|
Today's News
Cover Story
New & Trend
Indochina Vision
GMS in Law
Mekhong Stream
Special Report
World Monitor
on globalization
Beyond Green
Eco Life
Think Urban
Green Mirror
Green Mind
Green Side
Green Enterprise
Entrepreneurship
SMEs
An Oak by the window
IT
Marketing Click
Money
Entrepreneur
C-through CG
Environment
Investment
Marketing
Corporate Innovation
Strategising Development
Trading Edge
iTech 360°
AEC Focus
Manager Leisure
Life
Order by Jude
The Last page
|
|
“บิ๊กโกลเด้นแลนด์” เผยบอร์ดไฟเขียวบุกตลาดทาวน์เฮาส์หรูกลางเมือง ระดับราคา 5 ล้านบาท หวัง เพิ่มรายได้ หลังตลาดบ้านหรูโตช้า ประเดิมโครงการแรกย่านรามคำแหง บนเนื้อที่ 33 ไร่ พร้อมอนุมัติศึกษาแผนลงทุนบ้านระดับ 3-5 ล้านบาท คาดเริ่มดำเนินการในปี 52 ส่วนแผนปีนี้เน้นเปิดเฟสใหม่ในโครงการเดิม 3 แห่ง พร้อมเปิดใหม่อีก 2 โครงการ
นายสหัส ตันติคุณ ประธานเจ้าหน้าที่ฝ่ายปฏิบัติการและกรรมการผู้จัดการอำนวยการโครงการบ้านจัดสรร บริษัท แผ่นดินทอง พร็อพเพอร์ตี้ ดิเวลลอปเม้นท์ จำกัด (มหาชน) หรือ โกลเด้นแลนด์ เปิดเผยว่า ที่ประชุมคณะกรรมการบริษัท (บอร์ด) มีมติอนุมัติให้ลงทุนพัฒนาโครงการประเภททาวน์เฮาส์กลางเมือง ระดับกลาง-บน หลังจากที่ก่อนหน้านี้โกลเด้นแลนด์พัฒนาที่อยู่อาศัยแนวราบเฉพาะบ้านเดี่ยวระดับบนเท่านั้น ส่วนทำเลนั้นของโครงการทาวน์เฮาส์นั้น จะตั้งอยู่ในทำเลกลางเมืองหรือใจกลางชุมชน ระดับราคาเฉลี่ย 5 ล้านบาท ส่วนรูปแบบของสินค้านั้นขณะนี้อยู่ระหว่างออกแบบ เพื่อให้ตรงกับความต้องการของผู้บริโภค
“ปัจจุบันบริษัทมีที่ดินติดถนนรามคำแหง เนื้อที่ 31 ไร่ ซึ่งดูจากที่ดินและทำเลแล้วมีความเป็นไปได้ในการพัฒนา เพราะที่ดินแปลงนี้ถ้านำมาพัฒนาคอนโดฯ ราคาแพงไม่ได้อย่างแน่นอน เพราะฉะนั้นพัฒนาทาวน์เฮาส์ 3-4 ชั้น หรือทาวน์โฮม ราคาประมาณ 5 ล้านบาทจึงมีความเป็นไปได้มากกว่า ส่วนรูปแบบนั้นตอนนี้อยู่ระหว่างออกแบบ คาดว่าจะสามารถเปิดตัวโครงการได้ประมาณครึ่งหลังของปีนี้” นายสหัสกล่าว
ส่วนสาเหตุที่บริษัทหันมาพัฒนาโครงการประเภททาวน์เฮาส์เป็นครั้งแรก แม้ว่าในปัจจุบันตลาดบ้านหรูจะเริ่มกลับมา หลังจากที่อั้นมาในระยะหนึ่ง ซึ่งพิจารณาได้จากยอดขายของบริษัทในช่วงครึ่งปีแรกทำได้เพียง 483 ล้านบาท จากเป้าหมายที่ตั้งไว้ทั้งปี 1,354 ล้านบาท โดยครึ่งปีหลังสามารถสร้างยอดขายได้ถึง 871 ล้านบาทรวมทั้งปี 1,305 ล้านบาท ซึ่งถือว่าน่าพอใจ
นอกจากนี้ตลาดบ้านหรู ในปัจจุบันมีผู้ประกอบการที่ยังคงพัฒนาสินค้าในระดับนี้เหลือไม่กี่ราย โดยส่วนใหญ่จะหันไปพัฒนาโครงการระดับกลางลงล่างแทน และในรายที่ยังดำเนินการอยู่จะไม้เน้นเปิดโครงการใหม่ แต่จะพยายามระบายสินค้าเก่ามากกว่า
อย่างไรก็ตาม ตลาดบ้านเดี่ยวระดับบนมีฐานลูกค้าค่อนข้างน้อย ทำให้การสร้างรายได้มีอัตราการเติบโตไม่มากเท่าที่ต้องการ ดังนั้นบริษัทจึงมีแผนที่จะขยายการลงทุนได้ยังเซกเมนต์อื่นๆ เพื่อเพิ่มฐานลูกค้าและส่วนแบ่งการตลาด แม้ว่าจะเป็นโครงการประเภททาวน์เฮาส์ แต่จะยังคงความหรูหราคงความเป็นโกลเด้นแลนด์เช่นเดิม โดยจะมีระดับราคาเฉลี่ยที่ 5 ล้านบาท
นอกจากนี้ตลาดทาวน์เฮาส์ระดับบน ทำเลในเมืองมีสินค้าจำนวนน้อยและผู้ประกอบการในตลาดมีเพียงไม่กี่ราย อาทิ บริษัท พลัส พร็อพเพอร์ตี้ จำกัด และบริษัทเอเชี่ยนพร็อพเพอร์ตี้ จำกัด (มหาชน) ซึ่งปัจจุบันทั้งสองบริษัทดังกล่าวให้ความสำคัญกับตลาดซิตี้คอนโดมิเนียม ที่กำลังได้รับความนิยมในตลาดขณะนี้มากกว่า บริษัทจึงเชื่อว่าเป็นตลาดที่น่าจะลงไปพัฒนามากอีกตลาดหนึ่ง
“อนาคตบ้านที่อยู่นอกเมืองจะไม่เป็นที่นิยมอีกต่อไป เพราะน้ำมันแพงขึ้นทุกวัน แต่ถ้าจะทำบ้านเดี่ยวในเมืองจะต้องราคาสูงมาก ดังนั้นทาวน์เฮาส์จึงเป็นอีกตลาดที่น่าสนใจ รองลงมาจากคอนโดมิเนียม”
นายสหัส กล่าวต่อว่า นอกจากบอร์ดจะอนุมัติให้ลงทุนในโครงการประเภททาวน์เฮาส์แล้ว ยังอนุมัติให้ศึกษาการลงทุนในตลาดบ้านเดี่ยวระดับราคา 3-5 ล้านบาท โดยจะต้องแตกแบรนด์สินค้าใหม่ แต่ปัจจุบันบริษัทยังไม่มีที่ดินที่จะพัฒนาบ้านในระดับราคาดังกล่าว จึงคาดว่าน่าจะเริ่มดำเนินการได้ในปี 52
ส่วนแผนการลงทุนในปีนี้ สำหรับโครงการแนวราบในไตรมาสแรกของปีนี้ จะเน้นเปิดเฟสต่อเนื่องของโครงการเก่า ได้แก่ โครงการโกลเด้น นครา พระราม 9 มูลค่า 343 ล้านบาท , โครงการโกลเด้น โมนาโค ถนนวงแหวนตะวันออกรอบนอก มูลค่า 364 ล้านบาท , โครงการโกลเด้น เลเจนต์ มูลค่า 445 ล้านบาท และโครงการโกลเด้น เฮอริเทจ ถนนราชพฤกษ์ มูลค่า 555 ล้านบาท ซึ่งเปิดตัวไปเมื่อปลายปี 51 ที่ผ่านมา รวมมูลค่า 1,707 ล้านบาท
นอกจากนี้บริษัทยังมีแผนลงทุนในโครงการแนวราบแห่งใหม่ 1 โครงการและคอนโดมิเนียมอีก 1 โครงการ โดยมีเป้าหมายยอดขายโครงการแนวราบ 1,707 ล้านบาท ส่วนรูปแบบการพัฒนาจะแบ่งสัดส่วนระหว่างบ้านสั่งสร้าง 50% และบ้านสร้างเสร็จ 50% เพื่อป้องกันความเสี่ยงจากการปรับขึ้นของต้นทุนก่อสร้าง โดยลูกค้าที่ซื้อบ้านสร้างเสร็จจะได้รับส่วนลด 5% เนื่องจากเป็นบ้านต้นทุนเดิม ส่วนบ้านสั่งสร้างบริษัทต้องรับความเสี่ยงหากราคาวัสดุปรับขึ้นจึงขายราคาปกติ
“ส่วนผู้รับเหมาเราเปลี่ยนมาให้รายกลาง โครงการละ 2 ราย เพื่อให้เกิดการแข่งขัน และกระจายงาน หากบริษัทใดบริษัทหนึ่งมีปัญหาด้านแรงงาน อีกทั้งยังทำให้เกิดการเปรียบเทียบคุณภาพงานและมีการแข่งขันเกิดขึ้น หากใช้บริษัทเดี่ยวอาจมีปัญหาเรื่องจากต่อรองของผู้รับเหมาได้” นายสหัสกล่าว
|
|
|
|
|