Search Resources
 
Login เข้าระบบ
สมัครสมาชิกฟรี
ลืมรหัสผ่าน
 
  homenewsmagazinecolumnistbooks & ideaphoto galleriesresources50 managermanager 100join us  
 
 


bulletToday's News
bullet Cover Story
bullet New & Trend

bullet Indochina Vision
bullet2 GMS in Law
bullet2 Mekhong Stream

bullet Special Report

bullet World Monitor
bullet2 on globalization

bullet Beyond Green
bullet2 Eco Life
bullet2 Think Urban
bullet2 Green Mirror
bullet2 Green Mind
bullet2 Green Side
bullet2 Green Enterprise

bullet Entrepreneurship
bullet2 SMEs
bullet2 An Oak by the window
bullet2 IT
bullet2 Marketing Click
bullet2 Money
bullet2 Entrepreneur
bullet2 C-through CG
bullet2 Environment
bullet2 Investment
bullet2 Marketing
bullet2 Corporate Innovation
bullet2 Strategising Development
bullet2 Trading Edge
bullet2 iTech 360°
bullet2 AEC Focus

bullet Manager Leisure
bullet2 Life
bullet2 Order by Jude

bullet The Last page








 
ผู้จัดการรายวัน24 มกราคม 2551
ฮ่องกง-สิงคโปร์จ่อลงทุนอสังหาฯ ลุ้นยกเลิก 30%-ไม่หวั่นซับไพรม์             
 


   
search resources

ธีระชนม์ มโนมัยพิบูลย์
Real Estate




ผู้ประกอบการอสังหาฯ-บริษัทบริหารกองทุนฯนอก ยัน พิษซับไพรม์ที่ลามกระทบต่อเศรษฐกิจสหรัฐฯอย่างหนัก ไม่กระทบต่อการเข้ามาลงทุนโครงการอสังหาฯในไทย "ธีระชน มโนมัยพิบูลย์" ชี้นักลงทุนฮ่องกงและสิงคโปร์จ่อเข้ามาอีกเพียบ หากธปท.ยกเลิกกันสำรอง 30% ด้านบริษัทแปซิฟิค สตาร์ฯ จากสิงคโปร์ ระบุผู้ลงทุนต่างชาติไม่ถอดใจถอนเงินออก

นายธีระชน มโนมัยพิบูลย์ ประธานเจ้าหน้าที่ฝ่ายปฏิบัติการบริษัท พร็อพเพอร์ตี้ เพอร์เฟค จำกัด (มหาชน) หรือ PF เปิดเผยถึงกรณีความรุนแรงของผลกระทบสินเชื่ออสังหาริมทรัพย์ด้อยคุณภาพในสหรัฐอเมริกา (ซับไพรม์ ) ที่เกิดขึ้นจนส่งผลกระทบเป็นวงกว้างต่อเศรษฐกิจของสหรัฐฯ และอาจส่งผลต่อการลงทุนของนักลงทุนต่างชาติ ที่จะเข้าลงทุนกองทุนอสังหาริมทรัพย์ในไทยว่า จากการแลกเปลี่ยนข้อมูลกับนักลงทุนต่างชาติ ไม่ว่าจะเป็นนักลงทุนจากประเทศฮ่องกงและสิงคโปร์ ยังคงมีความเชื่อมั่นต่อตลาดอสังหาฯและเศรษฐกิจโดยรวมของประเทศอยู่ในเกณฑ์ที่ดี โดยเฉพาะเมื่อความเชื่อมั่นด้านการเมือง ซึ่งหลังจากที่มีการเลือกตั้งในช่วงที่ผ่านมา ต่างชาติยอมรับในระบอบประชาธิปไตยของประเทศ แต่ปัญหาที่คงมีผลต่อการตัดสินใจเข้ามาลงทุนของต่างประเทศ คือ การกันสำรอง 30% ของธนาคารแห่งประเทศไทย(ธปท.)

" การตั้งสำรอง 30% ดังกล่าว มีผลอยู่บ้างต่อการเข้ามาลงทุนในไทย เนื่องจากกังวลว่า เงินลงทุนที่นำเข้ามาแล้ว ส่วนหนึ่งจะต้องกันไว้ตามเกณฑ์ของธปท. ขณะที่หากเกิดปัญหาขึ้นแล้ว จะทำให้ไม่สามารถถอนการลงทุนออกไปได้ทั้งหมด แต่หากมีการยกเลิกมาตรการกันสำรองเงินลงทุน30% จะช่วยให้นักลงทุนกล้าที่จะตัดสินใจเข้ามาลงทุนได้มากขึ้น "นายธีระชน กล่าวถึงผลบวกหากมีการยกเลิก 30%

นายธีระชน กล่าวว่า ในช่วงที่ผ่านมา สหรัฐฯได้มีความพยายามแก้ไขปัญหาซับไพรม์มาแล้วหลายๆ ด้าน ทั้งการพยายามลดค่าเงิน การออกมาตรการกระตุ้นการบริโภคภายในประเทศ ซึ่งอาจจะส่งผลต่อเศรษฐกิจโลกบ้าง เนื่องจากวงเงินในระบบเศรษฐกิจของอเมริกาฯ มีขนาดใหญ่มากทำให้ต้องใช้เวลาในการดำเนินการ และอาจส่งผลโดยรวมต่อเศรษฐกิจโลกบ้าง โดยเฉพาะประเทศยุโรป ส่วนประเทศในกลุ่มเอเชีย จะได้รับผลกระทบที่น้อย

"ที่ผ่านมา การลงทุนของสหรัฐฯในต่างประเทศ จะเลือกและทยอยลงทุนในประเทศที่มีต้นทุนการผลิตที่ต่ำ โดยเฉพาะในภูมิภาคที่ไม่ได้รับผลกระทบจากปัญหาดังกล่าว หรืออาจจะได้รับผลกระทบที่น้อย เช่นเดียวกับประเทศต่างๆที่เข้ามาลงทุนในในภูมิภาคเอเชียมากขึ้น เนื่องจากต้นทุนการดำเนินธุรกิจที่ต่ำ ทำให้เชื่อว่า ทิศทางการลงทุนในประเทศไทย ยังมีแนวโน้มการเติบโตที่ดีอยู่ โดยเฉพาะกลุ่มนักลงทุนจากประเทศสิงคโปร์ และฮ่องกง มีความต้องการที่จะเข้ามาลงทุนในประเทศไทยอย่างต่อเนื่อง "

สำหรับแนวโน้มการเปิดกองทุนอสังหาริมทรัพย์ของผู้ประกอบการในประเทศ นายธีระชนกล่าวเชื่อว่าจะยังขยายตัวต่อเนื่อง แม้ว่าจะได้รับผลกระทบจากปัญหาซับไพรม์บ้าง แต่ในระยะยาวแล้วปัญหาดังกล่าวจะถูกแก้ไขไปได้ ซึ่งล่าสุดได้มีการลดอัตราดอกเบี้ยลง0.75% เพื่อช่วยให้ค่าเงินอ่อนตัวลง และกระตุ้นการบริโภคในประเทศ คาดว่ามาตรการที่สหรัฐฯทำ จะส่งผลให้เห็นได้ชัดเจนในเดือน มี.ค.นี้

ทางด้านการจัดตั้งกองทุนรวมอสังหาริมทรัพย์ของบริษัทฯ มูลค่า 500 ล้านบาท นายธีระชนกล่าวว่า จะไม่มีการชะลอการขายระดมทุน โดยคาดว่า เมื่อได้รับการอนุมัติจัดตั้งจากตลาดหลักทรัพย์ฯแล้วเสร็จภายในไตรมาสแรกของปี 51

นายอุรเสฏฐ นาวานุเคราะห์ ผู้จัดการด้านบริหารสินทรัพย์บริษัทแปซิฟิค สตาร์ อินเตอร์เนชั่นแนล (ประเทศไทย) จำกัด โดยมีสำนักงานใหญ่ที่ประเทศสิงคโปร์ เปิดเผยว่า ขณะนี้ยังไม่มีสัญญาณว่า กองทุนอสังหาริมทรัพย์จากต่างประเทศที่บริษัทบริหารอยู่ จะชะลอการเข้ามาลงทุนในโครงการอสังหาฯในไทย หลังจากที่เศรษฐกิจสหรัฐฯได้รับผลกระทบมากขึ้นจากวิกฤตสินเชื่อซับไพรม์ โดยแนวทางการลงทุนยังคงเกิดขึ้นอย่างต่อเนื่อง อีกทั้ง อาจจะเป็นโอกาสดีที่จะดึงผู้ลงทุนจากต่างประเทศร่วมกันจัดตั้งกองทุนอสังหาฯได้ จากนโยบายที่เฟดใช้มาตรการรุนแรงลดดอกเบี้ยลงถึง 0.75%

" หากกรณีดอกเบี้ยในประเทศต่ำลง การลงทุนในสินทรัพย์ประเภทโครงการอสังหาฯจะให้ผลตอบแทนคืนที่ดีสูงขึ้น ซึ่งการลงทุนโครงการอสังหาฯของบริษัท จะให้ผลตอบแทนที่แท้จริงของการลงทุน หรือ IRR ประมาณ 10% และหากแนวโน้มดอกเบี้ยในประเทศขาลง คาดว่า IRR จะสูงกว่านี้ แต่ทั้งหมดแล้ว ประเด็นการฟื้นตัวทางเศรษฐกิจในไทยก็มีส่วนสำคัญเช่นกัน "นายอุรเสฏฐ กล่าว

อนึ่ง ในปี 2551 ทางกองทุนรวมอสังหาฯที่บริษัทฯบริหารอยู่ มีแผนที่จะเข้าลงทุนโครงการอสังหาฯในหลากหลายประเภท ทั้ง โครงการอสังหาฯตามเมืองท่องเที่ยว โครงการอาคารสำนักงานให้เช่า คาดว่าจะมีการลงทุนใหม่ใน 2-3 โครงการ มูลค่าขายกว่า 10,000 ล้านบาท และก่อนหน้านี้ ทางบริษัทฯยังได้นำเงินทุนจากกองทุนจากกองทุนเอเชีย เรียล เอสเตท อินคัม ฟันด์ หรือ( AREIF ) และกองทุนเอเชีย เรียล เอสเตท ไพร์ม ดีเวลลอปเม้นท์ ฟันด์ หรือ (AREPDF ) เข้ามาลงทุนอสังหาฯในไทย   




 








upcoming issue

จากโต๊ะบรรณาธิการ
past issue
reader's guide


 



home | today's news | magazine | columnist | photo galleries | book & idea
resources | correspondent | advertise with us | contact us