ในรายงานซึ่งตีพิมพ์เมื่อเดือนมกราคม 2001 Intergovernmental Panel on
Climate Change (IPCC) สรุปปัญหาว่า นับจากทศวรรษ 1950 ถึงทศวรรษ 1990 ทั่วโลกต้องได้รับความเสียหายทางเศรษฐกิจอันสืบเนื่องมาจากหายนภัยเพิ่มขึ้นถึง
10 เท่าตัว ซึ่งนับรวมถึงภัยธรรมชาติทุกประเภท โดยมีอุทกภัยหรือน้ำท่วมสร้างความเสียหายมากที่สุดในบรรดาภัยที่เกิดจากน้ำด้วยกัน
นิตยสาร Wallpaper ฉบับเดือนธันวาคมยังตีพิมพ์รายงานของ IPCC ต่อไปว่า
ทศวรรษ 1990 ถือเป็นทศวรรษที่โลกเผชิญกับความร้อนสูงที่สุดเท่าที่บันทึกได้
โดยปี 1998 เป็นปีที่ร้อนที่สุด
"โลกยิ่งร้อนมากขึ้นเท่าไร น้ำก็ระเหยกลายเป็นไอมากขึ้นเท่านั้น ทำให้เกิดฝนตกชุกมากขึ้นเป็นเงาตามตัว
ซึ่งนำไปสู่ภาวะน้ำท่วมรุนแรงขึ้น" Dr.Wolfgang Grabs แห่ง World Meteorological
Organization (WMO) อธิบายเสริมให้เห็นภาพชัดขึ้น
นอกจากปัญหาอุทกภัยแล้ว ที่เลวร้ายไม่แพ้กันเห็นจะเป็นสภาพอากาศนั่นเอง
มีการพยากรณ์ว่า เมื่อถึงช่วงปลายของศตวรรษนี้ อุณหภูมิโลกจะสูงขึ้นราว 5-20
เปอร์เซ็นต์ ซึ่งนำไปสู่ภาวะธารน้ำแข็งและภูเขา น้ำแข็งละลายจนก่อให้เกิดน้ำท่วมชายฝั่งทะเล
และการก่อตัวของพายุมากขึ้นในประเทศที่อยู่ต่ำกว่าระดับน้ำทะเลและตามหมู่เกาะขนาดเล็ก
John Sparrow แห่ง International Federation of Red Cross and Red Crescent
Societies (IFRC) ซึ่งรับผิดชอบร่วมกับทีมแก้ปัญหาภัยพิบัติของแต่ละประเทศ
เพื่อให้ความช่วยเหลือแก่ผู้ตกเป็น เหยื่ออุทกภัยทั้งในระยะสั้นและระยะยาวให้ภาพรวมเกี่ยวกับปัญหานี้ว่า
"ปัญหาไม่ได้อยู่ที่การให้ความช่วยเหลือเมื่อเกิดภัยพิบัติ แต่อยู่ที่การหาทางป้องกันมากกว่า
ตอนนี้งบประมาณในส่วนของมาตรการป้องกันมีอยู่น้อยนิดมาก เราจึงต้องการสื่อกับรัฐบาลแต่ละท้องถิ่นว่า
สิ่งจำเป็นเบื้องแรกที่ต้องทำคือ การจัดทำแผนงานระดับภูมิภาคเพื่อป้องกันการเกิดอุทกภัย"
มาตรการที่เชื่อว่าน่าจะได้ผลดีที่สุดสำหรับการรับมือกับอุทกภัย ในปัจจุบันคือ
เทคโนโลยีการพยากรณ์อากาศ ซึ่งองค์กรต่างๆ อาทิ World Weather Watch, NOAA
National Severe Storms Laboratory ในสหรัฐอเมริกา และ European Centre for
Medium-Range Weather Forcasts (ECMWF) จึงใช้วิธีรวบรวมข้อมูลที่ถูกต้องจากแหล่งต่างๆ
ไม่ว่าจะเป็นจากภาพถ่ายดาวเทียม เรดาร์ หอสังเกตการณ์ และคอมพิวเตอร์ เพื่อให้สามารถพยากรณ์อากาศได้อย่างแม่นยำ
10-12 วันล่วงหน้า โดยเน้นที่การสร้างระบบพยากรณ์สภาพอากาศเลวร้ายที่น่าเชื่อถือขึ้นมาให้ได้
"น้ำท่วมฉับพลันจะเกิดในระดับท้องถิ่นและไม่สามารถตรวจพบได้ล่วงหน้า หนทางเดียวที่จะพยากรณ์การเกิดของมันได้ก็คือ
สร้างเครือข่ายเรดาร์ตรวจจับสภาพอากาศขึ้นมา ซึ่งปัจจุบันเครือข่ายหนาแน่นดังกล่าว
จะมีเฉพาะในเขตชุมชนเมืองใหญ่ๆ เท่านั้น" Dr.Wolfgang Grabs แห่ง WMO สะท้อนปัญหา
อย่างไรก็ตาม การพยากรณ์ที่น่าเชื่อถือที่สุดก็มีสิทธิจะไร้ประโยชน์ได้
ถ้ารัฐบาลของแต่ละท้องถิ่นล้มเหลวในการเข้มงวดกับระเบียบการก่อสร้าง การอพยพโยกย้ายผู้คนออกจากเขตน้ำท่วม
และการพัฒนาแผนอพยพโยกย้ายที่มีประสิทธิภาพ