|
Today's News
Cover Story
New & Trend
Indochina Vision
GMS in Law
Mekhong Stream
Special Report
World Monitor
on globalization
Beyond Green
Eco Life
Think Urban
Green Mirror
Green Mind
Green Side
Green Enterprise
Entrepreneurship
SMEs
An Oak by the window
IT
Marketing Click
Money
Entrepreneur
C-through CG
Environment
Investment
Marketing
Corporate Innovation
Strategising Development
Trading Edge
iTech 360°
AEC Focus
Manager Leisure
Life
Order by Jude
The Last page
|
|
เจเอสแอล ฝ่าวิกฤติสู่ฝั่งฝันสำเร็จ รายได้สิ้นปีนี้ตามเป้า 670 ล้านบาท โต 7% จากแผนรุกรายได้ครึ่งปีหลังเต็มกำลัง หลังใจฝ่อที่ครึ่งปีแรกเศรษฐกิจทรุด การเมืองระส่ำ ฉุดรายได้ลดลงน่าใจหาย ส่งผลชะลอแผนลงทุนด้านนิว มีเดียสู่ปีหน้า พร้อมงัด 4 กลยุทธ์หลัก ดันรายได้โตขึ้นอีก 10%
นายวัชระ แวววุฒินันท์ กรรมการผู้จัดการบริษัท เจ เอส แอล จำกัด เปิดเผยว่า ภาพรวมรายได้สิ้นปีนี้ ถือว่าเป็นไปตามเป้าที่วางไว้ คือ 972 ล้านบาท โตขึ้น 7% มาจากคอนเท้นต์ด้านรายการโทรทัศน์ 70% อีเว้นต์ 20% สตูดิโอ 6% และการ์ตูนสำหรับเด็ก 4% ถึงแม้ว่าครึ่งปีแรกรายได้จะต่ำกว่าแผนที่วางไว้ถึง 20% ก็ตาม
แต่หลังจากทางบริษัทฯได้มีการปรับแผนการดำเนินงานภายในองค์กร พร้อมทั้งคืนเวลาแก่สถานีโทรทัศน์ในบางรายการที่ไม่สร้างรายได้ออกไป รวมถึงปรับปรุงรายการเก่าให้มีความน่าสนใจอย่างต่อเนื่อง ส่งผลให้ยอดรายได้ในครึ่งปีหลังดีขึ้น จนทำให้รายได้รวมทั้งปีเป็นไปตามเป้าที่วางไว้ ซึ่งปัจจัยบวกในครึ่งปีหลังอีกอย่างหนึ่งคือ การเลือกตั้ง ที่ส่งผลต่อความมั่นใจแก่ผู้บริโภคในระดับหนึ่งด้วย
จากความสำเร็จดังกล่าว ส่งผลให้แผนการดำเนินธุรกิจในปี 2551 ของทางบริษัทฯจะดำเนินตามแผนกลยุทธ์หลัก 4 ข้อ คือ 1. สร้างความแข็งแรงให้กับรายการโทรทัศน์ที่ผลิตอยู่ในปัจจุบัน จำนวน 12 รายการ คิดเป็นเวลารวมกว่า 11 ชั่วโมง 55 นาที ต่อ สัปดาห์ จากเดิมที่ดีอยู่แล้วก็ต้องให้มีความน่าสนใจเพิ่มมากขึ้น เพราะเชื่อว่ารายการที่แข็งแรง ผู้ชมให้ความสนใจ ก็จะสร้างรายได้ได้มากขึ้น รวมถึงการขายสปอร์ตโฆษณาที่จะดีขึ้นด้วย ทั้งนี้ปี2550 มี 3 รายการหลักที่สร้างรายได้สูงสุด คือ 07โชว์ เจาะใจ และคริส ดีลิเวอรี่
2.ขยายฐานกลุ่มเป้าหมายในกลุ่มใหม่ๆมากยิ่ง โดยเฉพาะกลุ่มวัยรุ่น ซึ่งธุรกิจที่จะนำมาใช้ในส่วนนี้ คือ นิว มีเดีย กับเว็บไซด์ที่จะเปิดตัวในปีหน้า 3.เพิ่มช่องทางสร้างรายได้ ไม่ว่าจะเป็นการต่อยอดรายได้จากรายการที่มีอยู่หรือธุรกิจทั้งหมดในเครือ เช่น การออกพ๊อกเก็ตบุ๊ก หรือดีวีดีต่างๆ รวมทั้งกรณีการรับจ้างผลิตรายการ จากกรณีที่ทีไอทีวีมาเป็นทีวีสาธารณะด้วย และ4.เพิ่มพันธมิตร ซึ่งในปีหน้าบริษัทฯจะเน้นหาพันธมิตรเข้ามาร่วมลงทุนมากยิ่งขึ้น เช่น รายการใหม่ “กลมกิ๊ก” ที่จะออกอากาศทางช่อง 5 วันอาทิตย์เวลา 18.00-19.00น.ที่เป็นรายการที่ทำร่วมกันร่วมกับบริษัท ทริปเปิ้ลทู ของซูโม่กิ๊ก-เกียรติ กิจเจริญ
นายวัชระ กล่าวต่อว่า อย่างไรก็ตามจากสถานการณ์เศรษฐกิจที่ไม่ค่อยดีในปีนี้ ทางบริษัทฯได้มีการชะลอแผนการลงทุนที่จะเปิดตัวบริษัทใหม่ขึ้นมาดูแลธุรกิจเกี่ยวกับ นิว มีเดีย ทางด้านเว็บไซด์ทางอินเทอร์เน็ตออกไปเป็นปีหน้าแทน โดยธุรกิจใหม่นี้มีแผนที่จะเปิดตัวอย่างเป็นทางการภายในเดือนกุมภาพันธ์ 2551 ซึ่งเป็นเว็บไซด์ที่จะตอบโจทย์ไลฟ์สไตล์ของกลุ่มวัยรุ่นได้อย่างชัดเจน
นอกจากนี้ปีหน้า บริษัทฯมีรายการทั้งหมด 12 รายการ โดยมี 2 รายการใหม่เพิ่มมา คือ คืนนี้ วันนั้น ออกอากาศทางช่อง 5 วันอังคาร เวลา 22.00-23.00น.และรายการ กลมกิ๊ก อีกหนึ่งรายการ จะเป็นอีกส่วนหนึ่งที่จะช่วยให้รายได้ในปีหน้า คาดว่าจะมีการเติบโตสูงถึง 10% คิดเป็นมูลค่าประมาณ 1,080 ล้านบาท
อีกทั้งในปีหน้าบริษัทฯยังเตรียมโครงการเพื่อสังคมอีก 1 โครงการ เกี่ยวกับภาวะโลกร้อน ซึ่งจะคาดว่าจะใช้งบประมาณ 100 ล้านบาท โดยจะเป็นการรณรงค์อย่างจริงจัง ซอดแทรกในรายการต่างๆ เช่น เจาะใจ เป็นต้น หลังจากที่ประสบความสำเร็จจาก 2 โครงการในปีนี้ คือ พ.ศ.พอเพียง และการศึกษาทางไกลผ่านดาวเทียม ที่ร่วมกับเชฟล่อน
|
|
|
|
|