นายประสาร ไตรรัตน์วรกุล เลขาธิการ สำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์
(ก.ล.ต.) กล่าวว่าวานนี้ (28 พ.ค.) สำนักงาน ก.ล.ต.ใช้อำนาจตามมาตรา 58 และอำนาจพนักงานเจ้าหน้าที่ตามมาตรา
264 แห่งพระราชบัญญัติหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ พ.ศ. 2535 เรียกคณะกรรมการบริษัท
รอยเนท ซึ่งรวมถึงนายกิตติพัฒน์ เยาวพฤกษ์ ผู้ถือหุ้นใหญ่ และประธานกรรมการบริษัท
ชี้แจงเรื่องอื้อฉาวบริษัทให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องฟัง
รอยเนทกระทบภาพพจน์ประเทศ
“กรณีของบริษัท รอยเนท แม้จะเป็นบริษัทขนาดเล็ก แต่ก็มีผลกระทบต่อภาพพจน์ของประเทศ
ซึ่งหากปล่อยไว้ จะทำให้นักลงทุนต่างประเทศหมดความเชื่อถือในกฏหมายที่ใช้ในประเทศไทย”
นายประสารกล่าว
หน่วยงานที่ร่วมรับฟังคำชี้แจงวานนี้ ประกอบด้วย สำนักงาน ก.ล.ต. กรมพัฒนาธุรกิจการค้า
กระทรวงพาณิชย์ กองบังคับการสืบสวนสอบสวนคดีเศรษฐกิจ สำนักงานตำรวจแห่งชาติ กรมสอบสวนคดีพิเศษ
กระทรวงยุติธรรม และตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย หลังการชี้แจงคณะกรรมการบริษัทรอยเนทให้คำรับรองที่ยินยอมดำเนินการดังนี้
จัดประชุมผู้ถือหุ้นภายในวันที่ 27 มิ.ย. โดยแจ้งรายละเอียดการจัดประชุมต่อ ก.ล.ต.และตลาดหลักทรัพย์
ภายในวันที่ 4 มิ.ย.นี้ บรรจุเรื่องที่ผู้ถือหุ้นใช้สิทธิร้องขอ เข้าเป็นวาระการประชุม
โดยจะไม่มีการขอรับมอบฉันทะจากผู้ถือหุ้นเป็นการส่วนตัว
บีบบอร์ดรอยเนทลาออก
รวมถึงคณะกรรมการบริษัทจะลาออก โดยจะส่งหนังสือลาออกถึงบริษัท พร้อมสำเนาให้นายทะเบียนและ
ก.ล.ต.ทราบ ตลอดจนจะให้ผู้ถือหุ้นเลือกกรรมการชุดใหม่ได้ตามสิทธิอันชอบธรรม และร่วมมือผู้สอบบัญชี
เพื่อให้ผู้สอบบัญชีสามารถตรวจสอบความถูกต้องครบถ้วน และความน่าเชื่อถือของเอกสารหลักฐาน
ที่ใช้ประกอบการบันทึกบัญชี และการทำงบการเงินประจำปี 2545 รวมทั้งลงนามรับรองความถูกต้องครบถ้วนของเอกสารต่างๆที่เกี่ยวข้อง
เพิ่มโทษแน่หากเบี้ยวอีกรอบนี้
ทุกหน่วยงานที่ร่วมประชุมวานนี้ จะติดตามการดำเนินการของคณะกรรมการรอยเนทใกล้ชิด
หากคณะกรรมการรอยเนทไม่ดำเนินการตามที่กล่าวไว้ แต่ละหน่วยงาน จะนำความผิดและพฤติกรรมที่ไม่ร่วมมือกับทางการ
เป็นองค์ประกอบขยายผล เพื่อเพิ่มความรุนแรงของคดีที่อยู่ระหว่างดำเนินการ
นอกจากนี้ หากพิจารณาตามกฏหมาย หากไม่ดำเนินการ จะถือว่าเข้าข่ายฉ้อโกงประชาชน
มีโทษจำคุก 5 ปี ปรับ 1 หมื่นบาท หรือทั้งจำทั้งปรับ ตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา343
เขากล่าวว่า หน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ร่วมมือจะแก้ไขปัญหานี้ โดยเฉพาะกระทรวงพาณิชย์
ซึงเตรียมจะแก้ไขกฏหมายมหาชน 3 เรื่อง ได้แก่ การใช้สิทธิผู้ถือหุ้นที่ถือหุ้น
5% ของทุนชำระแล้วของบริษัท สามารถขอจัดประชุมผู้ถือหุ้นได้ จากปัจจุบันกำหนดที่
20% และจะไม่มีการนับองค์ประชุม รวมทั้งต้องมีผู้ชี้ที่จะจัดประชุมผู้ถือหุ้นได้
โดยจะตั้งคณะกรรมการ 3 คน และ 1 คนในจำนวนนี้ จะต้องเป็นอธิบดีกรมพัฒนาธุรกิจการค้า
อย่างไรก็ตาม กรณีรอยเนท ทำให้พบจุดบกพร่อง 3 จุด ได้แก่ กลไกคุ้มครองผู้ถือหุ้น
มีจุดอ่อนเรื่องการร้องขอให้จัดประชุม เรื่องกรรมการบริษัทขาดความรับผิดชอบเรื่องการปฏิบัติแนวทางที่ดี
และองค์ประกอบคณะกรรมการ ที่ขาดความสมดุล ไม่มีการคานอำนาจ
จุดนี้ ทำให้สำนักงาน ก.ล.ต.จะเพิ่มเติมคุณสมบัติคณะกรรมการบริษัท ในเกณฑ์รับหลักทรัพย์ใหม่ด้วย
โดยจะนำเข้าที่ประชุมคณะอนุกรรมการเร็วๆ นี้