เมืองไทยประกันชีวิตปลื้มเบี้ยประกันเกินคาด 11 เดือนเบี้ยโต 39% ขณะที่มีเงินกองทุน 6,567 ล้านบาท สูงเป็น 8 เท่าที่คปภ.กำหนด และมีสินทรัพย์กว่า 4.7 หมื่นล้านบาท

นายสาระ ล่ำซำ กรรมการผู้จัดการ บริษัท เมืองไทยประกันชีวิต จำกัด กล่าวว่า การดำเนินงานของบริษัทในปีนี้นั้นถือได้ว่าประสบความสำเร็จเกินคาดซึ่งพิจารณาได้จากผลประกอบการในแต่ละไตรมาสที่โตเกินความคาดหมาย เป็นผลมาจากการพัฒนาคุณภาพในทุกๆด้านของบริษัททั้งด้านบุคลากรและฝ่ายขาย ด้านผลิตภัณฑ์ที่หลากหลายครบทุกความต้องการของผู้เอาประกัน ด้านเทคโนโลยีเครื่องมือการขายที่ทันสมัย และที่สำคัญการพัฒนาช่องทางการตลาดให้มีครบทุกช่องทางซึ่งถือเป็นนโยบายหลักของบริษัทที่ได้ปฏิบัติงานเป็นแห่งแรกและประสบความสำเร็จได้ดี

สำหรับในไตรมาสที่ 4 นั้นบริษัทมีความมั่นใจอย่างยิ่งว่าจะมีอัตราเติบโตที่สูงเกินเป้าหมายที่วางไว้และสูงกว่าค่าเฉลี่ยของธุรกิจอย่างแน่นอน ซึ่งพิจารณาได้จากผลประกอบการเพียง 11 เดือนนั้น บริษัทมีเบี้ยประกันรับปีแรกสูงถึง 5,164 ล้านบาท เติบโตร้อยละ 73.4 และมีเบี้ยประกันต่ออายุสูงถึง 7,230 ล้านบาทเติบโตร้อยละ 21.8 ซึ่งทั้งหมดจะเป็นเบี้ยประกันรับรวม 12,394 ล้านบาท หรือคิดอัตราเติบโตเป็นร้อยละ 39 นับเป็นอัตราการเติบโตที่มั่นคงและแข็งแกร่ง

จากอัตราการเติบโตดังกล่าวส่งผลให้บริษัทมีความมั่นคงและแข็งแกร่งทางการเงินมากขึ้นซึ่งจากการดำเนินงานที่มีประสิทธิภาพส่งผลให้บริษัทมีการเติบโตและแข็งแกร่งด้วยเงินกองทุนสูงถึง 6,567 ล้านบาท ซึ่งสูงเป็น 8 เท่าตามที่สำนักงานคณะกรรมการกำกับและส่งเสริมการประกอบธุรกิจประกันภัย(คปภ.)กำหนด และเทียบเท่ากับ 247% ของมาตรฐานการดำรงเงินกองทุนในการดำเนินงานธุรกิจประกันชีวิตของสหภาพยุโรปหรือ EU Standard ทั้งนี้ ณ วันที่ 30 พ.ย. 2550 บริษัทยังมีสินทรัพย์รวม 47,036 ล้านบาทเงินสำรอง 38,578 ล้านบาท

นอกจากนี้ ในการมุ่งมั่นพัฒนาคุณภาพด้านต่างๆ ของบริษัทตลอดจนการให้ความสำคัญกับผู้เอาประกันของบริษัททุกคน และด้วยการเติบโตอย่างมั่นคงและยั่งยืนจากรากฐานของการประกันชีวิตอย่างแท้จริง อีกทั้งยังมีการบริหารงานอย่างมีคุณภาพ มีความโปร่งใส ภายใต้กรอบบรรษัทภิบาลที่มีคุณธรรมและจริยธรรมในการดำเนินงาน ทำให้บริษัทเติบโตอย่างมั่นคงมาโดยตลอด ซึ่งพิสูจน์ได้จากการจัดอันดับเรทติ้งให้เมืองไทยประกันชีวิต จากสถาบัน Standard and Poor’s หรือ S&P ซึ่งเป็นสถาบันจัดอันดับความน่าเชื่อถือระดับโลก ที่ได้รับการยอมรับในฐานะเป็นผู้ที่ให้บริการข้อมูลทางการเงินและสภาวะเศรษฐกิจ สำหรับลูกค้าและนักลงทุน รวมถึงการจัดอันดับความน่าเชื่อถือให้กับองค์กรธุรกิจและประเทศต่างๆ ทั่วโลก

และผลจากการจัดอันดับในปี 2550 ซึ่งเป็นการจัดอันดับปีที่ 2 นั้น บริษัท เมืองไทยประกันชีวิต จำกัด ยังคงได้รับผลการจัดอันดับเครดิตอยู่ในระดับ BBB+/Stable คือบริษัทมีระดับของความมั่นคงทางการเงินที่ดี และมีแนวโน้มอันดับเครดิตเป็นเสถียรภาพ(Stable Outlook) สะท้อนถึงการคาดหวังว่าเมืองไทยประกันชีวิตจะดำรงโครงร่างทางการเงินที่ดี ในส่วนของความสามารถในการทำกำไรและบริหารต้นทุนที่ดีแม้ว่าจะมีการเติบโตที่มากกว่าค่าเฉลี่ยของธุรกิจ นอกจากนี้ ยังสะท้อนถึงความมั่นคง