คณะศึกษาหาทางออกปัญหา
"บางจากฯ" เตรียม ชงแผนให้ กนร.พิจารณาวันนี้ เผยต้องใช้เงิน 5-7 พันล้านบาท ปรับโครงสร้างธุรกิจและการเงิน
ชี้ไม่ควรแยกธุรกิจโรงกลั่นออกจากธุรกิจการตลาด เหตุธุรกิจโรงกลั่นกำลังโกยรายได้
ขณะที่ไตรมาสแรก บริษัทฟันกำไรสุทธิเพิ่ม 37% เป็น 422 ล้านบาท
แหล่งข่าวกระทรวงพลังงานเปิดเผยผลศึกษาแนวทางการแก้ไขปัญหาของคณะทำงานปรับปรุงโครงสร้าง
และแผนดำเนิน ธุรกิจบริษัท บางจากปิโตรเลียม จำกัด (มหาชน) ที่นายชัยอนันต์ สมุทวณิช
เป็นประธาน ซึ่งเตรียมเสนอคณะกรรมการนโยบายรัฐวิสาหกิจ (กนร.) วันนี้ (2 มิ.ย.) ว่า
ผลสรุประบุว่า การฟื้นฟูบริษัท บางจากฯ ให้แข็งแกร่ง สามารถกลับมาดำเนินธุรกิจได้โดยไม่ต้องพึ่งงบประมาณรัฐบาลต่อเนื่อง
ต้องใช้เงิน 5-7 พันล้านบาท เพื่อปรับโครงสร้างธุรกิจและการเงินของบริษัท อัดฉีด
5-7 พันล้านบาทให้บางจากฯ
โดยรัฐบาลต้องเข้าช่วยเหลือและสนับสนุนเงินก้อนนี้ แต่การจะกำหนดแนวทางการช่วยเหลือบริษัท
บางจากฯ จะต้องขึ้นกับมติ กนร. ว่าจะเลือกแนวทางใด
"การที่จะให้บริษัทอยู่รอดได้ จำเป็นต้อง ใช้จำนวนหนึ่ง ซึ่งแนวทางที่คณะอนุกรรมการ
เสนอชัดเจน ถ้า กนร.เห็นด้วยกับวิธีการ ก็ขึ้นกับ กนร.ว่า จะใช้แนวทางไหนหาเงินก้อนนี้ให้บาง
จากฯ แต่ต้องไม่เป็นภาระกับบริษัท ซึ่งปัจจุบัน กระทรวงการคลังค้ำประกันเงินกู้ให้บางจากฯ
8,000 ล้านบาท" แหล่งข่าวกล่าว
ไม่จำเป็นต้องแยกโรงกลั่น-การตลาด
สำหรับแนวทางแยกธุรกิจโรงกลั่นออกจาก ธุรกิจการตลาดของบางจากฯ ตามข้อเสนอก่อนหน้านี้
ผลการศึกษาเห็นว่ายังไม่จำเป็น เนื่อง จากธุรกิจโรงกลั่นบางจากฯ กำลังอยู่ในช่วงขาขึ้น
ประกอบกับความต้องการน้ำมันในประเทศยังสูง แนวโน้มจะสร้างรายได้ให้บริษัทมากขึ้น
อีกทั้งงบกระแสเงินสดบริษัท บางจากฯ ยังไม่ติดลบ ขณะที่รายได้ก่อนหักดอกเบี้ยและ
ค่าเสื่อม (EBITDA) ปี 2541-2545 เฉลี่ยปีละ 1.3 พันล้านบาท ดังนั้น คณะอนุกรรมการฯ
จึง เห็นว่า การดำเนินธุรกิจบริษัทแนวโน้มดีขึ้น
อย่างไรก็ตาม สิ่งที่จำเป็นที่สุด คือการ ใส่เงินให้บริษัท บางจากฯ แล้วเพิ่มประสิทธิภาพ
การผลิต-บริหารงานบริษัทอนาคต
ผลดำเนินงานไตรมาสแรกปีนี้ บริษัท บางจากฯ รายได้รวม 14,474 ล้านบาท กำไรสุทธิ 422
ล้านบาท มากกว่าปี 2545 จำนวน 115 ล้านบาท หรือมากกว่า 37.46% เป็นผลจาก ค่าการกลั่นสูงขึ้น
จากปัจจัยราคาน้ำมันดิบตลาด โลกสูงขึ้นต่อเนื่อง ตั้งแต่ต้นปีนี้ถึงมีนาคม