|
Today's News
Cover Story
New & Trend
Indochina Vision
GMS in Law
Mekhong Stream
Special Report
World Monitor
on globalization
Beyond Green
Eco Life
Think Urban
Green Mirror
Green Mind
Green Side
Green Enterprise
Entrepreneurship
SMEs
An Oak by the window
IT
Marketing Click
Money
Entrepreneur
C-through CG
Environment
Investment
Marketing
Corporate Innovation
Strategising Development
Trading Edge
iTech 360°
AEC Focus
Manager Leisure
Life
Order by Jude
The Last page
|
|
นักการตลาด ชี้สมรภูมิสินค้าอุปโภคบริโภคปีหนูแข่งเดือด หลังตลาดโตเพียง 3-5% ผู้ประกอบการผจญต้นทุนพุ่งจากราคาน้ำมัน ต้องควักคัมภีร์การตลาดฝ่ามรสุม กำลังซื้อผู้บริโภคลดลง เทรนด์ผู้บริโภคเปลี่ยน ก้าวสู่ยุคปัจเจกบุคคลหมดยุคแมสมาร์เก็ตติ้ง วงจรสินค้าสั้นลง กลยุทธ์ซอยเซกเมนต์ทะลวงเฉพาะไลฟ์สไตล์เฉพาะกลุ่มบูม
ในปี 2551 บ้างก็ว่าเป็นปีหนูไฟ หรือเป็นปีแห่งความวุ่นวายสำหรับประเทศไทย โดยเฉพาะตัวแปรภายนอกประเทศ อย่างราคาน้ำมันที่ปรับเพิ่มขึ้น หรือกระทั่งปัจจัยภายในประเทศ ความมั่นคงของรัฐบาลชุดใหม่ จากการเป็นรัฐบาลผสม กำลังการซื้อของผู้บริโภคที่ลดลงจากราคาสินค้าที่ปรับเพิ่มขึ้น
แต่ท่ามกลางปัจจัยลบต่างๆ นานา ส่วนอีกแง่มุมหนึ่งหลายคนกล่าวว่าปี 2551 จะเป็นปีหนูทอง หรือมีความเชื่อมั่นว่า จะเป็นปีที่ดีสำหรับประเทศไทย โดยเฉพาะการมีรัฐบาลชุดใหม่ ที่ได้จากการเลือกตั้งมาบริหารประเทศ น่าจะเป็นการเรียกความเชื่อมั่นนักลงทุนจากต่างประเทศได้บ้าง ซึ่งถือว่าเป็นจุดเริ่มต้นที่ดี
สำหรับปีหมูไฟหรือปี 2550 ท่ามกลางเศรษฐกิจไม่สู้ดีมากนัก ทัพสินค้าอุปโภคบริโภคขับเคี่ยวกันอย่างหนัก ทั้งสงครามราคา การทำโปรโมชัน ลด แลก แจก แถม ทวีความรุนแรงจนหยดสุดท้ายจริงๆ เพื่อกระตุ้นยอดขายให้เป็นไปตามเป้าหมาย ส่วนภาพรวมสินค้าอุปโภคบริโภคปี 2551 นักการตลาดหลายท่าน ทั้งเจ้าพ่อบะหมี่กึ่งสำเร็จรูปมาม่า ,โอสถสภา,ไลอ้อน กล่าวว่าเป็นปีที่ยากยิ่งอีกปีหนึ่งเช่นกันสำหรับสินค้าอุปโภคบริโภค
นายพิพัฒ พะเนียงเวทย์ ประธาน บริษัท ไทยเพรซิเดนท์ฟูดส์ จำกัด (มหาชน) ผู้ผลิตบะหมี่กึ่งสำเร็จรูปตรามาม่า เปิดเผยว่า ภาพรวมเศรษฐกิจประเทศไทยปี 2551 ไม่ได้แตกต่างจากปี 2550 มากนัก โดยจีดีพีหรือผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศมีอัตราการเติบโต 4-5% เท่านั้น ส่วนด้านกำลังการซื้อผู้บริโภคไทยในปี 2551 ไม่ค่อยดีมากนัก เนื่องจากค่าครองชีพสูงเพิ่มขึ้นจากที่มีสินค้าหลากหลายกลุ่มปรับราคาเพิ่มขึ้น เพราะผลพวงจากราคาน้ำมันที่ปรับเพิ่มขึ้น ขณะที่กลุ่มรากหญ้ายิ่งได้รับผลกระทบหนัก เพราะรายได้ไม่ได้เพิ่มขึ้น ในทางกลับกันรายจ่ายก็ยังเพิ่มมากขึ้นด้วย
สำหรับตลาดสินค้าอุปโภคบริโภค จะไม่ได้รับผลกระทบมากนัก เพราะเป็นสินค้าที่จำเป็นต่อการดำรงชีวิต ขณะที่กลุ่มสินค้าที่คาดว่าจะได้รับผลกระทบ ก็คือกลุ่มสินค้าฟุ่มเฟือยโดยเฉพาะเสื้อผ้า อย่างไรก็ตามในปี2551 การแข่งขันตลาดสินค้าอุปโภคบริโภคมีความรุนแรงอย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะการทำโปรโมชัน ลด แลก แจก แถม เพื่อกระตุ้นยอดขาย
ส่วนการปรับราคาสินค้าขึ้น จากต้นทุนการผลิตที่สูงขึ้น ในส่วนนี้เชื่อว่ามีการปรับอย่างสมเหตุสมผล เพราะกลไกตลาดหรือการแข่งขันเป็นตัวบีบอยู่แล้ว หากปรับราคาขึ้นมาก็จะมีผลทำให้ผู้บริโภคหันไปซื้อสินค้าคู่แข่ง ซึ่งอาจทำให้แบรนด์สูญเสียส่วนแบ่งตลาด
“ในปี2551 จะมีสินค้าจำนวนมาก ยื่นต่อกรมการค้าภายในเพื่อขอปรับราคาขึ้น สิ่งนี้ผมมองว่าภาครัฐไม่ควรเบรกกลุ่มผู้ประกอบการ ในภาวะอย่างนี้ผมไม่ได้กลัวว่าจะเกิดภาวะเงินเฟ้อ แต่กลัวรายได้ของประชาชนว่าจะไม่ดี อย่างไรก็ตามเศรษฐกิจจะฟื้นหรือไม่ฟื้น ก็ต้องขึ้นอยู่กับนโยบายของรัฐบาลชุดใหม่ที่มาจากการเลือกตั้งด้วย”
ไลอ้อนชี้นวัตกรรมใหม่เจาะเฉพาะส่วน
นายบุญฤทธิ์ มหามนตรี กรรมการผู้จัดการ บริษัท ไลอ้อน ประเทศไทย จำกัด ผู้ผลิตและจัดจำหน่ายสินค้าอุปโภคบริโภคในเครือสหพัฒน์ เปิดเผยว่า ภาพรวมตลาดสินค้าอุปโภคบริโภคในปี 2551 จะมีนวัตกรรมใหม่ๆ ออกมาตอบสนองความต้องการของผู้บริโภคที่เฉพาะเจาะจงมากขึ้น ส่วนด้านราคาสินค้าคาดว่าจะมีการปรับเพิ่มขึ้น เนื่องจากขณะนี้ต้นทุนการผลิตเริ่มทยอยปรับราคาเพิ่มขึ้น อย่างไรก็ตามการปรับราคาขึ้นในครั้งนี้ คาดว่าผู้บริโภคจะรับได้และไม่ตื่นตระหนก เพราะเข้าใจถึงเหตุผลที่สินค้าต้องปรับราคาขึ้น
โอสถสภาระบุเทรนด์ซอยเซกเมนต์บูม
นายวิเชียร สันติมหกุลเลิศ กรรมการผู้จัดการ บริษัท โอสถสภา จำกัด ผู้ผลิตและจัดจำหน่ายสินค้าอุปโภคบริโภค เปิดเผยว่า แนวโน้มตลาดสินค้าอุปโภคบริโภคในปี 2551 จะมีอัตราการเติบโตน้อย เมื่อเทียบกับปี2550 มีอัตราการเติบโต 3-5% ทั้งนี้พบว่ากลุ่มสินค้าอุปโภคบริโภคแทบทุกกลุ่ม มีอัตราการเติบโตน้อยลงทั้งสิ้น ไม่ว่าจะเป็น ตลาดแป้ง ตลาดผลิตภัณฑ์ระงับกลิ่นกาย มีแต่เฉพาะตลาดผลิตภัณฑ์ส่วนบุคคล สำหรับผู้ชายที่มีอัตราการเติบโต เพราะมีฐานตลาดขนาดเล็ก อย่างไรก็ตามเทรนด์ของตลาดจะมีการซอยเซกเมนต์ทางการตลาดมากขึ้น เพื่อตอบสนองความต้องการของผู้บริโภคที่เฉพาะเจาะจง
แมสมาร์เก็ตติงเสื่อมมนต์จริงหรือ
นางสาวลักขณา ลีละยุทธโยธิน ประธานกรรมการบริหาร ภาคพื้นเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ บริษัท เซเรบอส (ประเทศไทย) จำกัด ผู้ผลิตและจัดจำหน่ายซุปไก่สกัดตราแบรนด์ กล่าวว่า ในปี 2551 เป็นยุคแห่งปัจเจกบุคคล ดังนั้นจึงหมดยุคของการทำแมส มาร์เก็ตติง โดยผู้บริโภคจะไม่ยึดเหนี่ยวสิ่งเก่าๆ สนใจการดูแลตัวเองมากขึ้น มีการเปลี่ยนได้อย่างรวดเร็วทำให้วงจรสินค้าสั้นลง ดังนั้นในยุคนี้การตลาดจะเป็นส่วนหนึ่งของการสร้างประสบการณ์เท่านั้น จากนี้ไปนักการตลาดจะต้องมุ่งเน้นการสร้างประสบการณ์ อาทิ การเปิดโชว์รูมพิเศษ สร้างประสาทสัมผัสทั้งทุกส่วนของร่างกาย
ขณะที่กลยุทธ์หนึ่งที่น่าสนใจและสามารถช่วงชิงส่วนแบ่งตลาดได้เป็นอย่างดี คือ การสร้างความมั่นใจและความเชื่อมั่นให้กับผู้บริโภค เนื่องจากเป็นยุคที่ผู้บริโภคมีความเกรงกลัวโรคภัยไข้เจ็บ การก่อการร้าย ความปลอดภัยด้านอาหาร
สำหรับในปี 2551 จะเป็นปีที่เข้าสู่ยุคผู้บริโภคต้องการกลับคืนสู่สามัญ หรือย้อนไปใช้สินค้าในอดีต ความต้องการใช้สินค้าเริ่มหาสิ่งที่ผลิตด้วยธรรมชาติมากขึ้น ขณะเดียวกันพฤติกรรมการซื้อสินค้าจะนิยมสินค้าที่ผลิตแบบสดๆ หรือเห็นด้วยตาเลยว่าเป็นของสดใหม่จริงๆ อีกทั้งยังมีความใส่ใจการอ่านฉลากผลิตภัณฑ์ยิ่งขึ้น ว่ามีอะไรเป็นองค์ประกอบของผลิตภัณฑ์
“ผู้บริโภคในยุคนี้จะเน้นคุณภาพของสินค้ามากกว่าปริมาณ อีกทั้งยังยอมจ่ายเงินแพงเพื่อให้ได้มาซึ่งสินค้ามีคุณภาพ ทั้งนี้สืบเนื่องจากกระแสสุขภาพที่มาแรงอย่างต่อเนื่อง ทำให้ผู้บริโภคไทยใส่ใจในเรื่องของสุขภาพมากขึ้น”
สร้างมูลค่าเพิ่มด้วยอาหารสมองเกิด
นางสาวลักขณา กล่าวเพิ่มเติมว่า นอกจากเทรนด์ของกระแสสุขภาพที่มาแรงในปี 2551 แล้ว ท่ามกลางความเร่งรีบในชีวิตประจำวัน มีผลเป็นอย่างยิ่งที่ทำให้คนไทยเริ่มเปลี่ยนแปลงพฤติกรรมอย่างเห็นได้ชัด เริ่มจากกลุ่มแม่บ้านในยุคนี้จะไม่มีเวลาทำอาหารให้ลูกรับประทาน เนื่องจากข้อจำกัดการดำเนินชีวิตที่เร่งรีบ ดังนั้นจึงต้องการอาหารที่ดีมีคุณภาพให้กับลูกรับประทาน ขณะเดียวก็จะเป็นอาหารที่พร้อมประทานเลย นอกจากนี้ยังมีผู้คนจำนวนมากที่ต้องการการเรียนรู้ไม่สิ้นสุด จึงไม่แปลกกับข้อมูลตัวนี้ว่า 75% ของคนจะต้องการอาหารและผลิตภัณฑ์ที่ป้องการสมองเสื่อม
บทสรุปปีหนูไฟ ทัพสินค้าอุปโภคบริโภคต้องผจญกับต้นทุนการผลิตที่สูงขึ้น กับกลไกตลาดที่แข่งขันกันอย่างรุนแรง บีบคั้นการขึ้นราคา บวกกับเทรนด์ของผู้บริโภคที่เปลี่ยนแปลงไป มีความเป็นปัจเจกบุคคลมากขึ้น ฉลาดและรอบรู้ แมสมาร์เก็ตจะเสื่อมมนต์ขลังหรือไม่ กลยุทธ์การตลาดอย่างไรถึงจะฝ่ามรสุมกำลังซื้อของผู้บริโภคที่ลดลง จากค่าครองชีพสูงขึ้น และนักการตลาดจะปรับตัวอย่างไร เพื่อช่วงชิงส่วนแบ่ง และได้มาซึ่งกำไรด้วยนั้น จึงเป็นการบ้านอย่างหนักในปีชวดนี้
|
|
|
|
|