Search Resources
 
Login เข้าระบบ
สมัครสมาชิกฟรี
ลืมรหัสผ่าน
 
  homenewsmagazinecolumnistbooks & ideaphoto galleriesresources50 managermanager 100join us  
 
 


bulletToday's News
bullet Cover Story
bullet New & Trend

bullet Indochina Vision
bullet2 GMS in Law
bullet2 Mekhong Stream

bullet Special Report

bullet World Monitor
bullet2 on globalization

bullet Beyond Green
bullet2 Eco Life
bullet2 Think Urban
bullet2 Green Mirror
bullet2 Green Mind
bullet2 Green Side
bullet2 Green Enterprise

bullet Entrepreneurship
bullet2 SMEs
bullet2 An Oak by the window
bullet2 IT
bullet2 Marketing Click
bullet2 Money
bullet2 Entrepreneur
bullet2 C-through CG
bullet2 Environment
bullet2 Investment
bullet2 Marketing
bullet2 Corporate Innovation
bullet2 Strategising Development
bullet2 Trading Edge
bullet2 iTech 360°
bullet2 AEC Focus

bullet Manager Leisure
bullet2 Life
bullet2 Order by Jude

bullet The Last page








 
ผู้จัดการรายวัน28 มกราคม 2551
DRTเพิ่มส่งออกดันยอดโต10%             
 


   
www resources

โฮมเพจ บริษัท กระเบื้องหลังคาตราเพชร จำกัด

   
search resources

กระเบื้องหลังคาตราเพชร, บมจ.
Tiles and Roofs
สาธิต สุดบรรทัด




กระเบื้องตราเพชร ประกาศรุกตลาดต่างประเทศส่งผลิตภัณฑ์ไฟเบอร์ซีเมนต์เจาะกัมพูชา-ลาว ดันยอดส่งออกโต 20% ทุ่ม 465 ล้านบาทเพิ่มกำลังการผลิตอีก 60,000 ตันต่อปีขยายตลาดส่งออกในอนาคต พร้อมเร่งขยายตลาดโครงการจัดสรร เผยต้นปียอดสั่งซื้อแล้วกว่า1,500 ยูนิต ยันไม่ปรับราคาขายสินค้าแม้ต้นทุนเชื้อเพลิงพุ่ง หลังเปลี่ยนใช้แก๊สในระบบผลิตแทนน้ำมันคาดลดต้นทุนได้กว่า10% ตั้งเป้ายอดขายปี51เติบโต 10% หรือมียอดขายรวม 2,700 ล้านบาท

นายสาธิต สุดบรรทัด รองกรรมการผู้จัดการสายการขาย และการตลาด บริษัท กระเบื้องหลังคาตราเพชร จำกัด (มหาชน) (DRT) กล่าวว่าในปีนี้บริษัทจะเน้นการเปิดตลาดส่งออกต่างประเทศให้มากขึ้น โดยตั้งเป้าจะมีอัตราการเติบโตจากตลาดส่งออกต่างประเทศ 20% หรือมีสัดส่วนการส่งออกเพิ่มเป็น 8% จากปีที่50บริษัทมีสัดส่วนยอดขายจากตลาดต่างประเทศ 5% ของยอดขายรวม 2,500 ล้านบาท ในขณะที่ตลาดในประเทศบริษัทจะให้ความสำคัญกับการรุกตลาดโครงการเพิ่มมากขึ้นโดย ตั้งเป้าว่าจะมีสัดส่วนยอดขายจากโครงการเพิ่มขึ้นเป็น 8% จากเดิมที่มีอยู่ 5%

ทั้งนี้ ในส่วนของการการเจาะตลาดต่างประเทศนั้นบริษัทจะเน้นการขยายตลาดในภูมิภาค โดยให้ความสำคัญตลาดประเทศลาว และประเทศกัมพูชา เนื่องจากทั้ง2 ประเทศมีอัตราการเติบโตทางเศรษฐกิจที่ขยายตัวสูง และมีการลงทุนด้านโครงสร้างพื้นฐานระบบสาธารณูปโภค และการขยายตัวด้านที่อยู่อาศัยสูงตามไปด้วย ทำให้กลุ่มประเทศดังกล่าวมีความต้องการใช้วัสดุก่อสร้าง ฝ้าเพดาน และผนังบอร์ดไฟเบอร์ซีเมนต์ และ กระเบื้องหลังคาลอนคู่ ในขณะที่การขยายตลาดดังกล่าว ไม่ได้รับผลกระทบจากปัญหาการแข็งค่าของเงินบาทด้วย เพราะบริษัทขายเป็นสกุลเงินบาท ทำให้ไม่มีส่วนต่างจากอัตราการแลกเปลี่ยน

นอกจากนี้เพื่อเป็นการขยายตลาดส่งออกเพิ่มขึ้นบริษัทยังได้มีการขยายกำลังการผลิตเพิ่มอีก1 สายการผลิต โดยได้ใช้เงินลงทุน 465 ล้านบาทในการขยายกำลังผลิตเพิ่มอีกอีก 60,000 ตันต่อปี ซึ่งเป็นการขยายสายการผลิตในพื้นที่โรงงานเดิมจังหวัดสระบุรี คาดว่าสายการผลิตดังกล่าวจะก่อสร้างเสร็จในปี2552นี้ และจะทำให้บริษัทมีสัดส่วนการส่งออกสินค้าไปขายในต่างประเทศเพิ่มขึ้นเป็น10%

“การขยายตลาดส่งออกในปีนี้จะทำให้บริษัทใช้กำลังการผลิตที่มีอยู่ได้เต็ม100% จากที่เดิมใช้อยู่ประมาณ 80-90% ซึ่งหลังจากบริษัทเดินสายผลิตเต็มกำลัง100% จะทำให้มียอดการผลิตกระเบื้องไฟเบอร์ซีเมนต์รวม 300,000 ตันต่อปี และกระเบื้องคอนกรีตมียอดการผลิตต่อปี200,000 ตันต่อปี หรือมียอดการผลิตกระเบื้องโดยรวม 500,000 ตันต่อปี”

นายสาธิต กล่าวว่า ส่วนการรุกตลาดโครงการในปีนี้ บริษัทจะเน้นกลุ่มสินค้าผลิตภัณฑ์กระเบื้องคอนกรีต ซึ่งในปีที่ผ่านมาได้รับการตอบรับที่ดีมาก โดยในช่วงต้นปีนี้ยอดการสั่งซื้อกระเบื้องคอนกรีตปรับตัวสูงขึ้น โดยมียอดการสั่งซื้อจากบริษัท คอวลิตี้ เฮาส์ จำกัด (มหาชน) เข้ามาแล้ว 3-4โครงการ นอกจากนี้ยังมีผู้ประกอบการโครงการจัดสรรรายอื่นๆ สั่งซื้อเข้ามาอีกหลายราย โดยมียอดแล้วกว่า 1,500 ยูนิต สะท้อนให้เห็นว่าปี 51 นี้ตลาดมีการปรับตัวที่ดีขึ้นและเชื่อว่ายอดขายกระเบื้องคอนกรีตขยายตัวสูงขึ้นจากปี50

ในขณะเดียวกันรัฐบาลชุดใหม่ที่เข้ามาบริหารประเทศเองก็มีนโยบายการลงทุนที่เน้นในเรื่องของการกระจายรายได้สู่กลุ่มประชาชนระดับรากหญ้า ซึ่งน่าจะส่งผลดีต่อตลาดที่อยู่อาศัยในต่างจังหวัด หรือกลุ่มลูกค้ารายย่อย ซึ่งเป็นกลุ่มลูกค้าหลัก โดยปัจจุบันบริษัทมีสัดส่วนการขายรายย่อยอยู่80% จากยอดขายรวม ซึ่งหากในปีนี้ตลาดในประเทศขยายตัวตามที่มีการคาดการ หรือหากตลาดไม่โตตามคาดการก็น่าจะมีอัตราการขยายตัวในระดับเดียวกับปีที่ผ่านมา แต่เชื่อว่าการขยายตัวของเศรษฐกิจโดยรวมไม่น่าจะแย่กว่าปี50แน่นอน

อย่างไรก็ตามในช่วงที่ผ่านมาราคาน้ำมันในตลาดโลกมีการปรับตัวสูงขึ้นทำให้ต้นทุนด้านเชื้อเพลิงขยับสูง ซึ่งส่งผลต่อต้นทุนการผลิตของบริษัทอยู่บ้างแต่บริษัทจะไม่มีการปรับราคาขายสินค้าขึ้น เนื่องจากในปีที่ผ่านมาบริษัทได้มีการปรับลดต้นทุนการขนส่ง และต้นทุนเชื้อเพลิงในกระบวนการผลิตใหม่ โดยหันมาใช้แก๊ส ซึ่งมีราคาที่ถูกกว่าน้ำมันในกระบวนการผลิตเพิ่มขึ้นเป็น 50% จากที่เดิมบริษัทมีการใช้แก๊สในระบบขนส่งเท่านั้น ซึ่งในปีก่อนหน้านั้นมีการใช้แก๊สทดแทนการใช้น้ำมันเพียง 10% ซึ่งจะทำให้ในปีนี้บริษัทสามารถลดต้นทุนการขนส่ง และการผลิตได้กว่า 10% ดังนั้นต้นทุนเชื่อเพลิงที่เพิ่มขึ้นจึงไม่ส่งผลกระทบต่อการผลิตของบริษัททำให้ไม่จำเป็นต้องมีการปรับราคาขายสินค้า

สำหรับปีนี้ บริษัทตั้งเป้าว่าจะมียอดขายรวมเติบโตจากปี 50 ที่ผ่านมาซึ่งมียอดขายประมาณ2,500 ล้านบาท 10% หรือมียอดขายประมาณ2,700 ล้านบาท โดยรายได้ดังกล่าวจะเพิ่มขึ้นจากการขยายการส่งออก และการขายผ่านโครงการ ซึ่งการขยายตัวของยอดการส่งออกจะทำให้ในปีนี้บริษัทมีสัดส่วนการส่งออกเพิ่มขึ้นเป็น 8-10% และมีสัดส่วนยอดขายในประเทศอยู่ที่ 90% และคาดว่าในอนาคตหลังสายการผลิตใหม่แล้วเสร็จจะทำให้ยอดส่งออกเพิ่มสูงขึ้นกว่าในปัจจุบันซึ่งเป้ฯไปตามนโยบายของบริษัท   




 








upcoming issue

จากโต๊ะบรรณาธิการ
past issue
reader's guide


 



home | today's news | magazine | columnist | photo galleries | book & idea
resources | correspondent | advertise with us | contact us