Search Resources
 
Login เข้าระบบ
สมัครสมาชิกฟรี
ลืมรหัสผ่าน
 
  homenewsmagazinecolumnistbooks & ideaphoto galleriesresources50 managermanager 100join us  
 
 


bulletToday's News
bullet Cover Story
bullet New & Trend

bullet Indochina Vision
bullet2 GMS in Law
bullet2 Mekhong Stream

bullet Special Report

bullet World Monitor
bullet2 on globalization

bullet Beyond Green
bullet2 Eco Life
bullet2 Think Urban
bullet2 Green Mirror
bullet2 Green Mind
bullet2 Green Side
bullet2 Green Enterprise

bullet Entrepreneurship
bullet2 SMEs
bullet2 An Oak by the window
bullet2 IT
bullet2 Marketing Click
bullet2 Money
bullet2 Entrepreneur
bullet2 C-through CG
bullet2 Environment
bullet2 Investment
bullet2 Marketing
bullet2 Corporate Innovation
bullet2 Strategising Development
bullet2 Trading Edge
bullet2 iTech 360°
bullet2 AEC Focus

bullet Manager Leisure
bullet2 Life
bullet2 Order by Jude

bullet The Last page








 
ผู้จัดการรายวัน11 มกราคม 2551
หุ้นไทยจ่อหลุด800จุด             
 


   
search resources

Stock Exchange




ต่างชาติตะบันทิ้งหุ้นไทยไม่หยุด ล่าสุดดัชนีปริ่ม 800 จุด โบรกเกอร์ฟันธงหลุด 800 จุดแน่ เหตุนักลงทุนวิตกผลการดำเนินงานกลุ่มสถาบันการเงินในสหรัฐฯ-ยุโรป ไตรมาส 4/50 ย่ำแย่กว่าที่คาดการณ์ ล่าสุดปิดที่ 800.18 จุด ลดลงจากวันก่อนหน้ากว่า 20 จุด ขณะที่ปัจจัยในประเทศต้องลุ้นคำตัดสินศาลกรณียุบพรรคพลังประชาชน 15 ม.ค.นี้ ด้าน"วิเชฐ" ยอมรับเงินเฟ้อพุ่ง-บาทแข็งไม่หยุด กระทบเอกชนแต่เชื่อกระทบบจ.ไม่มากเพราะมีการป้องกันความเสี่ยงไว้ล่วงหน้าแล้ว

ภาวะการลงทุนในตลาดหุ้นไทย วานนี้ (10 ม.ค.) นักลงทุนต่างชาติยังคงกระหน่ำขายในหุ้นขนาดใหญ่ทั้งในกลุ่มพลังงานและกลุ่มสถาบันการเงิน เนื่องจากความกังวลต่อผลการดำเนินงานของสถาบันการเงินที่ได้รับผลกระทบจากปัญหาสินเชื่ออสังหาริมทรัพย์ด้อยคุณภาพ (ซับไพรม์) ในช่วงไตรมาส 4/50 ที่ใกล้ประกาศออกมาอาจจะแย่กว่าที่มีการคาดการณ์ไว้ก่อนหน้านี้ ซึ่งเรื่องดังกล่าวอาจจะบานปลายจนส่งผลกระทบต่อเนื่องถึงเศรษฐกิจประเทศกลุ่มยุโรปและเศรษฐกิจโลก

ขณะเดียวกัน โกลด์แมนแซคส์กรุ๊ป ได้คาดการณ์การปรับลดอัตราดอกเบี้ยของธนาคารกลางสหรัฐฯ (เฟด) ที่อาจจะรุนแรงกว่าที่คาดการณ์ไว้ก่อนหน้านี้ จากภาวะเศรษฐกิจสหรัฐฯที่เข้าสู่ภาวะถดถอย โดยคาดว่าอัตราดอกเบี้ยปลายปีอาจจะปรับตัวลดลงมาอยู่ที่ 2.5% จากเดิมที่คาดว่าจะอยู่ที่ระดับ 3%

ทั้งนี้ ดัชนีตลาดหุ้นไทยได้ปรับตัวลดลงมาปิดที่จุดต่ำสุดของวันที่ 800.18 จุด ลดลง 20.29 จุด หรือ 2.47% ขณะที่จุดสูงสุดของวันอยู่ที่ 817.86 จุด มูลค่าการซื้อขาย 15,306.22 ล้านบาท โดยนักลงทุนต่างชาติขายสุทธิ 1,493.65 ล้านบาท นักลงทุนสถาบันซื้อสุทธิ 52.28 ล้านบาท นักลงทุนรายย่อยซื้อสุทธิ 1,441.37 ล้านบาท

สำหรับหุ้นที่ถูกแรงขายออกมาอย่างหนักยังคงเป็นหุ้นในกลุ่มพลังงาน อาทิ บมจ.ปตท. หรือ PTT ราคาปิดที่ 332 บาท ลดลง 16 บาท หรือ 4.60% มูลค่าการซื้อขาย 2,374.25 ล้านบาท, บมจ.ปตท.อะโรเมติกส์และการกลั่น หรือ PTTAR ราคาปิดที่ 40.50 บาท ลดลง 2.50 บาท หรือ 5.81% มูลค่าการซื้อขาย 1,715.27 ล้านบาท, บมจ.ปตท.ผลิตและสำรวจปิโตรเลียม หรือ PTTEP ราคาปิดที่ 152 บาท ลดลง 7 บาท หรือ 4.40% มูลค่าการซื้อขาย 1,551.90 ล้านบาท, บมจ.บ้านปู หรือ BANPU ราคาปิดที่ 382 บาท ลดลง 14 บาท หรือ 3.54% มูลค่าการซื้อขาย 836.80 ล้านบาท และบมจ.ไทยออยล์ หรือ TOP ราคาปิดที่ 80 บาท ลดลง 3 บาท หรือ 3.61% มูลค่าการซื้อขาย 605.61 ล้านบาท

นายแสงธรรม จรณชัยกุล ผู้อำนวยการอาวุโส ฝ่ายกลยุทธ์การลงทุน บริษัทหลักทรัพย์ ธนชาต จำกัด กล่าวว่า ความกังวลต่อผลการดำเนินงานของสถาบันการเงินในสหรัฐฯรวมถึงในยุโรปที่เตรียมจะประกาศผลการดำเนินงานในไตรมาส 4/50 ว่าอาจจะได้รับผลกระทบจากปัญหาซับไพรม์มากกว่าการคาดการณ์ก่อนหน้านี้ ซึ่งอาจจะมีหลายแห่งที่ต้องเผชิญกับปัญหาการขาดทุนอย่างมากอีกครั้ง

ทั้งนี้ ยังเป็นการคาดการณ์ที่ยากที่จะระบุว่าผลกระทบจากปัญหาซับไพรม์จะสิ้นสุดเมื่อใด และในรอบนี้ผลการดำเนินการไตรมาส 4/50 จะออกมาเป็นอย่างไร แต่จากความกังวลทำให้มีการขายหุ้นที่ลงทุนทั่วโลกออกมาเพื่อโยกไปลงทุนในสินค้าอื่นๆเพื่อลดความเสี่ยงและเตรียมเงินสดสำรองการไถ่ถอนหน่วยลงทุนรอบใหม่

สำหรับการเคลื่อนไหวตลาดหุ้นในช่วงนี้ เชื่อว่ายังมีโอกาสที่ดัชนีจะยังปรับตัวลดลงได้อย่างต่อเนื่อง เนื่องจากแรงขายจากนักลงทุนต่างชาติ โดยในรอบนี้มีความเป็นไปได้ที่ดัชนีอาจจะลดลงมาแตะระดับ 760 จุด

"อาจจะมีบิ๊กเซอร์ไพรท์เกี่ยวกับผลการดำเนินงานที่จะประกาศออกมา แต่จะเป็นการเซอร์ไพรท์ในทางที่แย่ซึ่งจะเป็นอีกแรงที่ส่งผลกระทบต่อการลงทุนทั่วโลก"นายแสงธรรรมกล่าว

แนะจับตาคำสั่งยุบพปช.

นางสิริณัฏฐา เตชะศิริวรรณ ผู้อำนวยการอาวุโสฝ่ายวิเคราะห์ บล.ไซรัส กล่าวว่า ตลาดหุ้นไทยปรับตัวลดลงมากกว่าตลาดหุ้นในภูมิภาคเนื่องจากยังคงมีปัจจัยในประเทศเข้ามากระทบต่อจิตวิทยาในการลงทุน โดยประเด็นทางด้านการเมืองที่ยังต้องติดตาม ไม่ว่าจะเป็รกรณีการพิจารณารับรองผลการเลือกตั้งส.ส.ว่าในท้ายที่สุดจะสามารถรับรองได้จำนวนเท่าไร รวมถึงกรณีการพิจารณาดังกล่าวจะนำไปสู่การบุบพรรคการเมืองอีกหรือไม่

นางสาวศิริลักษณ์ ปโกฏิประภา ผู้ช่วยผู้อำนวยการฝ่ายวิเคราะห์หลักทรัพย์ บล.เมอร์ชั่น พาร์ทเนอร์ กล่าวว่า นักลงทุนยังรอการจัดตั้งรัฐบาลใหม่ ซึ่งในขณะนี้ยังไม่มีความแน่นอนเนื่องจากต้องรอคำตัดสินจากศาลเกี่ยวกับกรณีที่มีการยื่นเรื่องเพื่อขอให้มีการยุบพรรคพลังประชาชน ในข้อหาเป็นนอมินีให้กับ 111 คนจากไทยรักไทยในวันที่ 15 มกราคม นี้ ซึ่งเรื่องดังกล่าวทำให้ปัจจัยการเมืองมีความเสี่ยงขึ้นมาอีกครั้ง และกรณีดังกล่าวอาจกระทบต่อความเชื่อมั่นในเสถียรภาพทางสังคมและเศรษฐกิจของไทย

เชื่อบาทแข็ง-เงินเฟ้อไม่กระทบบจ.

นายวิเชฐ ตันติวานิช รองผู้จัดการสายงานศูนย์ระดมทุน ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (ตลท.) กล่าวว่า ผลกระทบจากอัตราเงินเฟ้อที่มีแนวโน้มสูงขึ้นและค่าเงินบาทที่แข็งค่าอย่างต่อเนื่องเมื่อเทียบกับค่าเงินดอลลาร์สหรัฐฯ เชื่อว่าจะไม่ส่งผลกระทบมากนักต่อบริษัทที่จดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์เนื่องจากส่วนใหญ่มีการจัดการกับความเสี่ยงด้วยการกำหนดอัตราแลกเปลี่ยนล่วงหน้าไว้แล้ว

ทั้งนี้ จากเศรษฐกิจที่เป็นอยู่ในปัจจุบันคงปฏิเสธได้ยากว่าทั้ง 2 เรื่องจะไม่กระทบต่อภาคธุรกิจ แต่เชื่อว่าผลกระทบที่เกิดขึ้นเอกชนไทยยังสามารถควบคุมได้

สำหรับประเด็นที่ภาคธุรกิจอยากให้เกิดขึ้นโดยเร็ว คือ การจัดตั้งรัฐบาลอย่างเป็นรูปธรรม เพื่อเข้ามาสานต่อหรือดำเนินนโยบายในการกระตุ้นเศรษฐกิจและการลงทุนอย่างจริงจัง ซึ่งจากการคาดการณ์ของหลายหน่วยงานที่ระบุว่าอัตราการเติบโตของจีดีพีในปีนี้จะอยู่ในระดับ 4- 5 % ถือว่าเป็นตัวเลขที่ยังน่าพอใจ   




 








upcoming issue

จากโต๊ะบรรณาธิการ
past issue
reader's guide


 



home | today's news | magazine | columnist | photo galleries | book & idea
resources | correspondent | advertise with us | contact us