Search Resources
 
Login เข้าระบบ
สมัครสมาชิกฟรี
ลืมรหัสผ่าน
 
  homenewsmagazinecolumnistbooks & ideaphoto galleriesresources50 managermanager 100join us  
 
 


bulletToday's News
bullet Cover Story
bullet New & Trend

bullet Indochina Vision
bullet2 GMS in Law
bullet2 Mekhong Stream

bullet Special Report

bullet World Monitor
bullet2 on globalization

bullet Beyond Green
bullet2 Eco Life
bullet2 Think Urban
bullet2 Green Mirror
bullet2 Green Mind
bullet2 Green Side
bullet2 Green Enterprise

bullet Entrepreneurship
bullet2 SMEs
bullet2 An Oak by the window
bullet2 IT
bullet2 Marketing Click
bullet2 Money
bullet2 Entrepreneur
bullet2 C-through CG
bullet2 Environment
bullet2 Investment
bullet2 Marketing
bullet2 Corporate Innovation
bullet2 Strategising Development
bullet2 Trading Edge
bullet2 iTech 360°
bullet2 AEC Focus

bullet Manager Leisure
bullet2 Life
bullet2 Order by Jude

bullet The Last page








 
ผู้จัดการรายวัน22 มกราคม 2551
LPNขู่ซิตี้คอนโดฯสต็อกเหลืออื้อ แนะจัดสรรระวังซับพลาย1-3ล้านล้นตลาด             
 


   
www resources

โฮมเพจ แอล.พี.เอ็น. ดีเวลลอปเมนท์

   
search resources

แอล.พี.เอ็น. ดีเวลลอปเมนท์, บมจ.
Real Estate
โอภาส ศรีพยัคฆ์




แอล.พี.เอ็น.ฯ ยันอสังหาฯปี 51 ยังทรงตัว แม้ปัจจัยลบเพียบ เชื่อตั้งรัฐบาลใหม่-ดอกเบี้ยทรงตัว-น้ำมันขึ้นราคาปัจจัยบวกตลาดคอนโดฯ ระบุคอนโด 1-3 ล้านบาท แนวรถไฟฟ้าซับพลายเหลืออีกเยอะ เตือนจัดสรรหน้าเก่า-ใหม่ลงทุนอย่างระมัดระวัง มั่นใจตลาดคอนโดฯต่ำกว่า 1 ล้านบาทยังรุ่ง พร้อมส่งแบรนด์ลุมพินีคอนโดทาวน์ลุยเปิดตลาดใหม่ วาง "พรสันติ" พัฒนาที่ดินด้านหน้าคอนโดฯ สร้างรายได้ในอนาคต ตั้งเป้าปีนี้รายได้รับรู้ ยอดขายรวมโตไม่ต่ำกว่า 20%

นายโอภาส ศรีพยัคฆ์ กรรมการผู้จัดการบริษัท แอล.พี.เอ็น. ดีเวลลอปเม้นท์ จำกัด (มหาชน) กล่าวถึงภาพรวมตลาดอสังหาริมทรัพย์ในปี 2551 ว่า ในปีนี้ตลาดจะยังมีอัตราการขยายตัวเท่ากับปี 50 ที่ผ่านมาแม้ว่าจะมีปัจจัยบวกการจากการเมืองที่การเลือกตั้งมีความชัดเจน ซึ่งจะช่วยให้นักลงทุนและผู้บริโภคมีความเชื่อมั่นเพิ่มมากขึ้น กล้าจับจ่ายใช้สอย ส่งผลให้เศรษฐกิจโดยรวมในปีนี้มีอัตราการขยายตัวเพิ่มขึ้นจากปีก่อน

นอกจากนี้ยังจะทำให้มีการลงทุนของนักลงทุนต่างชาติเข้ามาลงทุนในประเทศไทย โดยที่ผ่านมากลุ่มทุนจากประเทศตะวันออกกลางและยุโรป มีการเคลื่อนย้ายเข้ามาลงทุนในภูมิภาคเอเชียมากขึ้น ซึ่งจะส่งผลให้เกิดการจ้างงานและเป็นการกระจายเม็ดเงินเข้ามาในระบบ

ขณะที่ปัจจัยลบ ได้แก่ บทเรียนสินเชื่อด้อยคุณภาพ (Sub prime) ในประเทศสหรัฐอเมริกาจะส่งผลต่อการพิจารณาปล่อยสินเชื่อของสถาบันการเงินรายย่อยให้เข้มงวดในการปล่อยสินเชื่อในปีนี้ ส่วนปัจจัยลบที่เกิดจากการขึ้นราคาน้ำมันส่งผลให้ราคาวัสดุก่อสร้างให้มีการปรับตัวขึ้นไปแล้วในช่วงที่ผ่านมานี้ จะทำให้ราคาขายที่อยู่อาศัยในปี 2551 ปรับขึ้นอีก

โดยที่อยู่อาศัยประเภทบ้านเดี่ยวจะเป็นเซกต์เตอร์ที่ได้รับผลกระทบมากที่สุด ในขณะที่ตลาดคอนโดมิเนียมจะได้รับผลบวกมากกว่าลบ เนื่องจากผู้บริโภคจะหันมาให้ความสำคัญกับการควบคุมต้นทนในการเดินทางทำให้เลือกซื้อที่อยู่อาศัยในแนวรถไฟฟ้าหรือพื้นที่ใกล้เมือง ที่มีระบบขนส่งมวลรถรองรับการเดินทางเข้ามาเมืองหรือแหล่งงานที่สะดวกและรวดเร็ว

นอกจากนี้ปัจจัยลบอีกเรื่องหนึ่งที่น่าจะส่งผลกระทบโดยตรงต่อการเติบโตและความเชื่อมั่นของผู้บริโภคในประเทศ คือภาวะความตรึงเครียดในตะวันออกกลางที่อาจจะส่งผลให้กำลังการผลิตน้ำมันในตลาดโลกให้ลดลงและราคาขายมีการปรับตัวสูงขึ้น

ส่วนแนวโน้มเรื่องอัตราดอกเบี้ยที่จะส่งผลต่อการตัดสินใจซื้อที่อยู่อาศัยของผู้บริโภคนั้น คาดว่าในปีนี้ ธนาคารแห่งประเทศไทยจะมีแนวโน้มการคงอัตราดอกเบี้ยไว้ในระดับเดิม เนื่องจากไม่สามารถปรับลดลงได้ต่ำกว่าปัจจุบันเพราะจะส่งผลให้อัตราเงินเฟ้อปรับตัวสูงขึ้น ในขณะที่หากมีการปรับอัตราดอกเบี้ยขึ้นก็จะส่งผลต่อการแข็งค่าของเงินบาท ซึ่งจะส่งผลต่อภาคอุตสาหกรรมส่งออก ซึ่งอัตราการขยายตัวของเศรษฐกิจประเทศในปัจจุบัน พึ่งพาการส่งออกต่างประเทศถึง 70%

เตือนคอนโดฯ1-3 ล้านล้นตลาด

นายโอภาส กล่าวว่า ตลาดคอนโดมิเนียมในช่วงที่ผ่านมายังมีสต็อกค้างอยู่ค่อนข้างมาโดยเฉพาะในตลาดระดับราคา 1-3 ในแนวรถไฟฟ้า ส่วนตลาดระดับบน ราคา 5 ล้านบาทขึ้นไปยังคงมีสต็อกค้างอยู่เล็กน้อย ขณะที่ตลาดระดับล่างราคาต่ำกว่า 1ล้านบาทยังมีแนวโน้มการเติบโตที่ดีและต่อเนื่อง ซึ่งในปี51นี้ บริษัทจะใช้

แบรนด์ ลุมพินีคอนโดทาวน์ เป็นหัวหอกในการทำตลาด โดยมีแผนจะเปิดตัวโครงการใหม่ 6-8 โครงการ ประกอบด้วยแบรนด์ ลุมพินีคอนโดทาวน์ 4 โครงการ แบรนด์ ลุมพินีวิลล์ 2 โครงการ และแบรนด์ ลุมพินีเพลส 2 โครงการมูล่ารวม 12,000 ล้านบาท

โดยตั้งเป้าว่าจะมียอดขายรวม และยอดรับรู้รายได้เติบโตจากปี50 ซึ่งมียอดขายรวม9,000 ล้านบาทและยอดรับรู้รายได้ 6,500 ล้านบาท ประมาณ 20% หรือมียอดขายรวมประมาณ 11,000 ล้านบาท และมียอดรายได้รับรู้รวมประมาณ 8,000 กว่าล้านบาท จากยอดยอดที่รอรับรู้ที่โอนมาจากปี50 และยอดรับรู้รายได้จากการขายโครงการทั้งมหมด7โครงการ

ดันพรสันติหารายได้จากแนวราบ

นางสาวสมศรี เตชะไกรศรี กรรมการผู้จัดการ บริษัท พรสันติ จำกัด กล่าวว่าในช่วง 5 ปีจากนี้บริษัทจะทำหน้าที่คอยซับพอร์ตบริษัทแม่ให้มีรายได้เพิ่มขึ้น โดยการเข้าไปพัฒนาโครงการในที่ดินที่เป็นเศษ หรือส่วนที่เหลือจากการพัฒนาโครงการคอนโดมิเนียม โดยสามารถพัฒนาเป็นที่อยู่อาศัยได้ในทุกรูปแบบยกเว้นคอนโดฯ

ส่วนในอนาคตนั้น พรสันติจะเป็นหัวหอกในการสร้างมูลค่าเพิ่มการพัฒนาโครงการให้แก่บริษัทแม่ โดยบริษัทแม่อาจจะมีการตัดที่ดินบางส่วนในการพัฒนาโครงการคอนโดฯเพื่อให้ พรสันติ พัฒนาเป็นโครงการในรูปแบบต่างๆ เพื่อสร้างมูลค่าเพิ่ม ส่วนบริษัทแม่ซึ่งจะพัฒนาคอนโดฯ เพียงอย่างเดียวก็จะใช้ที่ดินในส่วนด้านหลังโครงการในการพัฒนาคอนโดฯ ต่อไป

ทั้งนี้ ในปีที่ผ่านมาบริษัทพรสันติ มีรายได้จากการดำเนินธุรกิจ 40 ล้านบาท จากเป้าที่วางไว้ 500 ล้านบาท ทั้งนี้สาเหตที่รายได้ในปีนี้ลดลงเนื่องจากบริษัทชะลอการพัฒนาโครงการทาวน์เฮาส์ในซอยลาดพร้าว21 ออกซึ่งมีมูลค่าขายประมาณ 350 ล้านบาท โดยจะนำมาพัฒนาในปี 51 นี้ ซึ่งโครงการดังกล่าวเดิมแอล.พี.เอ็น.จะนำมาสร้างเป้ฯคอนโดมิเนียม แต่เนื่องจากติดปัญหาผู้อยู่อาศัยข้างเคียงไม่ยินยอม จึงปรับแผนพัฒนาเป็นโครงการทาวน์เฮาส์จำนวน 45-50 ยูนิต ราคาขาย 6-8 ล้านบาท ซึ่งคาดว่าจะสามารถเปิดขายได้ในไตรมาส 2 ของปีนี้   




 








upcoming issue

จากโต๊ะบรรณาธิการ
past issue
reader's guide


 



home | today's news | magazine | columnist | photo galleries | book & idea
resources | correspondent | advertise with us | contact us