Search Resources
 
Login เข้าระบบ
สมัครสมาชิกฟรี
ลืมรหัสผ่าน
 
  homenewsmagazinecolumnistbooks & ideaphoto galleriesresources50 managermanager 100join us  
 
 


bulletToday's News
bullet Cover Story
bullet New & Trend

bullet Indochina Vision
bullet2 GMS in Law
bullet2 Mekhong Stream

bullet Special Report

bullet World Monitor
bullet2 on globalization

bullet Beyond Green
bullet2 Eco Life
bullet2 Think Urban
bullet2 Green Mirror
bullet2 Green Mind
bullet2 Green Side
bullet2 Green Enterprise

bullet Entrepreneurship
bullet2 SMEs
bullet2 An Oak by the window
bullet2 IT
bullet2 Marketing Click
bullet2 Money
bullet2 Entrepreneur
bullet2 C-through CG
bullet2 Environment
bullet2 Investment
bullet2 Marketing
bullet2 Corporate Innovation
bullet2 Strategising Development
bullet2 Trading Edge
bullet2 iTech 360°
bullet2 AEC Focus

bullet Manager Leisure
bullet2 Life
bullet2 Order by Jude

bullet The Last page








 
ผู้จัดการรายวัน25 มกราคม 2551
ไฟเขียวโนวาฯถือหุ้น TBANK49% รุกเพิ่มสินเชื่อรายใหญ่-เอสเอ็มอี             
 


   
www resources

โฮมเพจ ธนาคารธนชาต จำกัด (มหาชน)

   
search resources

ธนาคารธนชาต, บมจ.
ศุภเดช พูนพิพัฒน์
Banking and Finance




โนวาสโกเทียแบงก์พร้อมถือหุ้นธนชาต 49% คาดไตรมาส 3 ดำเนินการเสร็จสิ้นทุกขั้นตอน พร้อมเปิดแผนกลุ่มทุนธนชาต 3 ปี ดันสินทรัพย์แตะ 500,000 ล้านบบาท รุกธุรกิจรายใหญ่และเอสเอ็มอีมากขึ้น ส่วนปีนี้ยังเน้นธุรกิจเช่าซื้อคาดขยายสินเชื่อได้เท่าตลาดที่ 5%

นายศุภเดช พูนพิพัฒน์ ประธานกรรมการบริหารและประธานเจ้าหน้าที่บริหาร ธนาคารธนชาต จำกัด (มหาชน) หรือ TBANK ในฐานะประธานกรรมการบริหารและกรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท ทุนธนชาต จำกัด (มหาชน) หรือ TCAP ซึ่งเป็นผู้ถือหุ้นใหญ่ของธนาคารธนชาต เปิดเผยว่า ประมาณเดือนมิถุนายนธนาคารแห่งโนวาสโกเทียจะเข้ามาถือหุ้นในธนาคารธนชาต เพิ่มเป็น 49% จากปัจจุบันถืออยู่ 24.9% ซึ่งขณะนี้ธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.)ได้อนุมัติแล้ว จึงเหลือเพียงการประกาศใช้ พ.ร.บ.ธุรกิจสถาบันการเงิน และคาดว่าขั้นตอนทุกอย่างจะเสร็จสิ้นในไตรมาสที่ 3 ของปีนี้

ทั้งนี้ ตามแผนงานเดิมธนาคารแห่งโนวาสโกเทีย จะเข้ามาถือหุ้นใน TBANK โดยซื้อหุ้นต่อจาก TCAP เป็นเงินประมาณ 7,000 ล้านบาท ซึ่งหากแผนดังกล่าวไม่เปลี่ยนแปลง ก็จะทำให้ TCAP มีรายได้เข้ามา 7,000 ล้านบาททันทีที่สัดส่วนของโนวาสโกเทียครบ 49%

สำหรับเป้าหมายธุรกิจของกลุ่มทุนธนชาตในอีก 3 ปี (2551-2553) นั้นได้ตั้งเป้าหมายจะรักษาการเป็นผู้นำในตลาดเช่าซื้อ การเพิ่มสัดส่วนการให้สินเชื่อรายใหญ่และเอสเอ็มอี รวมถึงจะเพิ่มรายได้ที่มาจากค่าธรรมเนียมและการขายผลิตภัณฑ์พ่วง การยกระดับมาตรฐานการให้บริการและการบริหารต้นทุนให้อยู่ในระดับที่ดีกว่าอุตสาหกรรม

อีกทั้งตั้งเป้าหมายของส่วนต่างอัตราดอกเบี้ยว่าจะอยู่ที่ระดับ 3.3 -3.5% ต้นทุนทางการเงินอยู่ที่ 55% ของรายได้ หนี้ที่ไม่ก่อให้เกิดรายได้ 4.5% อัตราผลตอบแทนต่อทุน (ROE ) อยู่ที่ 15% ส่วนเงินกองทุนต่อสินทรัพย์เสี่ยง (BIS Ratio) ปัจจุบันอยู่ที่ 12% หรือ 23,661 ล้านบาท ซึ่งในอีก 3 ปีจะอยู่ที่ 11.6% หรือเป็นเงินกองทุน 38,000 ล้านบาท จาก ซึ่งถือว่าเป็นระดับที่เหมาะสมและเพียงพอในการใช้ขยายธุรกิจและในอนาคตหากธนาคารดำรงเงินกองทุนตามเกณฑ์บาเซิล 2 จะทำให้เงินกองทุนลดลงไปประมาณ 0.7%

โดยธนาคารจะมียอดสินเชื่อคงค้างอยู่ที่ 400,000 ล้านบาท จากปัจจุบันอยู่ที่ 240,000 ล้านบาท โดยแบ่งเป็นสินเชื่อเช่าซื้อ 62% จากปัจจุบัน 80% สินเชื่อรายใหญ่ 20% จากปัจจุบัน 8.6% สินเชื่อเอสเอ็มอี 10% จากปัจจุบัน 4.5 % และสินเชื่อรายย่อย 8% จากปัจจุบัน 7.1% และตั้งเป้าจะมีสินทรัพย์ประมาณ 500,000 ล้านบาท มีสาขาเพิ่มเป็น 350 สาขา จากปัจจุบัน 160 สาขา และมีเครื่องเอทีเอ็มเพิ่มเป็น 525 เครื่อง จากปัจจุบัน 275 เครื่อง

ส่วนของธุรกิจเงินฝากธนาคารตั้งเป้าระดมเงินฝากได้ถึง 430,000 ล้านบาท ซึ่งหลังจากที่ธนาคารแห่งโนวาสโกเทียได้เข้ามาร่วมดำเนินงาน มีส่วนช่วยสนับสนุนให้การบริหารเงินภายในธนาคารเป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้น สามารถบริหารผลตอบแทนได้สูงกว่าต้นทุนเงินฝาก

นายศุภเดช กล่าวอีกว่า แผนการดำเนินงานของธนาคารในปี 2551 ส่วนปีนี้ตั้งเป้าหมายปล่อยสินเชื่อใหม่สุทธิเพิ่มขึ้น 58,000-60,000 ล้านบาท หรือขยายตัว 24% จากปีก่อนมียอดสินเชื่อปล่อยใหม่อยู่ที่ 30,000 ล้านบาท โดยในปีนี้จะหันไปรุกในสินเชื่อรายใหญ่และสินเชื่อเอสเอ็มอีมากขึ้น

ส่วนกรณี พ.ร.บ.สถาบันคุ้มครองเงินฝาก นั้นเชื่อว่าจะมีผลดีกับธนาคารและเชื่อว่าจะมีเงินฝากจากที่อื่นไหลเข้ามา เนื่องจากมีความมั่นใจที่ธนาคารมีความมั่นคงสูง

นายบัณฑิต ชีวะธนรักษ์ รองกรรมการผู้จัดการอาวุโส ธนาคารธนชาต กล่าวว่า ในปีนี้คาดว่าตลาดรถยนต์โดยจะขายตัว 5% จากปีก่อนหน้า เนื่องจากการเมืองชัดเจนผู้บริโภคมีความมั่นใจมากขึ้นจากปีที่แล้วที่ตลาดรถยนต์ติดลบประมาณ 10% ดังนั้นในปีนี้ธนาคารจึงตั้งเป้าหมายสอดคล้องไปกับตลาดรวม โดยคาดว่าจะ หรือเพิ่มขึ้น 5% จากปีก่อนหน้า โดยในปีนี้ธนาคารจะมุ่งเน้นไปที่รถยนต์มือสองมากขึ้น

นายอนุวัติร์ เหลืองทวีกุล รองกรรมการผู้จัดการ บริษัท ทุนธนชาต กล่าวว่า ในปีนี้คาดว่ารายได้ของบริษัทจะขยายตัวเพิ่มขึ้น 20-30% จากปีก่อนหน้าที่บริษัทฯมีรายได้รวมประมาณ 19,000 ล้านบาท ส่วนใหญ่ 53% มาจากการทำธุรกิจของธนาคารธนชาต และเชื่อว่ากำไรสุทธิในปีนี้น่าจะปรับตัวดีกว่าปีก่อนหน้าเช่นเดียวกัน

อย่างไรก็ตาม ในปี 2550 บริษัททุนธนชาตและบริษัทย่อยมีผลกำไร 2,818 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากปีก่อน 1,350 ล้านบาท หรือเพิ่มขึ้น 92% มีสินทรัพย์รวม 321,256 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากปีก่อน 12.2% ในส่วนของธนาคารธนชาตซึ่งเป็นบริษัทย่อยของบริษัททุนธนชาต มีกำไรในปี 2550 จำนวน 991 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 766 ล้านบาท หรือ 340% มีสินทรัพย์รวม 291,098 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากปีก่อน 13.1% มีอัตราเงินกองทุนต่อสินทรัพย์เสี่ยง 12% ซึ่งสูงกว่าที่ธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) กำหนดไว้ที่ 8.5%   




 








upcoming issue

จากโต๊ะบรรณาธิการ
past issue
reader's guide


 



home | today's news | magazine | columnist | photo galleries | book & idea
resources | correspondent | advertise with us | contact us