Search Resources
 
Login เข้าระบบ
สมัครสมาชิกฟรี
ลืมรหัสผ่าน
 
  homenewsmagazinecolumnistbooks & ideaphoto galleriesresources50 managermanager 100join us  
 
 


bulletToday's News
bullet Cover Story
bullet New & Trend

bullet Indochina Vision
bullet2 GMS in Law
bullet2 Mekhong Stream

bullet Special Report

bullet World Monitor
bullet2 on globalization

bullet Beyond Green
bullet2 Eco Life
bullet2 Think Urban
bullet2 Green Mirror
bullet2 Green Mind
bullet2 Green Side
bullet2 Green Enterprise

bullet Entrepreneurship
bullet2 SMEs
bullet2 An Oak by the window
bullet2 IT
bullet2 Marketing Click
bullet2 Money
bullet2 Entrepreneur
bullet2 C-through CG
bullet2 Environment
bullet2 Investment
bullet2 Marketing
bullet2 Corporate Innovation
bullet2 Strategising Development
bullet2 Trading Edge
bullet2 iTech 360°
bullet2 AEC Focus

bullet Manager Leisure
bullet2 Life
bullet2 Order by Jude

bullet The Last page








 
ผู้จัดการรายวัน22 มกราคม 2551
นักวิเคราะห์มองเศรษฐกิจปีนี้โต4.5-5.5% ชี้หุ้นแบงก์น่าลงทุนกลุ่มไฟแนนซ์ผันผวน             
 


   
search resources

Investment




นักวิเคราะห์มองเศรษฐกิจปีนี้โต 4.5-5.5 % ชี้การส่งออกชะลอตัวจากปัญหาเศรษฐกิจสหรัฐฯ ประสานเสียงกลุ่มแบงก์ยังน่าลงทุนมีโอกาสทำกำไรสูงจากการตั้งสำรองน้อยลง และการหันเปิดการให้บริการครบวงจรและการฟื้นตัวของเศรษฐกิจในประเทศ ขณะที่กลุ่มไฟแนนซ์ยังผันผวนคาดครึ่งปีหลังดีขึ้น

นายธีระพงษ์ วชิรพงศ์ ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการฝ่ายวิจัย บล.ภัทร กล่าวในงานสัมมนาเรื่อง " เคล็ดลับวิธีวิเคราะห์หมวดธนาคารและบริษัทหลักทรัพย์ แนวโน้มและหุ้นเด่น " ว่าบริษัทคาดการณ์อัตราการเจริญเติบโตทางเศรษฐกิจของประเทศไทย(GDP) ในปี 51 ไว้ที่ 4.5-5.0% โดยรัฐบาลต้องเร่งการลงทุนเพื่อชดเชยการส่งออกที่คาดว่าจะชะลอตัวตามเศรษฐกิจสหรัฐฯ ซึ่งคาดว่าจะหดตัวจนถึงไตรมาส 3 และส่งผลกระทบต่อไทยบ้าง

สำหรับตลาดหุ้นไทยคาดไว้ว่าจะเห็นที่ 1,000 จุด ซึ่งต้องดูทิศทางเศรษฐกิจสหรัฐฯ รวมทั้งปัจจัยทางการเมืองที่นักลงทุนต่างประเทศยังคงกังวลว่า โดยมองการลงทุนว่าลุ่มธนาคารมีแน้วโน้มทำกำไรที่ดีในปีนี้ ซึ่งคาดจะให้ผลตอบแทนเฉลี่ยมากกว่ากลุ่มพลังงานแต่ปัจจัยเสี่ยงคือ เศรษฐกิจสหรัฐฯ, เงินดอลลาร์ที่อ่อนค่าลง และเศรษฐกิจในเอเชีย หากได้รับผลจากเศรษฐกิจสหรัฐฯ สูง โดยแบงก์ที่น่าสนใจคือแบงก์กรุงเทพ และแบงก์กรุงไทย

นายสุวัฒน์ บำรุงชาติอุดม ผู้จัดการฝ่ายวิจัยหลักทรัพย์ บล.บัวหลวง กล่าวว่า เศรษฐกิจปีนี้จะฟื้นตัวจากปีก่อนคาด GDP ที่ 4.8-5.5% จากความเชื่อมั่นที่กลับมาและการเดินหน้าในโครงการเมกะโปรเจกต์ ขณะที่ภาคการส่งออกจะเริ่มได้รับผลกระทบจากเศรษฐกิจสหรัฐชะลอตัวในไตรมาส 2

โดยมองการลงทุนว่ากลุ่มธนาคารมองว่ากำไรในปีนี้จะดีกว่าปีที่ผ่านมา เพราะผลจากการตั้งสำรองถึง 9 หมื่นล้านบาท รวมถึงการฟื้นตัวจากความเชื่อมั่นของผู้บริโภค และโครงการยักษ์ของรัฐที่จะออกมา ทำให้ ความต้องการสินเชื่อและการทำธุรกรรมของธนาคารมากขึ้น ซึ่งแบงก์ขนาดใหญ่จะได้เปรียบแบงก์เล็ก ในทุกด้าน รวมถึงการปรับตัวจากกฎหมายประกันเงินฝากที่คาดว่าจะประกาศใช้ได้ประมาณไตรมาส 4 ซึ่งจะทำให้เกิดการไหลเวียนเงินทุน โดยระยะยาวเงินจะไหลหาธนาคารที่มีฐานการเงินดีและมั่นคง

สำหรับ กลุ่มบริษัทหลักทรัพย์ยังมีความผันผวนเหมือนปีที่ผ่านมา แต่โดยรวมน่าจะดีขึ้นด้วยมูลค่าการซื้อขายเฉลี่ยที่ 1.7 หมื่นล้านบาทต่อวัน และน่าจะมีบริษัทเข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์มากกว่าปีที่ผ่านมา ช่วยชดเชยรายได้จากค่านายหน้าที่ลดผลงจากการเข้าสู่การเปิดเสรี โดยแนะนำบล.ภัทรและบล.เคจีไอ(ประเทศไทย)

นายสุกิจ อุดมศิริกุล ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการ บล.นครหลวงไทย กล่าวว่า ตลาดหุ้นไทยปีนี้โดยพื้นฐานมีโอกาสที่จะขึ้นไปถึง 950-1000 จุด แต่ยังมีปัจจัยเสี่ยงที่ต้องระวังจากเศรษฐกิจสหรัฐฯ และปัญหาการเมืองภายในประเทศ ซึ่งกลุ่มธนาคารมองว่ามีโอกาสทำกำไรได้ดีจากวิธีการทำธุรกิจที่เปลี่ยนไปให้บริการที่ครบวงจร และภาคนรัฐที่อัดฉีดเงินเข้าสู่ระบบมากขึ้น ส่งผลดีต่อการเติบโตของกลุ่มธนาคารในปีนี้ แต่มีปัจจัยเสี่ยงจากสินเชื่อที่ปล่อยให้กับSMEs ที่มีความเสี่ยงจากปัญหาเศรษฐกิจและค่าเงินบาทที่แข็งค่า โดยธนาคารที่น่าสนใจคือ ธนาคารกสิกรไทย และธนาคารกรุงศรีอยุธยา

สำหรับกลุ่มบริษัทหลักทรัพย์ยังคงผันผวน คาดว่าจะดีขึ้นในช่วงครึ่งปีหลังเมื่อปัญหาเศรษฐกิจสหรัฐฯ เริ่มคลี่คลาย โดยในปีนี้กลุ่ม บล.ที่ถือโดยนักลงทุนต่างชาติจะยังดีต่อเนื่อง ส่วนกลุ่มบล. ที่ถือโดยธนาคารในระยะยาวมีแนวโน้มที่ดีจากการมีฐานลูกค้าใหม่และต้นทุนต่ำในการหาลูกค้าใหม่ ขณะที่ บล. ที่ถือโดยผู้ถือหุ้นเดิมมีแนวโน้มการถูกเทกโอเวอร์หรือการควบรวมกิจการค่อนข้างสูง โดย บล.ที่ทำธุรกิจตราสารอนุพันธ์มีแนวโน้มเติบโตได้ดีในอนาคต ที่น่าสนใจก็มีบล.บัวหลวง,บล.ภัทร และบล.เคจีไอ(ประเทศไทย)   




 








upcoming issue

จากโต๊ะบรรณาธิการ
past issue
reader's guide


 



home | today's news | magazine | columnist | photo galleries | book & idea
resources | correspondent | advertise with us | contact us