Search Resources
 
Login เข้าระบบ
สมัครสมาชิกฟรี
ลืมรหัสผ่าน
 
  homenewsmagazinecolumnistbooks & ideaphoto galleriesresources50 managermanager 100join us  
 
 


bulletToday's News
bullet Cover Story
bullet New & Trend

bullet Indochina Vision
bullet2 GMS in Law
bullet2 Mekhong Stream

bullet Special Report

bullet World Monitor
bullet2 on globalization

bullet Beyond Green
bullet2 Eco Life
bullet2 Think Urban
bullet2 Green Mirror
bullet2 Green Mind
bullet2 Green Side
bullet2 Green Enterprise

bullet Entrepreneurship
bullet2 SMEs
bullet2 An Oak by the window
bullet2 IT
bullet2 Marketing Click
bullet2 Money
bullet2 Entrepreneur
bullet2 C-through CG
bullet2 Environment
bullet2 Investment
bullet2 Marketing
bullet2 Corporate Innovation
bullet2 Strategising Development
bullet2 Trading Edge
bullet2 iTech 360°
bullet2 AEC Focus

bullet Manager Leisure
bullet2 Life
bullet2 Order by Jude

bullet The Last page








 
ผู้จัดการรายวัน21 มกราคม 2551
ธุรกิจยังผวาน้ำมันทำต้นทุนพุ่ง             
 


   
www resources

โฮมเพจ ธนาคารแห่งประเทศไทย

   
search resources

ธนาคารแห่งประเทศไทย
Investment




แบงก์ชาติเผยนักธุรกิจมีความมั่นใจที่จะลงทุนในปีนี้มากขึ้น หลังเริ่มเห็นสัญญาณการฟื้นตัวในการลงทุนบ้างแล้ว รอเพียงความชัดเจนของนโยบายด้านการเมือง ด้านความเสี่ยงนักธุรกิจยังมีความกังวลปัญหาราคาน้ำมันที่ยังแพงต่อเนื่อง อาจส่งผลต่อกำไรและต้นทุนทางธุรกิจ ทำให้ผู้ประกอบการต้องลดต้นทุนค่าแรงงาน ซึ่งจะส่งผลกำลังซื้อผู้บริโภคและการฟื้นตัวของการบริโภคในประเทศในอนาคต

รายงานว่าธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) แจ้งว่า ทีมวิเคราะห์สนเทศธุรกิจ สายนโยบายการเงิน และสำนักงานภาคเหนือ ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ และภาคใต้ ธปท.ได้รายงานแนวโน้มธุรกิจในปี 2551 ซึ่งเป็นการรวบรวมข้อมูลภาวะธุรกิจและเศรษฐกิจจากความคิดเห็นของนักธุรกิจในสาขาต่างๆทั่วประเทศจำนวน 99 ราย พบว่า ผู้ประกอบการเชื่อมั่นว่าอุปสงค์ภายในประเทศทั้งในส่วนของการบริโภคและการลงทุนภาคเอกชนมีแนวโน้มฟื้นตัวดีขึ้นเป็นลำดับ โดยเฉพาะหากสถานการณ์การเมืองภายหลังการเลือกตั้งทั่วไปในเดือนธันวาคม 2550 ดำเนินไปด้วยความสงบเรียบร้อย จึงมีสัญญาณบ่งชี้ว่าผู้ประกอบได้เริ่มเตรียมการลงทุนในปี 2551 ซึ่งจะช่วยให้ภาวะการลงทุนฟื้นตัวดีขึ้นในระยะต่อไป

นอกจากนี้ ผู้ประกอบการได้แสดงความพร้อมในการลงทุนในปีนี้ เนื่องจากเชื่อว่าภาวะการลงทุนน่าจะเริ่มตัวดีขึ้น โดยเฉพาะหากรัฐบาลมีนโยบายในด้านต่างๆที่ชัดเจนมากขึ้น ทั้งนี้เริ่มสัญญาณการฟื้นตัวของการลงทุนบ้างเล็กน้อย ส่วนหนึ่งสะท้อนได้จากจำนวนนักลงทุนทั้งไทย และต่างประเทศที่แสดงความสนใจที่จะเข้ามาลงทุนในนิคมอุตสาหกรรมมากขึ้น อีกทั้งผู้ประกอบการขนาดใหญ่ยังคงมีการลงทุนอย่างต่อเนื่อง และจะมีการออกไปลงทุนในต่างประเทศอีกด้วย

อย่างไรก็ตาม ผู้ประกอบการได้แสดงความกังวลในเกี่ยวกับราคาน้ำมันที่ปรับตัวสูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง ซึ่งอาจส่งผลให้ราคาสินค้าและอัตราเงินเฟ้อปรับตัวสูงขึ้น และมีผลกระทบต่อภาวะอุปสงค์ในประเทศ ซึ่งปัจจัยดังกล่าวนี้อาจจะไม่จูงใจผู้ประกอบการให้ลงทุนเพิ่ม

สำหรับแนวโน้มของตลาดอสังหาริมทรัพย์นั้น จากการที่ธปท.ได้ประกาศปรับลดอัตราดอกเบี้ยนโยบายลงอย่างต่อเนื่อง นับตั้งแต่ช่วงต้นปี 2550 ที่ผ่านมา และทำให้อัตราดอกเบี้ยมีแนวโน้มลดลงถือเป็นปัจจัยบวกต่อธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ในปีนี้ ทั้งนี้ ผู้ประกอบการเห็นว่า การระมัดระวังในการปล่อยสินเชื่อของสถาบันการเงิน และการยกเลิกมาตรการปรับลดค่าธรรมเนียมการโอนที่อยู่อาศัยของกระทรวงการคลังอาจมีผลกระทบให้ธุรกิจซื้อขายอสังหาริมทรัพย์ฟื้นตัวช้าจนถึงช่วงกลางปี 2551

ทั้งนี้ สำหรับปัจจัยเสี่ยง และข้อจำกัดทางธุรกิจในต้นปี 2551 นอกจากจะเป็นปัจจัยที่เกี่ยวกับความไม่แน่นอนทางเศรษฐกิจและการเมือง ยังเป็นเรื่องปัญหาของราคาน้ำมันที่ปรับตัวสูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง ซึ่งจะส่งผลให้อัตราผลกำไรของภาคธุรกิจลดลงและอาจมีผลทำให้ราคาสินค้าและวัตถุดิบปรับตัวสูงขึ้น และถ้าหากรัฐบาลออกมาตรการการควบคุมการปรับขึ้นของราคาสินค้าในปีนี้ก็จะทำให้การผลักภาระต้นทุนไปยังผู้บริโภคทำได้ยากขึ้น ซึ่งข้อจำกัดดังกล่าวนี้อาจะให้ผู้ประกอบการต้องปรับตัว โดยการลดต้นทุนค่าจ้างแรงงานซึ่งจะส่งผลต่อกำลังการซื้อของผู้บริโภค และกระทบต่อการฟื้นตัวของการบริโภคในประเทศในระยะต่อไป

นอกจากนี้ ปัจจัยเสี่ยงและข้อจำกัดอื่นๆ ได้แก่ ข้อจำกัดในการลงทุนของนักลงทุนต่างชาติที่ภาครัฐควรมีการผ่อนปรนในระเบียบวิธีปฏิบัติเพื่อเป็นการสนับสนุนการลงทุนจากต่างชาติ และเปิดโอกาสให้มีการถ่ายทอดเทคโนโลยีระหว่างคนไทยกับต่างชาติมากขึ้น รวมทั้งปัญหาการขาดแคลนแรงงาน ซึ่งไม่เพียงแต่ที่จะต้องผลิตบุคลากรให้มีจำนวนเพียงพอแต่ยังจะต้องพัฒนาแรงงานให้มีคุณภาพและตรงกับความต้องการของตลาดอีกด้วย

สำหรับการสำรวจการจ้างงาน พบว่า จำนวนของผู้ประกอบการที่คาดว่าจะมีการจ้างงานเพิ่มขึ้นมีสัดส่วนที่สูงกว่าจำนวนของผู้ประกอบการที่คาดว่าจะมีการปรับลดจำนวนพนักงานลงในทุกภาคเศรษฐกิจที่ทำการสำรวจ อย่างไรก็ดี เนื่องจากภาวะเศรษฐกิจในปัจจุบันที่ยังมีการฟื้นตัวอย่างค่อยเป็นค่อยไปทำให้เกือบ 70% ของผู้ประกอบการคาดว่าจะยังไม่มีการปรับเพิ่มจำนวนพนักงานในปีนี้ ส่วนเรื่องการปรับเงินเดือน พบว่า 80% ของผู้ประกอบการที่ตอบ แบบสอบถามจะมีการปรับเงินเดือนให้พนักงาน และเป็นการปรับขึ้นในทุกภาคเศรษฐกิจ โดยอัตราการปรับขึ้นเงินเดือนเฉลี่ยของปีนี้อยู่ที่ 5.1% ซึ่งต่ำกว่าอัตราการปรับขึ้นเงินเดือนเฉลี่ยของปี 2550 ซึ่งอยู่ที่ 5.5%

นอกจากนี้ ยังพบว่าภาคเศรษฐกิจที่มีอัตราการปรับขึ้นเงินเดือนสูงสุดคือ ภาคการก่อสร้างโดยมีอัตราเฉลี่ยของการปรับขึ้นเงินเดือนที่ 7.4%รองลงมาคือ ภาคอสังหาริมทรัพย์ 6.6% ส่วนการจ่ายโบนัสผู้ประกอบการมีแนวโน้มการจ่ายโบนัส มีอัตราใกล้เคียงกับปีก่อนทั้งโบนัสแบบคงที่และแบบแปรผัน เพื่อเป็นการรักษาแรงงานเอาไว้ และจากการสำรวจภาวะการจ้างงานยังอยู่ในระดับปกติการฟื้นตัวของเศรษฐกิจแบบค่อยเป็นค่อยไป ทำให้ไม่มีปัญหาการขาดแคลนแรงงาน และการปรับขึ้นค่าแรงอย่างมีนัยสำคัญ   




 








upcoming issue

จากโต๊ะบรรณาธิการ
past issue
reader's guide


 



home | today's news | magazine | columnist | photo galleries | book & idea
resources | correspondent | advertise with us | contact us