Search Resources
 
Login เข้าระบบ
สมัครสมาชิกฟรี
ลืมรหัสผ่าน
 
  homenewsmagazinecolumnistbooks & ideaphoto galleriesresources50 managermanager 100join us  
 
 


bulletToday's News
bullet Cover Story
bullet New & Trend

bullet Indochina Vision
bullet2 GMS in Law
bullet2 Mekhong Stream

bullet Special Report

bullet World Monitor
bullet2 on globalization

bullet Beyond Green
bullet2 Eco Life
bullet2 Think Urban
bullet2 Green Mirror
bullet2 Green Mind
bullet2 Green Side
bullet2 Green Enterprise

bullet Entrepreneurship
bullet2 SMEs
bullet2 An Oak by the window
bullet2 IT
bullet2 Marketing Click
bullet2 Money
bullet2 Entrepreneur
bullet2 C-through CG
bullet2 Environment
bullet2 Investment
bullet2 Marketing
bullet2 Corporate Innovation
bullet2 Strategising Development
bullet2 Trading Edge
bullet2 iTech 360°
bullet2 AEC Focus

bullet Manager Leisure
bullet2 Life
bullet2 Order by Jude

bullet The Last page








 
ผู้จัดการรายวัน16 มกราคม 2551
ชี้บาทแข็ง18%รอบ2ปีแนะรัฐตั้งกองทุนช่วย             
 


   
search resources

Import-Export
Currency Exchange Rates




หอการค้าไทยประเมินเงินบาทไทยในรอบ 2 ปี พบแข็งค่าขึ้น 18.55% สูงกว่าประเทศเพื่อนบ้านทั้งมาเลเซีย จีน เวียดนาม ส่งผลให้ไทยแข่งขันลำบาก แนะรัฐตั้งกองทุนช่วยเหลือ ชี้โอกาสบาทแข็งถึง 32.5 บาทต่อเหรียญสหรัฐมีแน่ ด้านม.หอการค้า ประเมินส่งออกปีนี้ โตเหลือ 12.82% เหตุเจอพิษซับไพร์มป่วนเศรษฐกิจโลก หวั่นมีโอกาสหดเหลือ 10.78% หากซับไพร์มลุกลาม

นายชัยนันท์ อุโฆษกุล รองประธานคณะกรรมการกฎระเบียบและการค้าระหว่างประเทศหอการค้าไทย เปิดเผยว่า หากเปรียบเทียบอัตราเงินบาทแข็งค่ากับค่าเงินสกุลอื่นๆ ในภูมิภาคช่วง 2 ปี (9 ม.ค.2551 เปรียบเทียบ 3 ม.ค.2549) พบว่าเงินบาทแข็งค่าขึ้น 18.55% มากกว่าค่าเงินหลายประเทศ เช่น มาเลเซีย ค่าเงินแข็งค่า 13.39% ค่าเงินหยวนจีน 9.85% และเวียดนาม ซึ่งค่าเงินติดลบ 2.29% ทำให้ไทยแข่งขันกับประเทศคู่แข่งได้ยาก

ทั้งนี้ การที่ผู้ส่งออกไทยขายเงินดอลลาร์ออกมาขณะนี้ เพราะจำเป็น โดยเฉพาะผู้ส่งออกที่เป็นกลุ่มธุรกิจขนาดกลางและย่อม (เอสเอ็มอี) ซึ่งกลุ่มนี้ไม่ต้องการเสี่ยงกับทิศทางเงินบาทที่แข็งค่ามากขึ้น ดังนั้นหากรัฐต้องการให้มีการชะลอการระบายเงินดอลลาร์สหรัฐ ก็ควรหามาตรการมารองรับผลกระทบ เช่น การตั้งกองทุนที่จะสนับสนุนผู้ส่งออกให้สามารถถือเงินดอลลาร์ได้นานขึ้น หรือตั้งหน่วยงานเฉพาะที่จะดูแลปัญหาตรงนี้

“โอกาสที่จะได้เห็นเงินบาทแข็งค่า 32.5 บาท/เหรียญสหรัฐ มีแน่และเร็วๆนี้ด้วย เพราะถ้าไม่เข้ามาทำอะไร แต่กลับให้ผู้ส่งออกอย่าขายเงินดอลลาร์ เชื่อว่าก็คงเป็นไปยาก” นายชันนันท์ กล่าว

นายอัทธ์ พิศาลวานิช ผู้อำนวยการศูนย์ศึกษาการค้าระหว่างประเทศ มหาวิทยาลัยหอการค้าไทย กล่าวว่า ศูนย์ฯ ได้แบ่งการคาดการณ์ภาวะการส่งออกสินค้าไทยปี 2551 ออกเป็น 3 ระดับ โดยสมมุติฐานแรกที่มีโอกาสเป็นไปได้มากสุด คือ การส่งออกมีมูลค่า 1.72 แสนล้านเหรียญสหรัฐ ขยายตัว 12.82% หรือเติบโตลดลงจากปีก่อนที่ขยายตัว 18.09% ขณะที่การนำเข้ามีมูลค่า 1.61 แสนล้านเหรียญสหรัฐ ขยายตัว 14.85% เพิ่มขึ้นจากปีก่อนที่ขยายตัว 9.49% ทำให้ไทยยังคงได้ดุลการค้าในปี 2551 มูลค่า 1.08 หมื่นล้านเหรียญสหรัฐ แต่เป็นมูลค่าลดลงจากปีก่อนที่ได้ดุล 1.22 หมื่นล้านเหรียญสหรัฐ และเกินดุลบัญชีเดินสะพัด 1.3 หมื่นล้านเหรียญสหรัฐ

สาเหตุที่การส่งออกชะลอตัวลง เพราะได้รับผลกระทบจากปัจจัยเสี่ยงของภาวะเศรษฐกิจโลกชะลอตัว ซึ่งคาดว่าปีนี้เศรษฐกิจโลกจะขยายตัวในระดับ 3.3% ต่ำกว่าปีก่อนที่ขยายตัว 3.9% และผลจากเศรษฐกิจโลกชะลอตัวลง 1% จะทำให้การส่งออกไทยขยายตัวลดลง 1.9% ขณะที่เศรษฐกิจสหรัฐ จะขยายตัวเพียง 1.9% ญี่ปุ่น 1.8% และสหภาพยุโรป 2.0% ส่วนค่าเงินบาทมีแนวโน้มแข็งค่าขึ้น 2.95% หรือเฉลี่ยอยู่ที่ระดับ 33.5 บาท/เหรียญสหรัฐ เนื่องจากปัจจัยการอ่อนค่าของเงินดอลลาร์สหรัฐ และผลกระทบจากรระดับราคาน้ำมันปรับตัวสูง คาดว่าเฉลี่ยทั้งปีราคาน้ำมันจะทรงตัวสูง 87.21 เหรียญสหรัฐ/บาร์เรล

“การส่งออกจะเริ่มชะลอตัวตั้งแต่ไตรมาสแรกปี 2551 ซึ่งคาดว่าจะมีมูลค่า 4.2-4.6 หมื่นล้านเหรียญสหรัฐ ชะลอลงจากไตรมาส 4 ปี 2550 ที่มีมูลค่า 4.32 หมื่นล้านเหรียญสหรัฐ” นายอัทธ์ กล่าว

อย่างไรก็ตาม มีแนวโน้มว่าการส่งออกไทยอาจจะขยายตัวลดลงมากกว่านี้ หรือเป็นไปตามสมมุติฐานที่สอง ซึ่งเป็นการคาดการณ์ส่งออกในระดับแย่สุด โดยการส่งออกจะมีมูลค่า 1.69 แสนล้านเหรียญสหรัฐ ขยายตัว 10.78% เนื่องจากปัญหาสินเชื่ออสังหาคุณภาพต่ำในสหรัฐ (ซับไพร์ม) ลุกลามเป็นวงกว้าง ส่งผลกระทบต่อภาคการเงินทั่วโลก ทำให้มีโอกาสที่ค่าเงินบาทของไทยจะแข็งค่าขึ้นมาหลุดกรอบ 32.5 บาท/เหรียญสหรัฐ และระดับราคาน้ำมันสูงขึ้นมาอยู่ที่ระดับ 97 เหรียญสหรัฐ/บาร์เรล โดยเศรษฐกิจคู่ค้าไทย เช่น สหรัฐ จะขยายตัวลดลงเหลือ 1.5% ญี่ปุ่น 1.4% และสหภาพยุโรป 1.8%

ส่วนสมมุติฐานที่สาม ซึ่งเป็นไปได้น้อยมาก คือการส่งออกขยายตัวระดับ 14.72% มูลค่า 1.75 แสนล้านเหรียญสหรัฐ โดยจะเกิดขึ้นได้หากสหรัฐฯ แก้ไขปัญหาซับไพร์มได้สำเร็จ ทำให้เศรษฐกิจสหรัฐฯ กลับมาขยายตัวระดับ 2.2% ส่งผลให้ประเทศต่างๆ ปรับอัตราการขยายตัวให้สูงขึ้นด้วย ขณะที่อัตราแลกเปลี่ยนอยู่ที่ 34.5 บาท/เหรียญสหรัฐ และราคาน้ำมันอยู่ระดับ 77 เหรียญสหรัฐ/บาร์เรล   




 








upcoming issue

จากโต๊ะบรรณาธิการ
past issue
reader's guide


 



home | today's news | magazine | columnist | photo galleries | book & idea
resources | correspondent | advertise with us | contact us