Search Resources
 
Login เข้าระบบ
สมัครสมาชิกฟรี
ลืมรหัสผ่าน
 
  homenewsmagazinecolumnistbooks & ideaphoto galleriesresources50 managermanager 100join us  
 
 


bulletToday's News
bullet Cover Story
bullet New & Trend

bullet Indochina Vision
bullet2 GMS in Law
bullet2 Mekhong Stream

bullet Special Report

bullet World Monitor
bullet2 on globalization

bullet Beyond Green
bullet2 Eco Life
bullet2 Think Urban
bullet2 Green Mirror
bullet2 Green Mind
bullet2 Green Side
bullet2 Green Enterprise

bullet Entrepreneurship
bullet2 SMEs
bullet2 An Oak by the window
bullet2 IT
bullet2 Marketing Click
bullet2 Money
bullet2 Entrepreneur
bullet2 C-through CG
bullet2 Environment
bullet2 Investment
bullet2 Marketing
bullet2 Corporate Innovation
bullet2 Strategising Development
bullet2 Trading Edge
bullet2 iTech 360°
bullet2 AEC Focus

bullet Manager Leisure
bullet2 Life
bullet2 Order by Jude

bullet The Last page








 
ผู้จัดการรายวัน25 มกราคม 2551
เอสซีฯเพิ่มฐานสินค้า 3-30 ล้าน หวังขยายกลุ่มลูกค้าเพิ่มรับกำลังซื้อหด             
 


   
www resources

โฮมเพจ เอสซี แอสเสท คอร์ปอเรชั่น

   
search resources

เอสซี แอสเสท คอร์ปอเรชั่น, บมจ.
ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร
Real Estate




“เอสซี” เผยปี 50 รายได้โต 50% ยอดขาย 2,619 ล้านบาท ระบุส่วนหนึ่งอานิสงค์จากการรีแบรนด์ ปี 51 เล็งขายฐานลูกค้าตั้งแต่ 3 ล้านบาทขึ้นไปจนถึงไฮเอ็น จากเดิมอยู่ที่ระดับกลาง-บนเป็นหลัก แกะกล่องบ้าน“New Series Home 2008” หวังสร้างความต่าง เผยสนลงทุนเชียงใหม่บ้านเกิด แต่ต้องศึกษาให้รอบคอบก่อน พร้อมจับมือโลตัสทำคอมมูนิตี้มอลล์ย่านเพชรเกษม รับต้นทุนก่อสร้างเพิ่ม 5-10% ฉุดกำไรขั้นต้นลด 2-3%

นางสาวยิ่งลักษณ์ ชินวัตร ประธานกรรมการบริหาร บริษัท เอส ซี แอสเสท คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) เปิดเผยถึงแผนการดำเนินธุรกิจในปี 2551 ว่า เอสซีฯจะขยายสินค้าเพื่อเจาะกลุ่มลูกค้าเป้าหมายให้กว้างขึ้น โดยการกระจายสินค้าทั้งระดับ เอ บี และซี จากเดิมจะมีเฉพาะบ้านเดี่ยวราคา 4-12 ล้านบาท ในอนาคตจะขยายให้ครอบคลุมทั้งขยายลงมาต่ำสุดที่ 3 ล้านบาท โดยจะเป็นแบรนด์ใหม่คาดว่าจะเปิดตัวได้ในเร็วๆนี้ และขยายไปยังตลาดบน ราคาสูงสุด 30 ล้านบาท ภายใต้แบรนด์ แกรนด์ บูเลอวาร์ด

สำหรับทาวน์โฮมที่เดิมราคาจะอยู่ที่ 4 ล้านบาทก็ขยายให้ครอบคลุมระดับราคา 1.6 -4 ล้านบาท ขณะที่คอนโดมิเนียมเดิมราคาขายอยู่ที่ 2.4 ล้านบาทก็ขยายลงมาให้ครอบคลุมราคา 1.6 ล้านบาทเช่นกัน ทั้งนี้เพื่อสนองตอบความต้องการของลูกค้า

ทั้งนี้ในปี 2551 บริษัทมีแผนจะเปิดตัวโครงการใหม่ 8 โครงการ และมีโครงการที่ขายต่อเนื่องมาจากปีที่แล้ว 5 โครงการ รวมเป็น 13 โครงการ มูลค่ารวม 6,000 ล้านบาท ตั้งเป้ายอดขาย 4,000 ล้านบาท และยอดรับรู้รายได้ประมาณ 3,200 ล้านบาท หรือมีอัตราการเติบโตจากปี 2550 ประมาณ 20% ขณะที่ปี 2550 รายได้เติบโตจากปี 2549 ประมาณ 50% โดยยอดรับรู้รายได้อยู่ที่ประมาณ 2,400 ล้านบาท ขณะที่ยอดขายอยู่ที่ 2,619 ล้านบาท ทั้งนี้ในปีนี้จะใช้เงินซื้อที่ดินใหม่อีก 1,000 ล้านบาท

นางสาวยิ่งลักษณ์ กล่าวยอมรับว่า หลังการรีแบรนด์ ทำให้ลูกค้ารู้จักเอสซีฯ ว่าเป็นผู้ประกอบการอสังหาริมทรัพย์มากขึ้น ทำให้ยอดขายค่อนข้างดี ผลประกอบการจึงออกมาดี ส่วนการลงทุนในต่างจังหวัด โดยเฉพาะเชียงใหม่นั้นขณะนี้กำลังศึกษารายละเอียดอยู่ ซึ่งต้องใช้เวลาเนื่องจากหากบริษัทจะไปพัฒนาในต่างจังหวัดนั้นก็จะไปอย่างจริงจังไม่ใช่ลงทุนเพียง 1-2 โครงการก็หยุด ดังนั้นจึงต้องศึกษาให้ดีก่อนแม้ว่าตลาดจะค่อนข้างดีก็ตาม ส่วนที่ดินนั้นไม่จำเป็นว่าเป็นของตระกูลหรือต้องซื้อใหม่ แต่จะพิจารณาจากศักยภาพในเชิงพาณิชย์เป็นสำคัญ

สำหรับสัดส่วนรายได้ในปีที่ผ่านมาเอสซีฯ มีรายได้จากการเช่า 25% และรายได้จากการขาย 75% อย่างไรก็ตามเพื่อให้เกิดความสมดุลของรายได้ต้องการให้สัดส่วนจากการเช่าอยู่ที่ระดับ 30% ดังนั้นจึงมีแผนที่จะพัฒนาอาคารสำนักงานขึ้นอีก 1 แห่งในย่านถนนวิภาวดีในเร็วๆนี้

ส่วน 8 โครงการใหม่ที่จะเปิดตัวในปีนี้ จะเปิดตัวในครึ่งปีแรก 2 โครงการ คือ 1. โครงการเซ็นทริค ซีน รัชวิภา คอนโดมิเนียมสูง 2 อาคาร จำนวน 700 ยูนิต บนเนื้อที่ 6 ไร่ มูลค่าโครงการ 1,700 ล้านบาท และ 2. โครงการบางกอก บูเลอวาร์ด รัชดา - รามอินทรา บ้านเดี่ยว จำนวน 92 ยูนิต บนเนื้อที่ 26 ไร่ มูลค่าโครงการ 600 ล้านบาท

สำหรับในครึ่งปีหลังบริษัทวางแผนที่จะพัฒนาโครงการใหม่อีกจำนวน 6 โครงการ โดยหนึ่งในโครงการดังกล่าว จะเป็นคอนเซ็ปต์ใหม่ ในรูปแบบ “New Community” บนถนนเพชรเกษม 81 บนเนื้อที่ 72 ไร่ มูลค่าโครงการ 1,200 ล้านบาท โดยเป็นการพัฒนาโครงการที่มีการจัดโซนและผังโครงการออกเป็น 3 ส่วน มีทั้งในส่วนของบ้านเดี่ยวรูปแบบใหม่ ,ทาวน์โฮม 2-3 ชั้น และ อาคารพาณิชย์ พร้อมสวนสาธารณะ และ คลับเฮ้าส์

นอกจากนี้ ภายในโครงการยังพัฒนาพื้นที่ส่วนหนึ่งเป็น “Community Mall” โดยได้ร่วมมือกับพันธมิตรทางธุรกิจค้าปลีก เทศโก้ โลตัสโดยเอสซีฯให้พื้นที่บางส่วนกับทางโลตัส แต่หากเป็นร้านที่ต้องการบริการการอำนวยความสะดวกเกี่ยวกับลูกค้าที่อาศัยในโครงการทางเอสซีจะเป็นผู้ดำเนินการเอง ทั้งนี้โครงการดังกล่าวมีมูลค่าการลงทุนประมาณ 1,200 ล้านบาท

“ภายหลังจากที่เอสซี แอสเสทฯ ได้มีการรีแบรนด์ดิ้งใหม่ ตั้งแต่ต้นปี 2550 ที่ผ่านมา บริษัทได้รับการตอบรับที่ดีจากกลุ่มผู้บริโภค โดยในปี 2550 บริษัท สามารถปิดการขายรวม 5 โครงการ เป็นบ้านเดี่ยว 1 โครงการทาวน์โฮม 3 โครงการ และ คอนโดมิเนียม 1 โครงการ บริษัททำยอดขายเติบโตสูงขึ้นทุกไตรมาส มียอดขายรวมทั้งปีประมาณ 2,600 ล้านบาท ถือว่าประสบความสำเร็จค่อนข้างมาก” นางสาวยิ่งลักษณ์ กล่าวและว่า

สำหรับรัฐบาลใหม่ที่จะเข้ามาบริหารประเทศ สิ่งหนึ่งที่รัฐควรจะเร่งดำเนินการ คือสร้างความเชื่อมั่นให้แก่ผู้บริโภค กล้าจับจ่ายใช้สอย รวมถึงการขยายระบบแมสทรานซิส เส้นทางคมนาคมเพื่อให้ความเจริญได้เข้าถึงพื้นที่ต่างๆ เพียงเท่านี้ก็จะเป็นการขยายพื้นที่พัฒนาที่อยู่อาศัยใหม่ขึ้น

อย่างไรก็ตาม ภาวะราคาน้ำมันและต้นทุนวัสดุก่อสร้างที่ปรับตัวขึ้นอย่างต่อเนื่องในช่วงที่ผ่านมานั้น ยอมรับว่าทำให้ต้นทุนการพัฒนาเพิ่ม 5-10% และเชื่อว่าผู้ประกอบการทุกรายได้รับผลกระทบนี้หมด ซึ่งบริษัทได้แก้ไขด้วยการเจรจาซื้อวัสดุก่อสร้างบางตัวแทนผู้รับเหมา หรืออุปกรณ์เครื่องใช้ภายในบ้านที่จะให้แก่ลูกค้าเอง โดยการซื้อยกล็อตซึ่งจะได้ในราคาที่ลดลงไปมาก ทำให้ลดต้นทุนได้บางส่วน อย่างไรก็ตามยอมรับว่าทำให้กำไรขั้นต้นของบริษัทลดลงประมาณ 2-3%   




 








upcoming issue

จากโต๊ะบรรณาธิการ
past issue
reader's guide


 



home | today's news | magazine | columnist | photo galleries | book & idea
resources | correspondent | advertise with us | contact us