Search Resources
 
Login เข้าระบบ
สมัครสมาชิกฟรี
ลืมรหัสผ่าน
 
  homenewsmagazinecolumnistbooks & ideaphoto galleriesresources50 managermanager 100join us  
 
 


bulletToday's News
bullet Cover Story
bullet New & Trend

bullet Indochina Vision
bullet2 GMS in Law
bullet2 Mekhong Stream

bullet Special Report

bullet World Monitor
bullet2 on globalization

bullet Beyond Green
bullet2 Eco Life
bullet2 Think Urban
bullet2 Green Mirror
bullet2 Green Mind
bullet2 Green Side
bullet2 Green Enterprise

bullet Entrepreneurship
bullet2 SMEs
bullet2 An Oak by the window
bullet2 IT
bullet2 Marketing Click
bullet2 Money
bullet2 Entrepreneur
bullet2 C-through CG
bullet2 Environment
bullet2 Investment
bullet2 Marketing
bullet2 Corporate Innovation
bullet2 Strategising Development
bullet2 Trading Edge
bullet2 iTech 360°
bullet2 AEC Focus

bullet Manager Leisure
bullet2 Life
bullet2 Order by Jude

bullet The Last page








 
ผู้จัดการรายวัน10 มกราคม 2551
ดีเอชซีปรับแผนมุ่งลูกค้ารีเทลเลื่อนแผนผุดศูนย์กระจายสินค้า             
 


   
www resources

โฮมเพจ ดีเอชซี (ประเทศไทย)

   
search resources

Cosmetics
ดีเอชซี (ประเทศไทย) - DHC




เศรษฐกิจรุมเร้า ดีเอชซีวืดเป้า เติบโตเพียง 5 % ปรับแผนรบใหม่รองรับสถานการณ์ที่ยังคลุมเครือ ทุ่ม 50 ล้านบาทผุดชอป สู่ลูกค้ารีเทลมากขึ้น มุ่งขยายฐานลูกค้าเพิ่ม เน้นกลุ่มคุณแม่รุ่นใหม่ เตรียมนำเข้าสินค้าเบบี้โปรดักส์ และแอนตี้เอจจิ้ง อัดฉีดอีก 300 ล้านบาท ทำการตลาดทั้งปี เบ็นเข็มจับกลุ่มลูกค้าต่างจังหวัดเป็นหลัก เหตุกำลังซื้อสูง คาดรายได้ขยับขึ้น 5% คิดเป็นมูลค่า 500 ล้านบาท

นางสาวอาภรณ์ ทรัพย์มนชัย ผู้อำนวยการฝ่ายการตลาด บริษัท ดีเอชซี (ประเทศไทย) จำกัด เปิดเผยว่า จากปัญหาเศรษฐกิจในปีที่ผ่านมา ส่งผลให้ผู้บริโภคชะลอการใช้จ่าย มีการใช้เงินน้อยลง จึงส่งผลให้ยอดขายของดีเอชซีต่ำกว่าเป้าเล็กน้อย จากเดิมที่วางไว้ 500 ล้านบาท ทำได้เพียง 475 ล้านบาท หรือมีการเติบโตเพียง 5% เท่านั้น อย่างไรก็ตามถือว่าเป็นยอดขายที่น่าพอใจอยู่ เพราะสำหรับตลาดรวมเครื่องสำอางเคาน์เตอร์แบรนด์ ก็มีอัตราการเติบโตประมาณนี้เช่นเดียวกัน

จากสภาพเศรษฐกิจที่มองว่าจะมีการแข่งขันที่สูงขึ้น โดยเฉพาะเครื่องสำอางปีนี้จะมุ่งลูกค้าต่างจังหวัดเป็นหลัก เหตุกำลังซื้อค่อนข้างดี ทางดีเอชซีจึงเตรียมเงินสำหรับทำการตลาดทั้งปีไว้กว่า 300 ล้านบาท เน้นด้านกิจกรรมโรดโชว์ตามหัวเมืองระดับอำเภอมากยิ่งขึ้นต่อเนื่องทุกเดือน โดยไตรมาสแรกคาดว่าจะใช้งบประมาณกว่า 100 ล้านบาท ทั้งในเรื่องของภาพยนตร์โฆษณาชิ้นใหม่ และการประชาสัมพันธ์ผ่านสื่อต่างๆ

"ต่างจังหวัด โดยเฉพาะตามหัวเมืองใหญ่ มองว่ามีกลุ่มที่มีกำลังซื้ออยู่สูง โดยเฉพาะเครื่องสำอางประเภทเคาน์เตอร์ จึงเป็นโอกาสที่ดีของดีเอชซี ที่มีช่องทางขายแบบเดลิเวอรี่ จึงสามารถเข้าถึงได้ง่าย"

ปีนี้ทางบริษัทฯจะมีการลงทุนเพิ่ม เช่น ด้านไอทีผ่านเว็บไซต์ของดีเอชซี ในส่วนของซอฟท์แวร์ ฮาร์ดแวร์ และระบบ IVR หรือระบบโทรศัพท์อัตโนมัติ ที่บริการลูกค้า 24 ชั่วโมง จากเดิมปีก่อนที่มีการลงทุนไปกว่า 80 ล้านบาท ปีนี้จะเพิ่มการลงทุนอีก 20 ล้านบาท เนื่องจากลูกค้าเริ่มใช้บริการผ่านอินเทอร์เน็ตมากยิ่งขึ้น ลงทุนในส่วนของการพัฒนาบุคลากร คอลเซ็นเตอร์อีก

นอกจากนี้ปีนี้บริษัทฯยังมีแผนเปิดชอปขึ้น 1 แห่ง ภายในศูนย์การค้าตามแผนเดิมที่วางไว้ในปีก่อน ภายในไตรมาส 1 นี้ ลงทุนกว่า 50 ล้านบาท ขณะที่แผนการขยายศูนย์กระจายสินค้า ต้องชะลอแผนไป เลื่อนไปเป็นปีหน้า เนื่องจาก ยังไม่มั่นใจในทิศทางเศรษฐกิจ ที่มองว่ายังไม่ดีขึ้น

นางสาวอาภรณ์ กล่าวต่อว่า ปีก่อนดีเอชซีมีสัดส่วนผลิตภัณฑ์ที่วางจำหน่าย 70% เป็นกลุ่มสกินแคร์, ฟู้ด 10% และอาหารเสริม 20% โดยในปีนี้จะยังคงรักษาสัดส่วนเดิมอยู่ แต่จะเพิ่มสินค้าเข้ามามากยิ่งขึ้น ซึ่งเป็นลักษณ์สินค้าระดับพรีเมียม และสินค้าไลน์ใหม่ในกลุ่มของ คุณแม่และเด็ก อาทิเช่น แอนตี้เอจจิ้ง และสินค้าสำหรับเด็ก เนื่องจากมองเห็นว่าคุณแม่มือใหม่ เป็นกลุ่มที่มีกำลังซื้อมาก และมีอำนาจการตัดสินใจซื้อสูง

อย่างไรก็ตาม แม้ว่าราคานำมันจะเพิ่มสูงขึ้น แต่ทางบริษัทฯยังคงมุ่งเน้นการตรึงราคาสินค้าไว้อยู่ แต่จะมีการพิจารณาสถานการณ์เป็นแต่ละไตรมาสไปว่าจะต้องมีการปรับราคาสินค้าขึ้นหรือไม่ ส่วนการบริการเดลิเวอรี่ที่เป็นช่องทางขายหลัก บริษัทฯยังคงคิดค่าบริการตามเดิม คือ สั่งซื้อสินค้าภายในเขตกรุงเทพและปริมณฑล ตั้งแต่ 1,000 บาท บริการฟรี โดยเป็นบริการสั่งเช้าได้เย็น ส่วนต่างจังหวัด สั่งซื้อตั้งแต่ 3,500 บาทขึ้นไป จัดส่งฟรีผ่านช่องทางอีเอ็มเอส ไม่เกิน 3 วัน

"จากกลยุทธ์ทางวางไว้สำหรับทำตลาดในปีนี้ บริษัทฯคาดว่าจะมียอดขายเติบโตขึ้นอย่างน้อย 5% คิดเป็นมูลค่า 500 ล้านบาท ซึ่งเป็นการเติบโตเท่ากับตลาดรวมที่คาดว่าจะเติบโตเพียง 5%ในปีนี้เช่นกัน โดยสัดส่วนยอดขายยังคงมาจาก เดลิเวอรี่ 70% ฟู้ด 10% และอาหารเสริม 20% ขณะที่สัดส่วนลูกค้ากรุงเทพและปริมณฑล คาดว่าจะลดลงเหลือเพียง 40% จากเดิม 50% โดยที่สัดส่วนลูกค้าต่างจังหวัดจะเพิ่มขึ้นเป็น 60%จากเดิม 50% แทน" นางสาวอาภรณ์ กล่าวสรุป   




 








upcoming issue

จากโต๊ะบรรณาธิการ
past issue
reader's guide


 



home | today's news | magazine | columnist | photo galleries | book & idea
resources | correspondent | advertise with us | contact us