Search Resources
 
Login เข้าระบบ
สมัครสมาชิกฟรี
ลืมรหัสผ่าน
 
  homenewsmagazinecolumnistbooks & ideaphoto galleriesresources50 managermanager 100join us  
 
 


bulletToday's News
bullet Cover Story
bullet New & Trend

bullet Indochina Vision
bullet2 GMS in Law
bullet2 Mekhong Stream

bullet Special Report

bullet World Monitor
bullet2 on globalization

bullet Beyond Green
bullet2 Eco Life
bullet2 Think Urban
bullet2 Green Mirror
bullet2 Green Mind
bullet2 Green Side
bullet2 Green Enterprise

bullet Entrepreneurship
bullet2 SMEs
bullet2 An Oak by the window
bullet2 IT
bullet2 Marketing Click
bullet2 Money
bullet2 Entrepreneur
bullet2 C-through CG
bullet2 Environment
bullet2 Investment
bullet2 Marketing
bullet2 Corporate Innovation
bullet2 Strategising Development
bullet2 Trading Edge
bullet2 iTech 360°
bullet2 AEC Focus

bullet Manager Leisure
bullet2 Life
bullet2 Order by Jude

bullet The Last page








 
ผู้จัดการรายวัน24 มกราคม 2551
SCCออกหุ้นกู้2หมื่นล.พิษศก.ฉุดกำไรรูด14%             
 


   
www resources

โฮมเพจ เครือซิเมนต์ไทย

   
search resources

ปูนซิเมนต์ไทย, บมจ.
กานต์ ตระกูลฮุน
Cement




SCC ออกหุ้นกู้ล็อตใหม่ 2 หมื่นล้านบาท เพื่อชำระคืนหนี้เงินกู้ ขณะที่บอร์ดอนุมัติออกหุ้นกู้อีก 5 หมื่นล้านบาท รองรับการขยายงาน ตั้งเป้ายอดขายปี 51 โตอีก 10% หลังโครงการกระดาษขาวและโครงการซีเมนต์ในกัมพูชาเดินเครื่องผลิต พร้อมแจ้งผลงานงวดสิ้นปี 50 มีกำไรสุทธิก่อนรายการพิเศษ 25,841 ล้านบาทหรือลดลง 14%

นายกานต์ ตระกูลฮุน กรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท ปูนซิเมนต์ไทย จำกัด (มหาชน) (SCC) เปิดเผยว่า บริษัทจะออกหุ้นกู้ล็อตใหม่เดือนมีนาคมนี้ จำนวน 2 หมื่นล้านบาท อายุ 4 ปี เพื่อนำเงินไปใช้ในชำระคืนหนี้หุ้นกู้ที่จะครบกำหนดไถ่ถอน 1 เมษายนนี้ วงเงิน 1.5 หมื่นล้านบาท พร้อมกับบริษัทได้ขออนุมัติจากที่ประชุมคณะกรรมการบริษัท เพื่อที่จะออกหุ้นกู้ล็อตใหม่อีกวงเงินไม่เกิน 5 หมื่นล้านบาท รองรับการขยายงานในอนาคต

โดยปีนี้ บริษัทตั้งงบลงทุนไว้ 4 หมื่นล้านบาท ซึ่งสูงกว่าปี 50 ที่ตั้งไว้ 2.7 หมื่นล้านบาท โดยจะลงทุนต่อเนื่องในโครงการที่บริษัทได้วางแผนไว้ เช่น โครงการโรงปูนซีเมนต์ที่กัมพูชา และโครงการโอเลฟินส์ที่มาบตาพุด เป็นต้น ซึ่งหากมีโครงการใหม่ ๆ บริษัทอาจพิจารณาเพิ่มงบลงทุนอีกครั้ง

สำหรับปี 2551 ตั้งเป้ายอดขายเพิ่มอีก 10% จากปี 50 ที่มียอดขาย 2.67 แสนล้านบาท เนื่องจากโครงการกระดาษขาวที่จังหวัดขอนแก่นจะแล้วเสร็จและเดินเครื่องผลิตได้ในเดือนมีนาคมนี้ และโครงการซีเมนต์ที่ประเทศกัมพูชาเพิ่งแล้วเสร็จ ซึ่งจะช่วยเพิ่มปริมาณขายของบริษัทได้ รวมทั้งคาดว่าธุรกิจซิเมนต์และวัสดุก่อสร้างจะปรับตัวดีขึ้นตามการฟื้นตัวของความเชื่อมั่นของผู้บริโภค และการอัดฉีดเงินเดินหน้าโครงการเมกะโปรเจกต์ของรัฐบาลใหม่

อย่างไรก็ดี ปัจจัยที่อาจทำให้ยอดขายไม่เป็นไปตามเป้าหมายคือ กำไร(มาร์จิ้น)ในธุรกิจเคมีภัณฑ์เพราะบริษัทมีสัดส่วนรายได้ส่วนนี้ถึง 40-50% ซึ่งหากมาร์จิ้นอ่อนตัวมาก ก็อาจทำให้ยอดขายไม่เป็นไปตามเป้าได้ โดยธุรกิจเคมีภัณฑ์ บริษัทตั้งเป้าโตที่ 4-5% แต่ปี 51 มาร์จิ้นของเคมีภัณฑ์จะต่ำกว่าปี 50 ซึ่งอยู่ที่กว่า 600 เหรียญดอลลาร์สหรัฐ/ตัน เฉลี่ยทั้งปี 51 คาดว่ายังจะสูงกว่า 500 เหรียญดอลลาร์สหรัฐ/ตัน

ขณะที่ธุรกิจซีเมนต์ปีนี้ จะเน้นขายตลาดในประเทศมากขึ้น หลังจากปีที่แล้ว บริษัทเน้นการส่งออกโดยส่งออกกว่า 8.1 ล้านตัน แต่ผลจากเงินบาทแข็งค่ารวมทั้งค่าขนส่งที่เพิ่มขึ้น ส่งผลให้มาร์จิ้นลดลง ดังนั้นบริษัทจึงปรับลดการส่งออกเพียง 7.5 ล้านตัน พร้อมกับมุ่งตลาดในอาเซียนและเอเชียแทนตลาดสหรัฐฯ ที่อุปสงค์ชะลอตัว โดยคาดว่ายอดขายปูนซีเมนต์ปีนี้จะประมาณ 28-29 ล้านตัน และตั้งเป้าเติบโตที่ 0-5% ในส่วนธุรกิจกระดาษตั้งเป้าเติบโตที่ 10 % จากกำลังการผลิตที่เพิ่มขึ้นอีก 2 แสนตัน/ปี

" เราคาดว่ายอดขายในช่วงครึ่งปีแรกปี 51 จะยังใกล้เคียงกับช่วงไตรมาส 3-4 ของปีที่แล้ว จากภาพเศรษฐกิจที่ไม่ต่างกันมาก ซึ่งโครงการเมกะโปรเจกต์ต่าง ๆ กว่าจะลงมือก่อสร้างและใช้ปูนซีเมนต์และวัสดุก็น่าจะเป็นไตรมาส 3 หรือ 4 ปีนี้ " นายกานต์กล่าว

โดยการปรับขึ้นราคาปูนซีเมนต์ในประเทศมีความเป็นไปได้ จากต้นทุนพลังงานที่สูงขึ้นมากและราคาก็ไม่ได้ปรับเพิ่มมาถึง 6 ปีแล้ว แต่ทั้งหมดจะคำนึงถึงผู้บริโภคเป็นหลัก" นายกานต์ กล่าว

นายกานต์กล่าวต่อว่า ปีนี้คาดว่า GDP จะโตราว 4.5-5.0% แต่ภาคการส่งออกจะชะลอตัวลง จากปัญหาซับไพรม์ของสหรัฐฯ ซึ่งอาจทำให้เศรษฐกิจสหรัฐฯ เข้าสู่ภาวะถดถอย สำหรับการปรับลดอัตราดอกเบี้ยของเฟดครั้งล่าสุด 0.75 % อาจส่งผลให้อัตราดอกเบี้ยภายในประเทศมีแนวโน้มลดลงซึ่งจะช่วยให้อสังหาริมทรัพย์ฟื้นตัวได้

ทั้งนี้ ผลกระทบจากค่าเงินบาท ส่งผลให้บริษัทมีผลขาดทุนจากอัตราแลกเปลี่ยนลดลงจากปีก่อนที่ขาดทุนราว 2-3 พันล้านบาท ขณะเดียวกันก็เชื่อว่ารัฐบาลคงไม่ปล่อยให้เงินบาทแข็งเกินไป

สำหรับผลการดำเนินงานในไตรมาส 4/50 บริษัทและบริษัทย่อยมียอดขายรวม 69,648 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 11% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน มีกำไรสุทธิ 5,774 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 24% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน เนื่องจากผลการดำเนินงานที่ดีขึ้นของธุรกิจเคมีภัณฑ์ รวมกับในไตรมาส4/49 บริษัทมีผลขาดทุนสุทธิภาษีจากการด้อยค่าของสินทรัพย์ อันเป็นผลจากการเลิกธุรกิจซีอาร์ที โดยมีกำไรสุทธิก่อนรายการไม่เกิดขึ้เป็นประจำ 5,721 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 14% จากปีก่อน

ขณะที่ยอดขายรวมทั้งปีอยู่ที่ 267,737 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 4% จากปีก่อนต่ำกว่าเป้าหมายที่ตั้งไว้ที่ 5% โดยมีกำไรสุทธิ 30,352 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 3% จากปีก่อน ซึ่งเป็นผลจากการขายเงินลงทุนในบริษัทอะโรเมติกส์ (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) (ATC) และเหล็กสยามยามาโตะ จำกัด รวมมูลค่าประมาณ 4.5 พันล้านบาท มีกำไรสุทธิก่อนรายการที่ไม่เกิดขึ้นเป็นประจำ 25,841 ล้านบาท ลดลง 14% จากปีก่อน เนื่องจากเศรษฐกิจในประเทศชะลอตัว รวมกับผลประกอบการในบริษัทร่วมทุนในธุรกิจเคมีภัณฑ์ลดลง ต้นทุนพลัง- งานที่สูงขึ้น และผลกระทบจากค่าเงินบาทที่แข็งค่าขึ้นประมาณ 9% จากปีก่อน   




 








upcoming issue

จากโต๊ะบรรณาธิการ
past issue
reader's guide


 



home | today's news | magazine | columnist | photo galleries | book & idea
resources | correspondent | advertise with us | contact us