|
Today's News
Cover Story
New & Trend
Indochina Vision
GMS in Law
Mekhong Stream
Special Report
World Monitor
on globalization
Beyond Green
Eco Life
Think Urban
Green Mirror
Green Mind
Green Side
Green Enterprise
Entrepreneurship
SMEs
An Oak by the window
IT
Marketing Click
Money
Entrepreneur
C-through CG
Environment
Investment
Marketing
Corporate Innovation
Strategising Development
Trading Edge
iTech 360°
AEC Focus
Manager Leisure
Life
Order by Jude
The Last page
|
|
โฟร์โมสต์ จ่อคิวทิ้งตลาดนมเปรี้ยวพร้อมดื่มผสมผลไม้ หลังเข็นโยโมสต์บุกตลาดหลายปี ตอดแชร์ดัชมิลล์ไม่สำเร็จ ตลาดกว่า 4,000 ล้านบาทไม่โต เบนเข็มโฟกัสตลาดหลัก นมโคพร้อมดื่ม แคลซีเม็กซ์ ไฮไฟว์ รับยุคตลาดนมแข่งดุต้องรักษาฐานที่มั่น ส่วนริชเชสโบกมือลาจากตลาดนมเปรี้ยวผสมน้ำผลไม้แล้วเช่นกัน
รายงานข่าวความเคลื่อนไหวตลาดนมเปรี้ยวพร้อมดื่มว่า ในเร็วๆ นี้ บริษัท ฟรีสแลนด์ ฟู้ดส์ โฟร์โมสต์ (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) กำลังจะเลิกผลิตนมเปรี้ยวพร้อมดื่มผสมน้ำผลไม้โยโมสต์ออกจำหน่าย ส่วนหนึ่งเป็นตลาดนมเปรี้ยวพร้อมดื่มผสมน้ำผลไม้ มีผู้นำตลาดอย่างดัชมิลล์ครองส่วนแบ่ง 97% รองลงมาเป็น โยโมสต์และเมจิมีส่วนแบ่งไล่เลี่ยกัน 5% จากมูลค่าตลาดกว่า 4,000 ล้านบาท นับว่าดัชมิลล์ครองตลาดแบบเบ็ดเสร็จ ดังนั้นจึงเป็นการยากที่แบรนด์อื่นๆ จะเข้ามาทำตลาดได้
สภาพตลาดนมเปรี้ยวที่เกิดขึ้นตรงกับที่ นายอำนาจ ธีระวนิช ประธานกรรมการ องค์การส่งเสริมกิจการโคนมแห่งประเทศไทย (อ.ส.ค.) ผู้ผลิตและจำหน่ายนมพร้อมดื่มตราไทย-เดนมาร์ค กล่าวว่า การที่แบรนด์ใหม่จะเข้ามาทำตลาดนมพร้อมดื่มเป็นเรื่องที่ทำได้ยาก หากตลาดนั้นมีผู้นำตลาดครองส่วนแบ่งเกิน 50% จึงมองว่าไทย-เดนมาร์ค น่าจะมีโอกาสทางการตลาดอีกมาก เพราะเป็นอันดับ 2 ของตลาดครองส่วนแบ่ง 30%
นอกจากนี้ยังมีนมเปรี้ยวพร้อมดื่มแบรนด์ "ริชเชส"ในรูปแบบพาสเจอร์ไรซ์ของสหพัฒน์ก็ออกไปจากตลาดนี้แล้วเช่นกัน ส่วนหนึ่งเกิดจากสภาพตลาดนมเปรี้ยวพร้อมดื่มในปีที่ผ่านมา ไม่มีอัตราการเติบโต กระทั่งล่าสุดริชเชสเบนเข็มไปรุกตลาดน้ำผลไม้ และสปอร์ต ดริงก์แทน เพราะเป็นตลาดที่มีศักยภาพและมีแนวโน้มที่จะเติบโตได้มากกว่า
ยุคแข่งดุค่ายนมต้องรักษาฐาน
ท่ามกลางการแข่งขันตลาดนมโดยรวมมูลค่า 3.6 หมื่นล้านบาท มีความรุนแรงมากขึ้น ทำให้ทุกรายโดยเฉพาะโฟร์โมสต์ต้องยึดฐานที่มั่นไว้อย่างหนักแน่น อย่างปีนี้โฟร์โมสต์ผจญกับความท้าทายจากการรุกหนักของไทย-เดนมาร์ค ด้วยการประกาศขึ้นเป็นผู้นำในอีก 5 ปีข้างหน้านี้ เชื่อว่าโฟร์โมตส์ต้องทำการบ้านอย่างหนัก เพื่อตอกย้ำความเป็นผู้นำตลาดครองส่วนแบ่ง 38% รวมทั้งความพยายามกระตุ้นอัตราการดื่มนมของคนไทยให้เพิ่มขึ้น จากปัจจุบันโดยเฉลี่ย 13 ลิตรต่อคนต่อปี
นอกจากนี้โฟร์โมสต์ยังต้องทำการบ้านหนักกับตลาดนมแคลเซียมมูลค่า 2,000 ล้านบาท ซึ่งหลากค่ายรุกทำตลาดอย่างจริงจัง ด้วยเปิดตัวพรีเซ็นเตอร์ อย่าง แอนลีนส่งมาช่า วัฒนพานิช มาเป็นพรีเซ็นเตอร์ หรือกระทั่งนมถั่วเหลืองวีซอย ส่งภรรยานักฟุตบอลอย่างปิยะพงษ์ ผิวอ่อนมาเป็นพรีเซ็นเตอร์ประกบ ขณะที่แคลซีเม็กซ์นำหมิว-ลลิตา ศศิประภา และลูกๆ มาเป็นพรีเซ็นเตอร์ ตลอดจนแตกไลน์ แคลซีเม็กซ์ บิวตีวา เพื่อรักษาความเป็นผู้นำตลาดอย่างต่อเนื่องจากการครองส่วนแบ่งกว่า 60%
อีกทั้งโฟร์โมสต์ยังเน้นทำตลาดอย่างนมถั่วเหลือง จากการส่งไฮไฟว์ท้าทายผู้นำอย่างไวตามิ้ลค์ ส่วนสำคัญที่โฟร์โมสต์ต้องทำตลาดนี้ เนื่องจากเป็นตลาดที่มีอัตราการเติบโตสูงถึง 18% จากมูลค่า 5,000-6,000 ล้านบาท จึงเป็นตลาดที่มีศักยภาพและเป็นอย่างก้าวการเติบโตจากการดำเนินธุรกิจ เช่นเดียวกับไวตามิ้ลค์ที่ผจญกับคู่แข่งมากมาย ก็ต้องตื่นจากหลับเพื่อรักษาฐานที่มั่นให้มั่นคงยิ่งขึ้น ก่อนที่จะโดนดีน่าและไฮไฟว์ช่วงชิงแชร์
|
|
|
|
|