|
Today's News
Cover Story
New & Trend
Indochina Vision
GMS in Law
Mekhong Stream
Special Report
World Monitor
on globalization
Beyond Green
Eco Life
Think Urban
Green Mirror
Green Mind
Green Side
Green Enterprise
Entrepreneurship
SMEs
An Oak by the window
IT
Marketing Click
Money
Entrepreneur
C-through CG
Environment
Investment
Marketing
Corporate Innovation
Strategising Development
Trading Edge
iTech 360°
AEC Focus
Manager Leisure
Life
Order by Jude
The Last page
|
 |
รายงานข่าวจากบริษัท ฟิทช์ เรทติ้งส์ (ประเทศไทย) จำกัด แจ้งว่า ได้ปรับแนวโน้มเครดิตของบริษัท แลนด์ แอนด์ เฮ้าส์ จำกัด (มหาชน) หรือ LH เป็นแนวโน้มมีเสถียรภาพจากแนวโน้มเป็นลบ ในขณะเดียวกัน ฟิทช์ประกาศคงอันดับเครดิตภายในประเทศ (National Rating) ของ LH ระยะยาวที่ระดับ "A- (tha)" (A ลบ (tha)) และระยะสั้นที่ระดับ "F2 (tha)" ทั้งนี้ การปรับแนวโน้มเครดิตเป็นมีเสถียรภาพของ LH สะท้อนถึงความสามารถของบริษัทในการบริหารกระแสเงินสดรับและจ่ายได้ดีกว่าที่ฟิทช์คาดการณ์ไว้ในปี 2550 ถึงแม้บริษัทจะมีนโยบายจ่ายเงินปันผลที่สูงและมีการลงทุนในธุรกิจอื่น โดยปัจจัยดังกล่าวช่วยลดความกังวลของฟิทช์ต่ออัตราส่วนหนี้สินที่สูงขึ้นซึ่งมีผลทำให้ฟิทช์ปรับแนวโน้มเครดิตของ LH เป็นลบในเดือนพฤศจิกายน 2549
นอกจากนี้ ฟิทช์คาดว่าแนวโน้มที่ดีขึ้นของตลาดบ้านเดี่ยวและความสามารถในการชิงส่วนแบ่งตลาดจากผู้ประกอบการบ้านเดี่ยวรายเล็กน่าจะช่วยสนับสนุนการเติบโตของกำไรและช่วยให้อัตราส่วนหนี้สินของบริษัทปรับตัวดีขึ้นได้ในปี 2551
สำหรับในช่วง 9 เดือนแรกของปี 2550 ยอดหนี้สินสุทธิของ LH ลดลงเหลือ 1.21 หมื่นล้านบาทจากระดับ 1.32 หมื่นล้านบาท ณ สิ้นปี 2549 ในขณะที่อัตราส่วนหนี้สินสุทธิต่อกำไรจากการดำเนินงานก่อนดอกเบี้ยจ่าย ภาษี ค่าเสื่อม ค่าตัดจำหน่าย (EBITDA) ลดลงมาที่ 3.0 เท่า จาก 3.6 เท่า ณ สิ้นปี 2549 การปรับตัวดีขึ้นของระดับหนี้สินสุทธิและอัตราส่วนหนี้สินเป็นผลมาจากการที่บริษัทลดการขยายโครงการใหม่ในปี 2550 ซึ่งทำให้มีการซื้อที่ดินใหม่ที่ไม่สูงมากนักและมีค่าใช้จ่ายในการก่อสร้างโครงการใหม่ที่ลดลง รวมทั้งมีผลจากผลประกอบการที่ดีขึ้นของบริษัท
ขณะที่ผลประกอบการของ LH น่าจะยังคงแข็งแกร่งในไตรมาสที่ 4 ของปี 2550 ซึ่งน่าจะทำให้ระดับของหนี้สินสุทธิและอัตราส่วนหนี้สินลดลงต่อไปอีก แม้ว่าบริษัทจะมีแผนขยายโครงการใหม่ที่เพิ่มขึ้นในปี 2551 มีการจ่ายเงินปันผลที่ยังสูงอยู่ที่ระดับ 80% และมีความต้องการใช้เงินเพื่อลงทุนในกิจการอื่น ฟิทช์มองว่าความสามารถในการสร้างกระแสเงินสดที่แข็งแกร่งขึ้นและการที่บริษัทอาจจะมีการขายทรัพย์สินจะช่วยลดระดับของหนี้สินสุทธิและอัตราส่วนหนี้สินให้อยู่ในระดับที่สอดคล้องกับอันดับเครดิต ณ ปัจจุบันได้ภายในสิ้นปี 2551 อย่างไรก็ตาม การเพิ่มขึ้นอย่างมีนัยสำคัญของหนี้สินสุทธิและอัตราส่วนหนี้สินที่สูงกว่า 3.0 เท่า อย่างต่อเนื่อง อาจจะมีผลกระทบในทางลบต่ออันดับเครดิตได้
ทั้งนี้ อันดับเครดิตของ LH สะท้อนถึงความเป็นผู้นำในการประกอบธุรกิจพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ประเภทที่อยู่อาศัยในประเทศไทย ชื่อเสียงอันแข็งแกร่ง ผู้บริหารที่มีประสบการณ์ LH เป็นบริษัทที่ใหญ่ที่สุดและแข็งแกร่งที่สุดในกลุ่มบริษัทพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ประเภทที่อยู่อาศัยในประเทศไทย โดยเป็นผลจากการที่ LH มีการถือครองที่ดินเปล่าจำนวนมากและความสามารถในการประหยัดเชิงต้นทุนจากขนาดการผลิตของโครงการขนาดใหญ่ของบ้านประเภทสร้างเสร็จก่อนขายบนทำเลที่ดีในกรุงเทพมหานคร รวมทั้ง LH ยังมีความแข็งแกร่งทางด้านการเงินและความสามารถในการสร้างกระแสเงินสด
อย่างไรก็ตาม อันดับเครดิตของ LH ได้พิจารณารวมถึงลักษณะความผันผวนของวัฎจักรธุรกิจพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ประเภทที่อยู่อาศัย รวมถึงความเสี่ยงจากความสามารถในการทำกำไรที่ลดลงจากการเพิ่มขึ้นของราคาที่ดินและวัสดุก่อสร้าง การที่ LH ขยายธุรกิจไปยังธุรกิจธนาคารที่เน้นการปล่อยสินเชื่อเพื่อรายย่อยทำให้บริษัทต้องเผชิญกับความเสี่ยงเนื่องจากบริษัทมีดำเนินธุรกิจธนาคารมาก่อน ในปี 2550 LH ได้มีการลงทุนเพิ่มอีก 301 ล้านบาท ในธนาคารแลนด์ แอนด์ เฮ้าส์ เพื่อรายย่อย จำกัด (มหาชน) เพื่อรักษาสัดส่วนการถือหุ้นในธนาคารแห่งนี้
|
|
 |
|
|