Search Resources
 
Login เข้าระบบ
สมัครสมาชิกฟรี
ลืมรหัสผ่าน
 
  homenewsmagazinecolumnistbooks & ideaphoto galleriesresources50 managermanager 100join us  
 
 


bulletToday's News
bullet Cover Story
bullet New & Trend

bullet Indochina Vision
bullet2 GMS in Law
bullet2 Mekhong Stream

bullet Special Report

bullet World Monitor
bullet2 on globalization

bullet Beyond Green
bullet2 Eco Life
bullet2 Think Urban
bullet2 Green Mirror
bullet2 Green Mind
bullet2 Green Side
bullet2 Green Enterprise

bullet Entrepreneurship
bullet2 SMEs
bullet2 An Oak by the window
bullet2 IT
bullet2 Marketing Click
bullet2 Money
bullet2 Entrepreneur
bullet2 C-through CG
bullet2 Environment
bullet2 Investment
bullet2 Marketing
bullet2 Corporate Innovation
bullet2 Strategising Development
bullet2 Trading Edge
bullet2 iTech 360°
bullet2 AEC Focus

bullet Manager Leisure
bullet2 Life
bullet2 Order by Jude

bullet The Last page








 
ผู้จัดการรายวัน21 มกราคม 2551
สุวิทย์ทิ้งทวนดันขายหุ้นทีแอลเอ็มผู้บริหารยันล้างขาดทุนสะสมปี53             
 


   
search resources

Tourism
ไทยจัดการลองสเตย์, บจก.




“สุวิทย์” ฟันทีแอลเอ็ม ทิ้งทวนอำลาตำแหน่ง เตรียมเสนอ ค.ร.ม.ขอมติขายหุ้น ภายในเดือนนี้ เชื่อ การตัดสินใจทิ้งบริษัทดังกล่าว จะต้องทันในรัฐบาลขิงแก่ ด้าน ซีอีโอ ทีแอลเอ็ม ระบุ ธุรกิจลองสเตย์ รัฐบาลต้องมีส่วนร่วม เพื่อให้นักท่องเที่ยวเกิดความมั่นใจ ยันแผนธุรกิจฉบับใหม่ จะนำองค์กรพ้นขาดทุนสะสมได้ในปี 2553 โดยไม่ต้องเพิ่มทุน

ร.ท.สุวิทย์ ยอดมณี รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา เปิดเผยว่า ได้เตรียมนำเรื่อง ให้การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย(ททท.) ขายหุ้น บริษัท ไทยจัดการลองสเตย์ จำกัด(ทีแอลเอ็ม) เสนอขอความเห็นชอบต่อที่ประชุมคณะรัฐมนตรี (ค.ร.ม.) ให้ทันภายในเดือนมกราคมศกนี้ โดยอาจเป็นสัปดาห์นี้ หรือสัปดาห์หน้า ขึ้นอยู่กับว่าที่ประชุม ค.ร.ม. ที่วาระพิจารณามาน้อยเพียงใด แต่มั่นใจว่า การพิจารณาขายหุ้นทีแอลเอ็ม จะเสนอค.ร.ม.ได้ทันในรัฐบาลชุดนี้อย่างแน่นอน โดยกระทรวงฯยังยืนยันตามที่ คณะกรรมการตรวจสอบและประเมินผล(ค.ต.ป.) ได้ให้ข้อเสนอแนะว่า ททท.ควรที่จะขายหุ้นจากบริษัทดังกล่าวนี้เสีย เพราะไม่คุ้มค่าในการลงทุน ไม่ใช่ภารกิจหลักของ ททท. และเพื่อให้เกิดการแข่งขันแบบเสรี โดยมี ททท.เป็นหน่วยงานด้านการส่งเสริมสนับสนุนเท่านั้น

“ที่ต้องขอมติ ค.ร.ม.เพื่อขายหุ้น ทีแอลเอ็ม เพราะ บริษัทดังกล่าว จัดตั้งขึ้นตามมติ ค.ร.ม. เมื่อปี 4 ปีก่อน ดังนั้นเมื่อจะขายหุ้นก็ต้องขอความเห็นชอบจาก ค.ร.ม.เช่นกัน “

ทั้งนี้ ททท. ถือหุ้นในบริษัท ทีแอลเอ็ม สัดส่วน 30% จากทุนจดทะเบียน 100 ล้านบาท หาก ค.ร.ม. เห็นชอบให้ ททท. ขายหุ้นได้ ก็จะเริ่มดำเนินการทันที ซึ่งก็ต้องยอมรับว่า ปัจจุบันมูลค่าหุ้นของ ทีแอลเอ็ม ลดน้อยลงมาก ก็ต้องทำใจยอมรับให้ได้ เพราะหากฝืนดำเนินงานต่อไป รัฐก็จะขาดทุนมากกว่านี้ แต่หากไม่มีผู้ใดสนใจซื้อ ก็ต้องมาพิจารณากันต่อไป โดย ททท.ไม่สามารถถอนหุ้นออกมาเลยได้ ต้องมีผู้มารับซื้อเท่านั้น

ทางด้านนางปิยาพัชร สุบรรณ ณ อยุธยา ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท ไทยจัดการลองสเตย์ จำกัด กล่าวว่า ปัจจุบัน บริษัทได้ปรับลดขนาดองค์กร เหลือพนักงานเพียง 22 คน ทั้งฝ่ายขาย การตลาด และพนักงานต้อนรับที่สนามบิน ทำให้ต้นทุนการดำเนินงานต่อเดือนไม่มาก และอัตราเงินเดือนของพนักงานทีแอลเอ็ม ก็ไม่สูงเท่ากับ ของ อีลิทการ์ด

นอกจากนั้นยังได้จัดทำแผนธุรกิจ 5 ปี (พ.ศ.2551-2555) ซึ่งได้ยื่นเสนอต่อ ร.ท. สุวิทย์ ยอดมณี รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการท่องเที่ยวฯ ,ปลัดกระทรวงการท่องเที่ยว และ ททท. รวม 3 ฉบับ ซึ่งขณะนี้ บริษัทฯก็ใช้แผนดังกล่าว และมั่นใจว่าภายในปี 2553 บริษัทจะสามารถล้างขาดทุนสะสมซึ่งมีประมาณกว่า 60 ล้านบาทได้หมด และเมื่อสิ้นสุดแผนงานในปี 2555 บริษัทจะมีกำไรกว่า 47 ล้านบาท

ทั้งนี้บริษัท ยังเห็นความสำคัญว่า การทำธุรกิจในรูปแบบของทีแอลเอ็มนี้ จะต้องได้รับการสนับสนุนจากภาครัฐ เพราะการที่รัฐคือ ททท. เข้ามาถือหุ้นใน ทีแอลเอ็ม ก็เพื่อสร้างความมั่นใจให้แก่ผู้ที่สนใจเข้ามาเป็นสมาชิก เนื่องจากผู้ที่มีอายุมากกว่า 50 ปีขึ้นไป หากตัดสินใจจะไปพำนักอยู่ประเทศใด จะเพื่อหนีความหนาวเย็น หรือการเข้ามารักษาสุขภาพ ต้องการได้รับความมั่นใจว่า รัฐบาลของประเทศนั้นๆ จะให้การรับรองเป็นอย่างดี เขาต้องมีความปลอดภัย และได้รับการอำนวยความสะดวก โดยเฉพาะขั้นตอนตรวจคนเข้าเมืองที่สนามบิน ด้วยระบบฟาสต์แทร็ก และการได้วีซ่า 1 ปี เป็นต้น ซึ่งประเทศ มาเลเซีย สิงคโปร์ รัฐบาลเขาลงทุนให้ 100% ส่วนประเทศฟิลิปปินส์ รัฐก็ลงทุนให้ทั้งหมด ทำให้ตลาดผู้สูงอายุจากประเทศญี่ปุ่นเข้าไปใช้บริการ เพราะเขาเกิดความเชื่อมั่น

“เงิน 30 ล้านบาท ที่ ททท.ลงทุนเข้ามา ตั้งแต่เริ่มก่อตั้งบริษัท เฉลี่ยแล้วเป็นเงินเพียงปีละ 6 ล้านบาท ซึ่งน้อยมากเมื่อเทียบกับโครงการอื่นๆของ ททท. และในวันนี้ ทีแอลเอ็ม แผนธุรกิจใหม่ของ ทีแอลเอ็ม ก็สามารถหารายได้มาใช้ในการบริหารจัดการองค์กรในแต่ละเดือนได้ และจะเห็นว่า ในแผนธุรกิจดังกล่าว ไม่ได้มีการขอเพิ่มทุนแต่อย่างใด จึงไม่เชื่อว่าจะทำให้รัฐเสียรายได้” นางปิยาพัชรกล่าว   




 








upcoming issue

จากโต๊ะบรรณาธิการ
past issue
reader's guide


 



home | today's news | magazine | columnist | photo galleries | book & idea
resources | correspondent | advertise with us | contact us