Search Resources
 
Login เข้าระบบ
สมัครสมาชิกฟรี
ลืมรหัสผ่าน
 
  homenewsmagazinecolumnistbooks & ideaphoto galleriesresources50 managermanager 100join us  
 
 


bulletToday's News
bullet Cover Story
bullet New & Trend

bullet Indochina Vision
bullet2 GMS in Law
bullet2 Mekhong Stream

bullet Special Report

bullet World Monitor
bullet2 on globalization

bullet Beyond Green
bullet2 Eco Life
bullet2 Think Urban
bullet2 Green Mirror
bullet2 Green Mind
bullet2 Green Side
bullet2 Green Enterprise

bullet Entrepreneurship
bullet2 SMEs
bullet2 An Oak by the window
bullet2 IT
bullet2 Marketing Click
bullet2 Money
bullet2 Entrepreneur
bullet2 C-through CG
bullet2 Environment
bullet2 Investment
bullet2 Marketing
bullet2 Corporate Innovation
bullet2 Strategising Development
bullet2 Trading Edge
bullet2 iTech 360°
bullet2 AEC Focus

bullet Manager Leisure
bullet2 Life
bullet2 Order by Jude

bullet The Last page








 
ผู้จัดการรายสัปดาห์21 มกราคม 2551
พฤกษาฯปรับองค์กรต่อยอดธุรกิจ แตก10SBUกินรวบตลาดกลาง-ล่าง             
 


   
www resources

โฮมเพจ พฤกษา เรียลเอสเตท

   
search resources

พฤกษา เรียลเอสเตท, บมจ.
ทองมา วิจิตรพงศ์พันธ์
Real Estate




พฤกษาฯ แตก 10 SBU รองรับธุรกิจใหม่ หวังกินรวบตลาดกลาง-ล่างครบวงจร เตรียมรุกธุรกิจใหม่รับสร้างบ้าน-นายหน้าอสังหาฯ เพิ่ม ตั้งเป้าปีนี้เติบโตต่อเนื่อง จากพื้นฐานโครงสร้างธุรกิจที่โดดเด่น-ฐานะการเงินที่แข็งแกร่ง พร้อมดึงฐานข้อมูลลูกบ้านเก่า 50,000 รายต่อยอดธุรกิจใหม่ เน้นสร้างความพึงพอใจของลูกค้า

ภายใต้ภาวะเศรษฐกิจที่ยังชะลอตัวต่อเนื่องในช่วงครึ่งปีแรกนี้ ตามภาวะการเมืองที่ยังอยู่ในช่วงสุญญากาศ ถือเป็นความกดดันที่ผู้ประกอบการต้องเหนื่อยมากขึ้นกว่าปีที่แล้ว เพื่อประคับประคองธุรกิจให้อยู่รอด ระหว่างรอเวลาที่รัฐบาลชุดใหม่จะเข้ามาผลักดันการลงทุนในรูปแบบต่างๆ ในช่วงครึ่งปีหลัง ซึ่งจะทำให้เศรษฐกิจเริ่มฟื้นตัวขึ้น

ในสายตาของทองมา วิจิตรพงศ์พันธุ์ ประธานกรรมการบริหารและกรรมการผู้จัดการ บริษัท พฤกษา เรียลเอสเตท จำกัด (มหาชน) (PS) กลับมองว่า ภายใต้สถานการณ์ที่หลายฝ่ายมองว่าเลวร้ายไม่ใช่อุปสรรคของพฤกษาฯ ที่จะเติบโตก้าวสู่การเป็นผู้นำในตลาดที่อยู่อาศัยระดับกลาง-ล่าง เพราะพฤกษาฯ ยังคงพัฒนาตัวเอง มองหาโอกาสใหม่ๆ ที่จะต่อยอดธุรกิจของพฤกษาฯ อย่างไม่หยุดยั้ง และจะต้องก้าวเดินไปข้างหน้าอย่างแข็งแกร่ง ดังนั้นการลงทุนของพฤกษาจึงเป็นไปตามรอบธุรกิจ ดูดีมานด์ ซัปพลาย คู่แข่ง เพื่อวิเคราะห์ภาวะตลาดก่อนตัดสินใจลงทุนมากกว่าดูภาวะการเมือง

แม้ตัวเลขของตลาดรวมที่อยู่อาศัยในปีที่แล้วจะติดลบ 12% แต่การปรับตัวของพฤกษาฯ ด้วยการปรับโครงสร้างองค์กร เพื่อรองรับการขยายธุรกิจใหม่ไปสู่ตลาดใหม่ๆ ที่มีดีมานด์ก็ทำให้ยอดพรีเซลของพฤกษาฯ ในปี 2550 สวนกระแสตลาด สามารถเติบโตถึง 91% จากเดิม 7,156 ล้านบาทในปี 2549 มาอยู่ที่ 13,646 ล้านบาทในปี 2550 ส่วนยอดรับรู้รายได้เติบโตขึ้น 11% จาก 8,151 ล้านบาทในปี 2549 มาเป็น 9,054 ล้านบาทในปี 2550 ซึ่งในปีนี้ทองมาตั้งเป้ายอดพรีเซลอยู่ที่ 20,000 ล้านบาท เติบโตจากปีที่แล้ว 47% มาจากทาวน์เฮาส์ 43% บ้านเดี่ยว 31% และคอนโดมิเนียม 26% ส่วนเป้ายอดรับรู้รายได้อยู่ที่ 14,000 ล้านบาท เติบโตจากปีที่แล้ว 55% มาจากทาวน์เฮาส์ 53% บ้านเดี่ยว 40% และคอนโดมิเนียมเพียง 7%

เป้าหมายผลประกอบการที่เติบโตขึ้นของพฤกษาฯ สวนทางกับสถานการณ์ภายนอกที่ยังเต็มไปด้วยความไม่แน่นอน หลายฝ่ายยังให้น้ำหนักเรื่องปัจจัยทางการเมืองก่อนตัดสินใจลงทุนใหม่ แต่ตัวเลขรับรู้รายได้ที่เติบโตขึ้นในทุกไตรมาส ท่ามกลางสถานการณ์ตลาดที่ยังคงย่ำแย่ กลับทำให้พฤกษาฯ มีมั่นใจมากขึ้นที่จะเติบโต และแตกไลน์ไปสู่ธุรกิจใหม่ๆ แม้จะยังมองไม่เห็นทิศทางว่าตลาดทั้งปีนี้จะเป็นอย่างไร

ล่าสุดพฤกษาฯ จัดโครงสร้างองค์กรใหม่เป็น 10 SBU (Strategic Business Unit) โดยเพิ่ม SBU ที่ดูแลการลงทุนในต่างประเทศที่จะเห็นความคืบหน้าชัดเจนในครึ่งปีหลัง, SBU ของบริษัท เกสร ก่อสร้าง จำกัด ที่มีบทบาทด้านรับเหมาก่อสร้างจะเข้าไปรุกธุรกิจรับสร้างบ้านในอีก 2-3 ปีข้างหน้า ซึ่งเป็นตลาดที่กำลังเติบโตอย่างน่าจับตาด้วย และSBU ด้านการบริหารจัดการอสังหาริมทรัพย์ ดูแลด้านการบริหารจัดการชุมชน เป็นนายหน้าซื้อขายบ้านมือสองของพฤกษาฯ และรับบริหารการเช่า เป็นการรุกธุรกิจใหม่ๆ ที่เน้นการสร้างความพึงพอใจให้กับลูกค้าเก่า ซึ่งพฤกษามีฐานลูกค้ากลุ่มนี้กว่า 50,000 รายที่จะพร้อมจะนำมาใช้ต่อยอดธุรกิจได้

ประเสริฐ แต่ดุลยสาธิต กรรมการและรองกรรมการผู้จัดการ ให้เหตุผลว่า ฐานะทางการเงินที่แข็งแกร่ง และโครงสร้างทางธุรกิจที่ได้เปรียบคู่แข่งในด้านราคา ทำให้พฤกษาฯ มีความมั่นใจว่า ปีนี้จะยังคงเป็นปีที่เติบโตของพฤกษาฯ โดยมีแผนลงทุนโครงการใหม่รวม 40 โครงการ มูลค่ารวม 10,000 ล้านบาท แบ่งเป็นทาวน์เฮาส์ 21 โครงการ บ้านเดี่ยว 11 โครงการ และคอนโดมิเนียม 8 โครงการ แม้ต้นทุนการก่อสร้างจะเพิ่มขึ้น ส่งผลให้ต้องปรับราคาบ้านเพิ่มอีก 2-3% แต่ก็ยังมั่นใจว่ากำไรสุทธิในปีนี้จะเพิ่มขึ้นจาก 13-14% เป็น 14-15% ได้ เนื่องจากประสิทธิภาพในการทำงาน เน้นลงทุนโครงการขนาดเล็ก สามารถปิดการขายได้เร็ว และการปรับโครงสร้างธุรกิจใหม่สามารถรองรับการรุกตลาดในทุกเซกเมนต์ รวมทั้งการสร้างความพึงพอใจให้กับลูกค้า   




 








upcoming issue

จากโต๊ะบรรณาธิการ
past issue
reader's guide


 



home | today's news | magazine | columnist | photo galleries | book & idea
resources | correspondent | advertise with us | contact us