Search Resources
 
Login เข้าระบบ
สมัครสมาชิกฟรี
ลืมรหัสผ่าน
 
  homenewsmagazinecolumnistbooks & ideaphoto galleriesresources50 managermanager 100join us  
 
 


bulletToday's News
bullet Cover Story
bullet New & Trend

bullet Indochina Vision
bullet2 GMS in Law
bullet2 Mekhong Stream

bullet Special Report

bullet World Monitor
bullet2 on globalization

bullet Beyond Green
bullet2 Eco Life
bullet2 Think Urban
bullet2 Green Mirror
bullet2 Green Mind
bullet2 Green Side
bullet2 Green Enterprise

bullet Entrepreneurship
bullet2 SMEs
bullet2 An Oak by the window
bullet2 IT
bullet2 Marketing Click
bullet2 Money
bullet2 Entrepreneur
bullet2 C-through CG
bullet2 Environment
bullet2 Investment
bullet2 Marketing
bullet2 Corporate Innovation
bullet2 Strategising Development
bullet2 Trading Edge
bullet2 iTech 360°
bullet2 AEC Focus

bullet Manager Leisure
bullet2 Life
bullet2 Order by Jude

bullet The Last page








 
ผู้จัดการรายสัปดาห์24 ธันวาคม 2550
โบรกฯมอง PTTAR แข็งแกร่ง ครบวงจรโรงกลั่นอะโรเมติกส์หลังคลอด             
 


   
www resources

โฮมเพจ อะโรเมติกส์ (ประเทศไทย)

   
search resources

อะโรเมติกส์ (ประเทศไทย), บมจ.
Chemicals and Plastics




หลังจากพูดถึงเรื่องควบรวมกันมานาน ปัจจุบันหุ้นของ บมจ.อะโรเมติกส์ (ประเทศไทย)(ATC) และ บมจ. โรงกลั่นน้ำมันระยอง (RRC) ได้หยุดทำการซื้อขายแล้วเพื่อดำเนินการตามขั้นตอนของการควบรวมกิจการ ซึ่งหลักทรัพย์ใหม่จะจดทะเบียนภายใต้ชื่อ บมจ. ปตท. อะโรเมติกส์และการกลั่น (PTTAR) โดยจะดำเนินธุรกิจกลั่นน้ำมันและจัดหาผลิตภัณฑ์ปิโตรเลียมสำเร็จรูป ซึ่งประกอบด้วย น้ำมันสำเร็จรูปชนิดเบา น้ำมันสำเร็จรูปกึ่งหนักกึ่งเบา และน้ำมันสำเร็จรูปชนิดหนัก และกิจการผลิตและจำหน่ายผลิตภัณฑ์อะโรเมติกส์ และผลิตภัณฑ์ปิโตรเลียมอื่นๆ และจะกลับมาซื้อขายอีกครั้งในวันที่ 2 ม.ค. 2551

บริษัทหลักทรัพย์(บล.)เกียรตินาคิน ประเมินว่า หลังควบรวมกิจการแล้วบริษัทจะมีความยืดหยุ่นในการปรับเปลี่ยนแผนการผลิตให้สอดคล้องกับแนวโน้มราคาผลิตภัณฑ์ได้ดีขึ้น รวมทั้งผลิตภัณฑ์บางส่วนสามารถนำกลับมาใช้ในการผลิต เพื่อสร้างมูลค่าเพิ่มได้อีก

สำหรับธุรกิจปิโตรเคมีจะมีการผลิตสารอะโรเมติกส์ในรูปของ สารเบนซีน โทลูอีน และสารไซลีน ซึ่งประกอบไปด้วยสารพาราไซลีน สารออร์โทไซลีน และสารมิกซ์ไซลีน โดยกำลังการผลิตหลังควบรวมกิจการ และโครงการอะโรเมติกส์แห่งที่ 2 จะทำให้ PTTAR มีกำลังการผลิตสารอะโรเมติกส์รวม 2.23 ล้านตันต่อปี และโครงการ Phenol และโครงการ Cyclohexane ซึ่งการนำเอาสาร Benzene ที่ได้จากกระบวนการผลิตใน ATC 1 และ 2 มาเพิ่มมูลค่า นอกจากนี้ยังมีธุรกิตผลิตไฟฟ้า และไอน้ำ รวมถึงธุรกิจบริการด้านเทคโนโลยีสารสนเทศ และการสื่อสาร ซึ่งเกิดจากการร่วมทุนของบริษัทในกลุ่ม PTT โดยเป็นการลงทุนใน PTTUT และ PTTICT ตามลำดับ

ทั้งนี้ผลิตภัณฑ์ส่วนใหญ่ทั้งปิโตรเลียม และอะโรเมติกส์ จะมีสัญญาขายกับทาง PTT ขณะที่ผลิตภัณฑ์บางส่วนสามารถนำกลับมาใช้ในการผลิต เพื่อสร้างมูลค่าเพิ่มได้อีก เช่น Reformate ที่ได้จากกระบวนการกลั่นของ RRC สามารถไปผลิตเป็นสารอะโรเมติกส์ได้ เพื่อสร้างมูลค่าเพิ่ม ซึ่งเป็นการลดความผันผวนของส่วนต่างราคาผลิตภัณฑ์ ทำให้บริษัทสามารถมีความยืดหยุ่นในการปรับเปลี่ยนแผนการผลิตให้สอดคล้องกับแนวโน้มราคาผลิตภัณฑ์ได้ดีขึ้น ถือเป็นประโยชน์อีกอย่างหนึ่งของการควบรวมกิจการ

ด้านแผนงานในอนาคตหลังควบรวมกิจการจะเป็นการลงทุนขยายกำลังการผลิตของ ATC 2 ซึ่งเป็นการเพิ่มกำลังผลิตของโรงงาน ATC อีก 1.04 ล้านตันต่อปี ซึ่งจะเพิ่มความสามารถในการผลิตอะโรเมติกส์จาก Reformate ที่จากกระบวนการกลั่นน้ำมันจากโรงกลั่น RRC มูลค่าโครงการประมาณ 551 ล้านเหรียญ ด้าน RRC จะลงทุนในส่วนของ Reformer Unit ช่วยในการแยก Condensate กับ Reformate และโครงการ Upgrading Unit ซึ่งผลิตผลิตภัณฑ์ปิโตรเลียมจาก Condensate Residue ด้วยมูลค่าโครงการกว่า 522 ล้านเหรียญ โดยปัจจุบันทั้ง 3 โครงการดังกล่าวอยู่ระหว่างการก่อสร้าง และคาดว่าจะสามารถดำเนินการผลิตเชิงพาณิชย์ได้ประมาณไตรมาส 3 ของปี 2551

สำหรับโครงการ ATC Revamp 1 เป็นการเพิ่มกำลังการผลิตสารพาราไซลีนของ ATC 1 จาก 5.4 แสนตันต่อปี เป็น 5.7 แสนตันต่อปี ใช้เงินลงทุนประมาณ 27 ล้านเหรียญ คาดว่าจะเริ่มดำเนินการผลิตเชิงพาณิชย์ได้ประมาณไตรมาส 3 ของปี 2551 ส่วนโครงการ Condensate Tank สำหรับโครงการ Reformer Unit เป็นการก่อสร้างถังบรรจุ Condensate ประมาณ 3 ถัง ขนาดบรรจุรวม 240,000 ตัน เพื่อรองรับความต้องการใช้ในโครงการ Reformer Unit ซึ่งปัจจุบันต้องเช่าจากผู้ประกอบการรายอื่นอยู่ คาดใช้เงินลงทุนประมาณ 30 ล้านเหรียญ และคาดว่าจะสร้างเสร็จประมาณ Q3/51 และจะพร้อมกับโครงการ Reformer Unit

ดังนั้นจึงให้น้ำหนักการลงทุน รวมทั้งมองว่า PTTAR จะมีความแข็งแกร่งเพิ่มขึ้นหลังการควบรวมกิจการในปี 2551 โดยความสามารถในการแข่งขันทางธุรกิจที่ดีขึ้น จากความยืดหยุ่นของบริษัทในการผลิตที่ดีขึ้น ลดความผันผวนของประกอบการลง ประเมินราคาที่เหมาะสมปี 2551 ของ PTTAR ไว้ที่ 62 บาท   




 








upcoming issue

จากโต๊ะบรรณาธิการ
past issue
reader's guide


 



home | today's news | magazine | columnist | photo galleries | book & idea
resources | correspondent | advertise with us | contact us