดขายบ้านใหม่ของสหรัฐฯ ในปี 2550 ลดลงมาก เฟดจึงจำเป็นจะต้องลดดอกเบี้ย เพื่อแก้ปัญหาดังกล่าว แต่ถึงไม่ลดดอกเบี้ย ก็สามารถมองได้อีกมุม คือ เศรษฐกิจของสหรัฐฯดีขึ้น" นายอภิศักดิ์ กล่าว
สำหรับกลยุทธ์การลงทุนแนะนำให้ซื้อลงทุนหุ้นกลุ่มพลังงาน โดยแนะนำ PTT-PTTEP เพื่อเก็งกำไรตามราคาน้ำมันที่มีแนวโน้มจะปรับขึ้น โดยประเมินแนวรับไว้ที่ 755 จุด ขณะที่แนวต้านให้ไว้ที่ 770 จุด
นางสาวจิตติมา อังสุวรังษี ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการสายที่ปรึกษาการลงทุน บล.ฟาร์อีสท์ กล่าวว่า แนวโน้มในวันนี้ดัชนีตลาดหุ้นจะมีทิศทางอย่างไร ให้ติดตามรอดูทิศทางตลาดหุ้นต่างประเทศเป็นหลักเนื่องจากในช่วงที่ผ่านมาตลาดหุ้นไทยอ้างอิงกับตลาดหุ้นต่างประเทศ โดยสิ่งที่นักลงทุนรอคอยคือความชัดเจนเกี่ยวกับการประชุมปรับลดดอกเบี้ย โดยกลยุทธ์การลงทุนแนะถือเงินสดเพื่อรอดูสถาณการณ์โดยประเมินแนวรับที่ 747-750 จุด แนวต้าน 760-765 จุด
ตลท.เล็งโรดโชว์ก.พ.นี้
นางภัทรียา กล่าวถึง แผนการประชาสัมพันธ์ตลาดหุ้นไทยในต่างประเทศ ว่า ขณะนี้ตลาดหลักทรัพย์ฯ ได้เปิดให้บริษัทหลักทรัพย์ (บล.) ต่างๆ ที่สนใจจะไปนำเสนอข้อมูล (โรดโชว์) ในต่างประเทศร่วมกับตลาดหลักทรัพย์ฯ หรือบล.ที่ต้องการเชิญตลาดหลักทรัพย์ฯ ร่วมเดินทางไปโรดโชว์ด้วย โดยจะให้มีการยื่นความจำนงมาภายในสิ้นเดือนนี้ เพื่อที่ตลาดหลักทรัพย์ฯ ได้จัดลำดับในการที่จะเดินทางและจะได้ทราบว่าจะมีการเดินทางไปโรดโชว์ในปีนี้จำนวนกี่ครั้งและประเทศใดบ้าง
ปัจจุบันมีบล.ยื่นความจำนงที่จะเชิญตลาดหลักทรัพย์ฯ ร่วมเดินทางไปด้วยแล้วจำนวน 5 แห่ง ซึ่งประเทศกลุ่มเป้าหมายที่ตลาดหลักทรัพย์ฯ คือ ประเทศญี่ปุ่น และประเทศแถบตะวันออกกลาง เนื่องจาก มีเม็ดเงินลงทุนจำนวนมาก โดยบล.ในประเทศไทยที่มีฐานลูกค้าเป็นนักลงทุนญี่ปุ่น มี 2 แห่ง คือ บล.พัฒนสิน ซึ่งลูกค้าจะเป็นนักลงทุนสถาบัน และ บล.ยูไนเต็ด กลุ่มลูกค้าเป็นนักลงทุนบุคคลธรรมดา ขณะที่ในปีนี้ตลาดหลักทรัพย์ฯก็จะเดินทางไป สิงคโปร์ ลอนดอน ยุโรป เพื่อนำเสนอข้อมูลด้วย
สำหรับการไปโรดโชว์นั้นตลาดหลักทรัพย์ฯ จะไปนำเสนอเกี่ยวกับปัจจัยพื้นฐานของตลาดหุ้นไทย ผลการดำเนินงานของบริษัทจดทะเบียน โดยนักลงทุนต่างประเทศนั้นต้องการที่จะได้รับทราบข้อมูลโดยตรงจากตลาดหลักทรัพย์ ฯ และจะได้รู้ถึงความต้องการของนักลงทุนว่าต้องการที่จะลงทุนในสินค้าประเภทใด เพื่อที่จะได้เสนอสินค้าที่ตรงความต้องการ
นางภัทรียา กล่าวว่า เดือนกุมภาพันธ์นี้ตลาดหลักทรัพย์ฯ จะเริ่มเดินทางไปโรดโชว์ร่วมกับบล.แต่ยังไม่สามารถเปิดเผยได้ขณะนี้ว่าจะไปโรดโชว์ที่ประเทศไหน เพราะ ต้องรอให้บล.ที่เป็นผู้จัดเป็นผู้เปิดเผยก่อน ส่วนจะพาบริษัทจดทะเบียนไปด้วยหรือไม่นั้นก็ขึ้นอยู่กับบล.ที่เป็นผู้จัด
"การไปโรดโชว์ตลาดฯจะมีการดำเนินการเป็นระยะซึ่งบางครั้งที่เดินทางไปก็จะไปได้ทันทีโดยไม่ต้องรอการจัดตั้งรัฐบาล และทีมเศรษฐกิจ แต่ บางครั้งก็ต้องรอทีมจัดตั้งรัฐบาลและทีมเศรษฐกิจ แต่การเดินทางไปโรดโชว์ต่างประเทศนั้น ตลาดหลักทรัพย์ฯจะมีการเดินทางไปตามคำเชิญของบล.แต่การจัดโชว์ในประเทศไทยจะเป็นช่วงเดือนกันยายนซึ่งจะเชิญนักลงทุนสถาบันและนักลงทุนรายย่อยต่างประเทศเข้ามารับฟังข้อมูล"นางภัทรียากล่าว
|
|
 |
|
|