Search Resources
 
Login เข้าระบบ
สมัครสมาชิกฟรี
ลืมรหัสผ่าน
 
  homenewsmagazinecolumnistbooks & ideaphoto galleriesresources50 managermanager 100join us  
 
 


bulletToday's News
bullet Cover Story
bullet New & Trend

bullet Indochina Vision
bullet2 GMS in Law
bullet2 Mekhong Stream

bullet Special Report

bullet World Monitor
bullet2 on globalization

bullet Beyond Green
bullet2 Eco Life
bullet2 Think Urban
bullet2 Green Mirror
bullet2 Green Mind
bullet2 Green Side
bullet2 Green Enterprise

bullet Entrepreneurship
bullet2 SMEs
bullet2 An Oak by the window
bullet2 IT
bullet2 Marketing Click
bullet2 Money
bullet2 Entrepreneur
bullet2 C-through CG
bullet2 Environment
bullet2 Investment
bullet2 Marketing
bullet2 Corporate Innovation
bullet2 Strategising Development
bullet2 Trading Edge
bullet2 iTech 360°
bullet2 AEC Focus

bullet Manager Leisure
bullet2 Life
bullet2 Order by Jude

bullet The Last page








 
ผู้จัดการรายวัน25 มกราคม 2551
แมนูไลฟ์ทยอยเก็บหุ้นถูกเข้าพอร์ต เตรียมส่งเอฟไอเอฟ 3 กองลุยตลาดดันเอยูเอ็ม             
 


   
search resources

Funds
แมนูไลฟ์ (ประเทศไทย), บลจ.




บลจ.แมนูไลฟ์ จับจังหวะดัชนีปรับตัวลง ทยอยเก็บหุ้นถูกเข้าพอร์ต เผยสัดส่วนลงทุนปัจจุบัน ถือหุ้นเกินกว่า 90% โดยเน้นเลือกหุ้นรายตัวมากกว่ารอการเปลี่ยนแปลงของดัชนี ระบุการลงทุนในหุ้นยังน่าสนใจ หลังซับไพรม์ฉุดราคาวูบทั่วโลก เผยทั้งปีนี้ ส่งกองทุนเอฟไอเอฟลุยตลาด 3 กอง พร้อมเพิ่มทุนกองไชน่าอีก 500 ล้านบาท รับความต้องการเพิ่ม ดันเอยูเอ็มปีหนูโต 7.5 พันล้านบาท

นายอลัน แคม กรรมการผู้จัดการ บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน (บลจ.) แมนูไลฟ์ จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่า พอร์ตการลงทุนกองทุนหุ้นของบริษัทในปัจจุบัน มีสัดส่วนการถือหุ้นอยู่เกินกว่า 90% โดยถือเงินสดเพื่อรอลงทุนเพิ่มอีกไม่ถึง 10% ซึ่งในช่วงที่ดัชนีหุ้นไทยปรับตัวลดลงไปในช่วงที่ผ่านมา บริษัทไปทยอยเข้าไปลงทุนบ้างแล้ว โดยเลือกลงทุนเป็นหุ้นรายตัวมากกว่าจับจังหวะการปรับลดลงของดัชนี และจากพอร์ตการลงทุนดังกล่าว ทำให้ผลการดำเนินงานของแมนูไลฟ์ออกมาในระดับที่ใกล้เคียงกับดัชนีตลาด ขณะที่ในส่วนของเงินสดนั้น มีการลงทุนในตราสารหนี้ที่มีสภาพคล่องสูงบางส่วนด้วย

"พอร์ตกองทุนหุ้นของเรา มีการขายทำกำไรไปแล้วตั้งแต่ช่วงเดือนธันวาคมปีที่ผ่านมา ซึ่งเป็นช่วงที่ดัชนีอยู่ในระดับ 800 กว่าจุด แต่หลังจากดัชนีปรับตัวลง เราก็ทยอยเข้าไปซื้อบ้าง เพราะค่า P/E ที่ปรับตัวลงตามดัชนี ถือว่าน่าสนใจ ซึ่งการลงทุนของเราจะดูหุ้นรายตัวเป็นหลัก"นายอลันกล่าว

อย่างไรก็ตาม ถึงแม้การลงทุนทั่วโลกจะปรับตัวลดลง แต่เราก็ยังมองว่าเป็นจังหวะที่น่าลงทุน เพราะหุ้นหลายตัวราคาปรับลดลงจนน่าสนใจ เช่น เมอร์ริลินช์ ถึงแม้ราคาหุ้นจะปรับลดลงจากปัญหาสินเชื่ออสังหาริมทรัพย์ด้อยคุณภาพ (ซับไพรม์) แต่ในแง่รายได้ของบริษัทยังเติบโตได้เยอะ ซึ่งถือว่าน่าลงทุนเป็นอย่างมาก

โดยในปีนี้ บริษัทมีแผนที่จะออกกองทุนที่ไปลงทุนในต่างประเทศ (FIF) ประมาณ 3 กองทุน ซึ่งสินทรัพย์ที่บริษัทสนใจลงทุนมีทั้ง สินค้าโภคภัณฑ์ (คอมมอดิตี้) พลังงาน การลงทุนแถบเอเชียแปซิฟิกในประเทศที่มองว่าเศรษฐกิจยังแข็งแรงดีอยู่ ดังนั้นการลงทุนในจีน รวมถึงประเทศอินเดียเอง บริษัทยอมรับว่าน่าสนใจที่จะลงทุนด้วยเช่นกัน แม้ที่ผ่านมาดัชนีหุ้นของประเทศเหล่านี้จะปรับขึ้นไปค่อนข้างมากแล้ว

อย่างไรก็ตาม ถึงแม้การลงทุนในตลาดโลกจะปรับลดลงในช่วงที่ผ่านมาและส่งผลต่อผลการดำเนินงานของกองทุนเอฟไอเอฟบ้าง แต่ในส่วนของกองทุนเปิด แมนูไลฟ์ สเตร็งค์ ไชน่า แวลู เอฟไอเอฟ ที่ลงทุนในตลาดฮ่องกง ได้รับผลกระทบเพียงเล็กน้อยเท่านั้น ในแง่ของมูลค่าหน่วยลงทุนที่ปรับลดลงตามภาวะตลาด ซึ่งมีนักลงทุนบางส่วนมองเห็นโอกาสเพิ่มเงินลงทุนเข้ามาด้วย

ทั้งนี้ บริษัทอยู่ระหว่างขอเพิ่มทุนโครงการกองทุนเปิด แมนูไลฟ์ สเตร็งค์ ไชน่า แวลู เอฟไอเอฟ กับสำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.) อีกประมาณ 500 ล้านบาท เพื่อรองรับความต้องการลงทุนที่เพิ่มขึ้น โดยปัจจุบันกองทุนดังกล่าวมีจำนวนเงินลงทุนรวมทั้งสิ้นประมาณ 1,200 ล้านบาท ซึ่งถือว่าเพิ่มขึ้นจากช่วงไอพีโอในช่วงเดือนมิถุนายนค่อนข้างมาก ในแง่ของผลตอบแทนเอง ในปีที่ผ่านมา กองทุนให้ผลตอบแทนได้ถึง 30% โดยกองทุนแม่ที่กองทุนเข้าไปลงทุนให้ผลตอบแทนได้ถึง 50% ในรอบปีที่แล้ว

สำหรับกองทุนเปิด แมนูไลฟ์ สเตร็งค์ ไชน่า แวลู เอฟไอเอฟ มีนโยบายลงทุนในหน่วยลงทุนของกองทุน Manulife Global Fund-China Value Fund (Class A) โดยเฉลี่ยในรอบปีบัญชีไม่น้อยกว่า 80% ของมูลค่าทรัพย์สินสุทธิ ส่วนที่เหลือลงทุนในตราสารหนี้ หรือเงินฝากสถาบันการเงินที่มีอายุตราสารหรือระยะเวลาฝากเงินไม่เกิน 1 ปี

นายอลันกล่าวต่อว่า ปัจจุบันสินทรัพย์ภายใต้การบริหารจัดการ (เอยูเอ็ม) ของบริษัทอยู่ที่ 5,200 ล้านบาท โดยมีเงินลงทุนในส่วนของกองทุนรวมประมาณ 2,500 ล้านบาทซึ่งในจำนวนนี้ เป็นกองทุนเอฟไอเอฟประมาณ 2,100 ล้านบาท ส่วนที่เหลือเป็นกองทุนรวมในประเทศ โดยในปีนี้ บริษัทคาดว่าจะมีเอยูเอ็มรวมทั้งหมดประมาณ 7,500 ล้านบาท หรือเพิ่มขึ้นจากปีก่อนหน้านี้ประมาณ 2,000 ล้านบาท โดยจะมาจากกองทุนต่างประเทศเป็นหลัก ขณะเดียวกัน ยังมีแผนออกกองทุนตราสารหนี้เพิ่มอีก 1 กองทุนด้วย   




 








upcoming issue

จากโต๊ะบรรณาธิการ
past issue
reader's guide


 



home | today's news | magazine | columnist | photo galleries | book & idea
resources | correspondent | advertise with us | contact us