“พาณิชย์”ผงะเจอสต๊อกน้ำมันพืชบานเบอะ แต่ทำอะไรไม่ได้ ยี่ปั๊ว ซาปั๊ว อ้างขายไม่ออก เหตุผู้บริโภคหนีไปซื้อในห้างสรรพสินค้าแทน เตรียมเสนอ “เกริกไกร”วันนี้ อนุมัติน้ำเข้าปาล์มน้ำมันกึ่งบริสุทธิ์ไม่เกิน 3 หมื่นตัน แก้ไขปัญหาวัตถุดิบขาดแคลน ขีดเส้นนำเข้าไม่เกิน 29 ก.พ.นี้ ผู้ผลิตยอมรับลดกำลังการผลิตลง 40% เหตุสู้ต้นทุนไม่ไหว ส่อแววน้ำมันพืชขาดแคลนของจริงเร็วๆ นี้ อ้อนรัฐปรับราคาเพื่อแก้ปัญหาให้ตรงจุด

วานนี้ (15 ม.ค.) กระทรวงพาณิชย์ได้จัดชุดสายตรวจพิเศษเฉพาะกิจ 5 สาย ออกตรวจสอบสต๊อกน้ำมันปาล์มทั่วประเทศ โดยในกรุงเทพฯ ได้ตรวจสอบร้านยี่ปั๊ว ซาปั๊ว บริเวณถนนรามอินทรา บางแค และตลาดท่าเตียน เป็นต้น ส่วนในต่างจังหวัด ค้าภายในจังหวัดเป็นผู้ออกไปตรวจสอบ

นายกฤษฎา เปี่ยมพงศ์สานต์ โฆษกกระทรวงพาณิชย์ เปิดเผยว่า จากการตรวจสอบผู้ค้าปลีก ค้าส่งบริเวณตลาดท่าเตียน ไม่พบว่าสินค้าขาดตลาด และมีสินค้าในสต๊อกเป็นจำนวนมาก แต่จากการสอบถามผู้ค้าส่งถึงสาเหตุว่าทำไมถึงมีสต๊อกอยู่เป็นจำนวนมาก ก็ได้รับคำตอบว่าขายสินค้าไม่ได้ และมีการสั่งซื้อลดลง เพราะราคาสูงขึ้น โดยคนส่วนใหญ่จะหันไปซื้อน้ำมันพืชในห้างสรรพสินค้าแทน

ขณะที่การตรวจสอบร้านค้าปลีก ค้าส่งอื่นๆ พบในลักษณะเดียวกัน คือ มีสินค้าอยู่ในสต๊อกเป็นจำนวนมาก และผู้ค้าปลีก ค้าส่ง ระบุในลักษณะเดียวกัน คือ ขายไม่ออก ทำให้กระทรวงพาณิชย์ไม่สามารถดำเนินการเอาผิดในข้อหากักตุนสินค้าได้ ที่สำคัญ ยังพบอีกว่าร้านค้าปลีก ค้าส่ง หลายๆ ร้าน ได้มีการนำน้ำมันปาล์มบรรจุปี๊บมาจำหน่ายเพิ่มขึ้นเป็นจำนวนมาก และมีการปรับราคาเพิ่มขึ้น เนื่องจากน้ำมันปี๊บไม่ได้มีการควบคุมราคา

นายยรรยง พวงราช อธิบดีกรมการค้าภายใน กล่าวภายหลังการหารือร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องทั้งภาครัฐและเอกชนเพื่อแก้ไขปัญหาน้ำมันปาล์มขาดแคลน วานนี้ (15 ม.ค.) ว่า จะเสนอให้คณะกรรมแก้ไขปัญหาปาล์มน้ำมันอย่างเป็นระบบ ที่มีนายเกริกไกร จีระแพทย์ รมว.พาณิชย์ เป็นประธานในวันนี้ (16 ม.ค.) เพื่ออนุมัติให้มีการนำเข้าน้ำมันปาล์มกึ่งบริสุทธิ์ในปริมาณไม่เกิน 3 หมื่นตัน โดยให้องค์การคลังสินค้า (อคส.) เป็นผู้นำเข้า ระยะเวลานำเข้าไม่เกิน 29 ก.พ.2551 เพื่อแก้ไขปัญหาการขาดแคลนวัตถุดิบที่จะนำมาใช้ในการผลิตน้ำมันพืช

“การให้นำเข้าปาล์มน้ำมันกึ่งบริสุทธิ์ เป็นการแก้ปัญหาเฉพาะหน้า คือ การขาดแคลนวัตถุดิบที่จะใช้ผลิตน้ำมันพืช เพราะขณะนี้สต๊อกน้ำมันปาล์มดิบเหลือเพียง 8.2 หมื่นตัน จากภาวะปกติต้องมีประมาณ 1.1-1.6 แสนตัน ซึ่งการนำเข้ามาจะช่วยแก้ไขวัตถุดิบตรึงตัวในช่วงนี้ได้”

นายยรรยงกล่าวว่า สำหรับราคาน้ำมันปาล์มดิบตลาดโลกขณะนี้ ราคาอยู่ที่ 34-35 บาทต่อกิโลกรัม น้ำมันปาล์มกึ่งบริสุทธิ์บวกราคาเพิ่มอีกประมาณ 1.50 บาท ขณะที่ราคาน้ำมันปาล์มดิบในประเทศอยู่ที่ 37 บาทต่อกิโลกรัม ซึ่งการนำเข้าบวกภาษี 5% ราคาจะใกล้เคียงกับราคาภายในประเทศ ซึ่งการนำเข้าจะเพียงพอต่อการแก้ไขปัญหาวัตถุดิบขาดแคลนเท่านั้น แต่ยอมรับว่าไม่ได้แก้ไขปัญหาต้นทุนของผู้ผลิตน้ำมันปาล์ม ซึ่งกรมฯ อยู่ระหว่างการพิจารณาต้นทุนของผู้ประกอบการอยู่ ส่วนจะอนุมัติให้ปรับขึ้นราคาอีกหรือไม่ ยังตอบไม่ได้

แหล่งข่าวจากบริษัทผู้ผลิตน้ำมันปาล์ม กล่าวว่า ขณะนี้กลุ่มผู้ผลิตน้ำมันปาล์มที่ใช้ในครัวเรือนได้ลดกำลังการผลิตน้ำมันปาล์มบรรจุขวดลดลง 40% จากเดิมที่จะมีการผลิตเพื่อป้อนน้ำมันปาล์มบรรจุขวดออกสู่ตลาดเดือนละ 7.5 หมื่นตัน เนื่องจากผู้ประกอบการประสบปัญหาขาดทุนจากราคาวัตถุดิบที่ปรับตัวสูงขึ้น และขาดแคลนวัตถุดิบจากสต๊อกน้ำมันปาล์มที่ลดลงอย่างมาก

“บรรดาโรงงานผู้ผลิตน้ำมันปาล์มบรรจุขวด ต่างลดกำลังการผลิตสินค้าป้อนสู่ตลาดลง 40% อีก 60% ยังต้องผลิตสินค้าตามเดิม เพื่อรักษาแบรนด์สินค้าของตัวเองไว้ ซึ่งการนำเข้าไม่ได้ช่วยแก้ไขปัญหา เพราะราคานำเข้ายังสูง เมื่อเทียบกับราคาในประเทศ ซึ่งได้แต่หวังให้ภาครัฐจะอนุมัติให้ผู้ประกอบการปรับขึ้นราคาสินค้า เพื่อแก้ไขปัญหาให้ตรงจุด เพราะแบกรับภาระไม่ไหวแล้ว”แหล่งข่าวกล่าว

ส่วนแนวทางที่กระทรวงพาณิชย์อนุญาติให้นำเข้าน้ำมันปาล์ม 3 หมื่นตันนั้น จะช่วยแก้ไขปัญหาสต๊อกน้ำมันปาล์มดิบขาดแคลนได้ระดับหนึ่ง โดยจะดึงราคาภายในประเทศให้ใกล้เคียงกับราคาตลาดโลก แต่หากไม่มีการนำเข้ามาช่วยแก้ไขสต๊อกขาดแคลน คาดว่าราคาน้ำมันปาล์มดิบในประเทศจะพุ่งขึ้นถึงลิตร 40 บาท/ลิตรอย่างแน่นอน