|
Today's News
Cover Story
New & Trend
Indochina Vision
GMS in Law
Mekhong Stream
Special Report
World Monitor
on globalization
Beyond Green
Eco Life
Think Urban
Green Mirror
Green Mind
Green Side
Green Enterprise
Entrepreneurship
SMEs
An Oak by the window
IT
Marketing Click
Money
Entrepreneur
C-through CG
Environment
Investment
Marketing
Corporate Innovation
Strategising Development
Trading Edge
iTech 360°
AEC Focus
Manager Leisure
Life
Order by Jude
The Last page
|
|
ปี 2550 ที่ผ่านมา แม้เป็นปีที่นักการตลาดมองว่ามีแต่ความยากลำบากในการดำเนินธุรกิจ แต่เชื่อว่าคงไม่มีผู้บริหารธุรกิจคนไหนจะเจอความยากลำบากในการนำองค์กรฝ่าปัจจัยลบตลอดทั้งปีมากเท่า สุรชัย เชษฐโชติศักดิ์ เฮียฮ้อของชาวอาร์เอส อย่างแน่นอน ปัญหาลูกแล้วลูกเล่าที่พุ่งเข้าใส่องค์กรตั้งแต่ไม่ทันข้ามปี ความไม่สงบของบ้านเมืองที่ลุกลามเข้าสู่เมืองกรุง ที่ทำให้อีเวนต์ใหญ่ที่วางไว้อย่างน้อย 2 รายการต้องยกเลิกไป การวางแผนการตลาดผิดพลาด ปัญหาการละเมิดลิขสิทธิ์ที่ยังวนเวียนอยู่ในธุรกิจบันเทิง คดีฟ้องร้องจากภายนอกที่ส่งผลกระทบมาถึงแผนงานของบริษัท 2 เรื่องใหญ่ทั้งในประเทศและต่างประเทศ คอนเสิร์ตใหญ่ที่เต็มไปด้วยความไม่พร้อม ช่วงปลายปี สร้างเสียงก่นด่ากระจายทั่วทั้งในหน้าหนังสือพิมพ์ และเว็บไซต์ จนถึงเหตุการณ์ความเศร้าโศกของคนไทยทั้งประเทศ กับการสิ้นพระชนม์ของสมเด็จพระเจ้าพี่นางเธอ เจ้าฟ้ากัลยาณิวัฒนา กรมหลวงนราธิวาสราชนครินทร์ ที่อาร์เอสได้ตัดสินใจเลื่อนคอนเสิร์ตใหญ่ต้นปีของวงคาราบาวออกไป ล้วนสร้างความสูญเสียด้านรายได้ต่อเนื่องมาโดยตลอด
ยังไม่นับรวมถึงความสูญเสียด้านความรู้สึกในรอบปีที่ผ่านมา ทั้งการเดินออกไปของนักร้องลูกหม้อ เจมส์ เรืองศักดิ์ ลอยชูศักดิ์ ที่ข้ามฝั่งไปอยู่กับองค์กรคู่แข่ง จีเอ็มเอ็ม แกรมมี่ การจากไปตลอดกาลของอดีตสมาชิกของบอยแบนด์กำลังหลักค่าย บิ๊ก ดีทูบี และการที่ทีมชาติอังกฤษ ทีมแม่เหล็กในการทำตลาดตลอดกาล ไม่สามารถผ่านเข้าไปเล่นรอบสุดท้ายในฟุตบอลยูโร 2008 ซึ่งบังเอิญลิขสิทธิ์การถ่ายทอดสด และการทำการตลาดแบบครบวงจรมาอยู่ในมือของอาร์เอส
ปัจจัยลบกระหน่ำรอบด้านฉุดรายได้พลาดเป้า 700 ลบ.
ผลการดำเนินงานในปี 2550 ที่สุรชัย เคยคาดการณ์ไว้เมื่อปลายปี 2549 หลังจากปรับเปลี่ยนไดเร็คชั่นทางธุรกิจจากค่ายเพลงสู่การเป็นผู้ให้บริการด้านคอนเทนต์บันเทิง และกีฬา ควบคู่ไปกับการบริหารสื่อว่าจะอยู่ที่ตัวเลขใกล้เคียง 3,200 ล้านบาท แต่ผลที่ออกมากลับมีรายได้ถดถอยเหลือเพียง 2,500 ล้านบาท
สุรชัย เชษฐโชติศักดิ์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท อาร์เอส จำกัด(มหาชน) กล่าวว่าปัจจัยลบที่ทำให้รายได้ของอาร์เอสไม่เป็นไปตามเป้าหมาย มาจาก 4 กรณีหลัก ส่งผลให้รายได้หายไปก้อนใหญ่ราว 400 ล้านบาท หายไป ประกอบด้วย อีเวนต์ใหญ่ 2-3 รายการที่ต้องยกเลิก หรือเลื่อนไปจากสถานการณ์บ้านเมือง ปัญหาของนักมายากลชื่อดัง เดวิด คอปเปอร์ฟิลด์ ที่กลายเป็นผู้ต้องหา ทำให้แผนงานที่อาร์เอสลงทุนไปแล้วบางส่วนต้องยกเลิกไป เม็ดเงินโฆษณาโดยรวมที่หดตัวก็เป็นอีกปัจจัยที่กระทบต่อรายได้ของธุรกิจสื่อของอาร์เอส ทั้งทีวี วิทยุ และสิ่งพิมพ์ และปัจจัยสุดท้าย คืองบประมาณจากภาคราชการที่หดหายไปตลอดปี เนื่องจากรัฐบาลที่บริหารประเทศเป็นรัฐบาลรักษาการณ์ จึงทำให้ส่วนราชการไม่กล้าใช้งบด้านโฆษณาประชาสัมพันธ์เหมือนกับสมัยรัฐบาลก่อน
นอกจากนั้น การยกเลิกคลื่นวิทยุของสกาย-ไฮ เน็ตเวิร์ค ไป 1 คลื่น จากการหมดสัญญาเช่าเมื่อช่วงไตรมาสสุดท้าย ก็ทำให้รายได้ในส่วนของวิทยุที่เคยเป็นรายได้สำคัญของปีก่อน หดหายไปส่วนหนึ่ง รวมถึงมีการปรับเปลี่ยนนโยบายในธุรกิจสื่อสิ่งพิมพ์ที่ได้ตัดสินใจหยุดการทำสื่อนิตยสาร เนื่องจากเห็นว่า เป็นสื่อที่ไม่สามารถเอื้อประโยชน์ต่อแนวทางการซินเนอยี่ธุรกิจของอาร์เอสเท่าไรนัก คงเหลือเพียงหนังสือพิมพ์ดาราเดลี่ และดาราเดลี่ แทบลอยด์ เท่านั้น
วิกฤติสร้างความแข็งแกร่ง เฮียฮ้อมั่นใจไดเร็คชั่นถูกทาง
แต่สุรชัย ยังเชื่อมั่นว่า การปฏิรูป องค์กรเปลี่ยนแนวคิดการทำธุรกิจจากค่ายเพลงมาสู่ผู้ให้บริการด้านคอนเทนต์ความบันเทิง และกีฬา เป็นไดเร็คชั่นที่ถูกต้อง โดยกล่าวว่า ปัญหาต่าง ๆ ที่เกิดขึ้นไม่ได้ทำให้องค์กรอาร์เอสต้องถอยทัพ ชะลอ หรือหยุดนิ่ง หากแต่ล้วนเป็นสถานการณ์ที่ช่วยสร้างความแข็งแกร่งให้กับองค์กรพร้อมรับมือกับทั้งการแข่งขัน และปัญหาอื่น ๆ ที่เชื่อว่าจะมีเข้ามาอีก โดยมั่นใจว่าไดเร็คชั่นนี้จะสร้างอนาคตให้กับอาร์เอสในระยะยาวให้วิ่งคู่ไปกับความต้องการของผู้บริโภค และกระจายความเสี่ยงขององค์กรที่จะไม่พึ่งพารายได้จากแหล่งเดียวเหมือนดังเช่นธุรกิจค่ายเพลงที่อาร์เอสดำเนินมาตลอด 25 ปี หากแต่ 8 ธุรกิจที่มีอยู่จะช่วยสร้างรายได้ให้กับองค์กรในแนวทางที่ต่างกัน แต่ก็สามารถเกื้อหนุนซินเนอยี่เพื่อสร้างความแข็งแกร่งร่วมกันได้
สุรชัยวางเป้าหมายรายได้ในปี 2551 ว่า รายได้ 3,100 ล้านบาท ถือเป็นตัวเลขในระดับพอเพียงซึ่งสะท้อนปัจจัยลบที่อาจเกิดขึ้นในปีนี้ไว้แล้ว โดยในธุรกิจคอนเทนต์ ซึ่งประกอบด้วย 4 กลุ่มย่อย จะสร้างรายได้ราว 2,300 ล้านบาท มาจากธุรกิจเพลง ราว 870 ล้านบาท ธุรกิจโชว์บิซ กว่า 600 ล้านบาท ธุรกิจภาพยนตร์ ตั้งเป้าไว้ราว 300 ล้านบาท และธุรกิจกีฬา ซึ่งปีนี้มีไฮไลท์อยู่ที่การแข่งขันฟุตบอลชิงแชมป์แห่งชาติยุโรป หรือ ยูโร 2008 ก็น่าจะทำรายได้ให้มากกว่า 500 ล้านบาท
ขณะที่รายได้จากธุรกิจการบริหารสื่อ ที่ประกอบด้วย 4 สื่อหลัก จะสามารถสร้างรายได้ในปีนี้ได้มากกว่า 700 ล้านบาท ประกอบด้วย สื่อรายการโทรทัศน์ 200 ล้านบาท สื่อรายการวิทยุ 300 ล้านบาท สื่อสิ่งพิมพ์ ราว 70-80 ล้านบาท และสื่อภายในโมเดิร์นเทรด ซึ่งถือเป็นธุรกิจใหม่ของอาร์เอส คาดว่าจะมีรายได้ราว 125-130 ล้านบาทในปีนี้
"เชื่อมั่นว่าปีนี้เป็นปีที่อาร์เอสได้เดินหน้า จะเป็นปีของการเก็บเกี่ยวจากสิ่งที่ได้เริ่มต้นในปีที่ผ่านมา รายได้ที่คาดการณ์ไว้เป็นตัวเลขในเชิง Conservative ที่ประเมินจากแนวโน้มในเชิงลบจากรอบด้านที่อาจเกิดขึ้นทั้งภายใน และภายนอกประเทศแล้ว ซึ่งในส่วนของนโยบายในการรับมือ อาร์เอสก็ให้ความสำคัญกับการควบคุมต้นทุนการผลิตให้มีความเหมาะสมที่สุด ลดความสูญเสียที่ไม่จำเป็น จัดการกับธุรกิจที่ไม่มีอนาคต หรือไม่เอื้อต่อแนวทางการซินเนอยี่ธุรกิจกิจระหว่างกัน ซึ่งเป็นสิ่งที่อาร์เอสดำเนินการมาโดยตลอด อย่างน้อยแม้ตัวเลขรายได้จะไม่เป็นไปตามเป้า แต่ตัวเลขกำไรของปี 2550 ก็มีอัตราสูงถึง 25% ของรายได้ คาดว่าในปีนี้จะสามารถขยายกำไรได้ไม่ต่ำกว่า 30% แน่นอน"
เฮียฮ้อ วอนคลอดรัฐบาลด่วนหวั่นช้าปัญหาเศรษฐกิจบานปลาย
ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร อาร์เอส ยังกล่าวถึงแนวโน้มสถานการณ์เศรษฐกิจในปีนี้ว่า มีความเป็นห่วงต่อสถานการณ์ภายในประเทศมากกว่าปัจจัยจากต่างประเทศ การเปลี่ยนแปลงของเทคโนโลยีของโลกที่เคลื่อนเข้าสู่โลกดิจิตอล แม้เป็นเทรนการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ แต่อาร์เอสเชื่อมั่นว่ารับมือได้ สามารถนำธุรกิจเข้าสู่โลกดิจิตอลได้รวมถึงราคาน้ำมัน แม้จะพุ่งสูงขึ้น ก็สร้างผลกระทบกับคนทั้งโลก ต่างจากปัญหาภายในประเทศ ที่ฉุดประเทศไทยไว้เพียงลำพัง แม้จะมีการเลือกตั้งเป็นที่เรียบร้อยแล้ว แต่หากยังไม่สามารถจัดตั้งรัฐบาลขึ้นบริหารประเทศได้ ปัญหาด้านเศรษฐกิจที่รุมเร้าอยู่ก็จะไม่มีเจ้าภาพในการแก้ปัญหา ปล่อยให้ลุกลามรุนแรงขึ้น
"รู้สึกอึดอัดเหมือนกันกับสภาพที่เป็นอยู่ เพราะสภาพในวันนี้ไม่ใช่แค่อาร์เอสที่เสียโอกาส หากแต่เป็นเรื่องของภาพรวมของประเทศไทยที่เสียโอกาสทั้งหมด ที่ผ่านมาผู้บริโภคมีเงินในกระเป๋าแต่ไม่มีความมั่นใจจึงไม่กล้าใช้เงิน หากยังปล่อยสภาพให้เป็นเช่นนี้ต่อไป อนาคตผู้บริโภคอาจไม่เหลือเงินให้ใช้แล้วก็ได้ จึงอยากให้มีการจัดตั้งรัฐบาลเข้ามาแก้ปัญหาเศรษฐกิจโดยเร็ว มั่นใจว่าเมื่อเศรษฐกิจเดินหน้าได้ ความเชื่อมั่นจากทั่วโลกจะกลับมา เงินจากต่างประเทศก็จะไหลเข้ามากระตุ้นเศรษฐกิจไทยแน่นอน
|
|
|
|
|