Search Resources
 
Login เข้าระบบ
สมัครสมาชิกฟรี
ลืมรหัสผ่าน
 
  homenewsmagazinecolumnistbooks & ideaphoto galleriesresources50 managermanager 100join us  
 
 


bulletToday's News
bullet Cover Story
bullet New & Trend

bullet Indochina Vision
bullet2 GMS in Law
bullet2 Mekhong Stream

bullet Special Report

bullet World Monitor
bullet2 on globalization

bullet Beyond Green
bullet2 Eco Life
bullet2 Think Urban
bullet2 Green Mirror
bullet2 Green Mind
bullet2 Green Side
bullet2 Green Enterprise

bullet Entrepreneurship
bullet2 SMEs
bullet2 An Oak by the window
bullet2 IT
bullet2 Marketing Click
bullet2 Money
bullet2 Entrepreneur
bullet2 C-through CG
bullet2 Environment
bullet2 Investment
bullet2 Marketing
bullet2 Corporate Innovation
bullet2 Strategising Development
bullet2 Trading Edge
bullet2 iTech 360°
bullet2 AEC Focus

bullet Manager Leisure
bullet2 Life
bullet2 Order by Jude

bullet The Last page








 
ผู้จัดการรายวัน30 พฤษภาคม 2546
โฆษิตลาประธานมีเดียฯ ก้าวสู่เส้นทางการเมือง             
 


   
search resources

มีเดีย ออฟ มีเดียส์, บมจ.
โฆษิต สุวินิจจิต




นายโฆษิต สุวินิจจิต ประธานกรรมการ บริษัทมีเดีย ออฟ มีเดียส์ จำกัด (มหาชน) เปิดเผยวานนี้(29 พ.ค.)ว่า ได้ประกาศลาออกจากตำแหน่งประธานกรรมการ มีเดีย ออฟ มีเดียส์ อย่างเป็นทางการ โดยได้แจ้งเรื่องไปยังตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทยในวันเดียวกัน

สาเหตุของการลาออกจากมีเดียฯของนายโฆษิตในครั้งนี้ เพราะต้องการเข้ามาทำงานการเมืองอย่างเต็มตัว หลังจากคณะรัฐมนตรีอนุมัติให้รับตำแหน่งที่ปรึกษารัฐมนตรีว่าการกระทรวงอุตสาหกรรม เมื่อวันที่ 28 เม.ย.ที่ผ่านมา ประกอบกับการปรับโครงสร้างหนี้ของมีเดียฯลุล่วงไปด้วยดี หลังจากบริษัท กรุงเทพวิทยุโทรทัศน์ จำกัด ผู้บริหารสถานีโทรทัศน์ช่อง 7 เข้ามาเป็นผู้ถือหุ้นหลักของมีเดียฯ จากการปรับโครงสร้างหนี้เมื่อเดือนเม.ย.ที่ผ่านมา

หลังจากตนเองลาออกจากตำแหน่งประธานกรรมการ มีเดียฯ แล้ว นายกฤตย์ รัตนรักษ์ ซึ่งเป็นประธานกรรมการ ช่อง 7 จะเข้ามาเป็นประธานกรรมการ มีเดียฯ แทนตำแหน่งของตนเอง ซึ่งมีหน้าที่กำกับดูแลนโยบาย และวางวิสัยทัศน์ของบริษัท

สำหรับคณะกรรมการของมีเดีย ออฟ มีเดียส์ จะประกอบไปด้วย ผู้ถือหุ้นจากช่อง 7 จำนวน 3 คน คือ นายกฤต รัตนรักษ์ ประธานกรรมการ นายปรีชา ทิวะหุต กรรมการ นายชลอ นาคอ่อน กรรมการ และนายเชิดศักดิ์ ตันสกุล กรรมการผู้จัดการ สาย 2 รับผิดชอบการบริหารธุรกิจใหม่ เช่น การสร้าง มีเดีย สตูดิโอ ซิตี้ ที่เขาเขียวคันทรีคลับ ที่จะทำให้เป็นฮอลลีวูด ของเอเชีย ส่วนกรรมการอิสระ 3 คน คือ นายเชษฐ์ รักตะกนิษฐ นายยงยุทธ วิทยาวงศรุจิ และนายเจษฎา พรหมจาด

ส่วนนางยุวดี บุญครอง จะดำรงตำแหน่ง กรรมการผู้จัดการ สาย 1 ดูแลธุรกิจเดิมของมีเดียฯ คือ การผลิตรายการทีวี

“การเข้ามารับตำแหน่งประธานกรรมการ ของนายกฤต รัตนรักษ์ ไม่ได้เป็นการเข้ามารับตำแหน่งเพราะช่อง 7 กลายเป็นผู้ถือหุ้นใหญ่ในมีเดียฯ เพราะตำแหน่งประธานกรรมการ เป็นเพียงผู้กำหนดนโยบายและวิชั่นเท่านั้น ส่วนการบริหารธุรกิจยังดำเนินการผ่านกรรมการผู้จัดการ 2 ท่าน คือนายเชิดศักดิ์ ตันสกุล และนางยุวดี บุญครอง เชื่อว่าการบริหารธุรกิจของมีเดียฯ หลังจากนี้ ทีมผู้บริหาร และผู้ถือหุ้นใหม่ ที่มีความเข้าใจในธุรกิจบันเทิง จะนำพามีเดียฯ ให้กลับมาเป็นแข็งแกร่งเหมือนเดิมได้ในอนาคต”

การลาออกจากตำแหน่งประธานกรรมการ มีเดียฯของตนเอง จะมีผลตั้งแต่วันที่ 29 พ.ค.2546 เป็นต้นไป โดยได้โอนหุ้นบริษัทมีเดียฯ ในส่วนที่ตนเองถืออยู่ทั้งหมด 1% หรือประมาณ 30 ล้านหุ้น แบ่งให้บุตรสาว คือเด็กหญิงณัฐนรี สุวินิจจิตสสและนางยุวดี บุญครอง ภรรยา รายละ 50%

นายโฆษิต กล่าวต่อว่า หลังจากนี้จะไม่เข้าไปยุ่งเกี่ยวกับการบริหารงานในมีเดียฯอีก โดยปล่อยให้เป็นหน้าที่ของผู้ถือหุ้นใหม่ และนางยุวดี บุญครอง ที่ดำรงตำแหน่งกรรมการผู้จัดการ สาย 1 ส่วนตนเองจะไปทำงานการเมืองอย่างเต็มรูปแบบ โดยจะใช้ความรู้ความสามารถจากการบริหารธุรกิจในภาคเอกชนมาประสานการทำงานกับภาครัฐบาล ให้การทำงานทั้งภาครัฐ และเอกชนเดินไปด้วยกัน เพื่อผลักดันเศรษฐกิจประเทศให้เติบโตต่อไป

ซึ่งการทำงานที่ผ่านมาได้เข้าไปช่วยงานภาครัฐในหลายกระทรวง ด้วยการเป็นที่ปรึกษากระทรวงแรงงาน มหาดไทย การศึกษา สำนักนายกรัฐมนตรี เป็นต้น

ส่วนการมารับตำแหน่งที่ปรึกษารัฐมนตรีว่าการกระทรวงอุตสาหกรรม เนื่องจากมีความสนใจงานพัฒนาธุรกิจเอสเอ็มอี อย่างมาก เพราะมีเดียฯ ถือเป็นธุรกิจเอสเอ็มอี ที่เติบโตมาจากการเป็นผู้ผลิตรายการเพียง 1 รายการเท่านั้น นอกจากนี้ยังสนใจงานด้านการสร้างแบรนด์ สินค้าไทย ด้วยการนำหลักการตลาดที่มีประสบการณ์มาใช้ โดยต้องการนำหลักการของภาคอุตสาหกรรมมาผสมผสานกับวัฒธรรมไทย เพื่อให้สินค้าไทยมีความโดดเด่นแตกต่างจากสินค้าอื่นๆ

สำหรับรูปแบบงานการเมืองในตำแหน่งที่ปรึกษารัฐมนตรี มีหน้าที่นำเสนอแนวคิดทุกด้านเกี่ยวกับการพัฒนาอุตสาหกรรม ซึ่งประสบการณ์ในการพัฒนาธุรกิจภาคเอกชนที่ผ่านมา ทำให้รู้จักคนจากทุกวงการ ดังนั้นเชื่อว่าการเข้ามาช่วยงานการเมืองจะทำหน้าที่ประสานระหว่างภาครัฐและเอกชน ให้ทั้ง 2 ฝ่ายสามารถทำงานร่วมกันได้ เมื่อภาคเอกชนเข้มแข็ง เจริญเติบโต ก็หมายความว่าเศรษฐกิจของประเทศจะแข็งแกร่งขึ้นด้วย เพราะรัฐถือเป็นผู้ถือหุ้นรายหนึ่งของบริษัทเอกชน จากการเก็บภาษีรายได้ 30% และภาษีมูลค่าเพิ่มอีก 7%

“การเริ่มต้นเข้ามารับงานการเมืองในครั้งนี้ ไม่ได้คาดหวังว่าจะก้าวไปสู่ตำแหน่งใหญ่ต่อในเส้นทางการเมืองในอนาคต แต่ต้องการทำวันนี้ให้ดีที่สุด คงต้องใช้เวลาอีกระยะหนึ่งถึงจะประเมินได้ว่าประสบความสำเร็จ และสอบผ่านในงานการเมืองหรือไม่” นายโฆษิตกล่าว

   




 








upcoming issue

จากโต๊ะบรรณาธิการ
past issue
reader's guide


 



home | today's news | magazine | columnist | photo galleries | book & idea
resources | correspondent | advertise with us | contact us