|
Today's News
Cover Story
New & Trend
Indochina Vision
GMS in Law
Mekhong Stream
Special Report
World Monitor
on globalization
Beyond Green
Eco Life
Think Urban
Green Mirror
Green Mind
Green Side
Green Enterprise
Entrepreneurship
SMEs
An Oak by the window
IT
Marketing Click
Money
Entrepreneur
C-through CG
Environment
Investment
Marketing
Corporate Innovation
Strategising Development
Trading Edge
iTech 360°
AEC Focus
Manager Leisure
Life
Order by Jude
The Last page
|
|
เอสเอ็มอีแบงก์เปิดแผนงานปี 2551 วางเป้าหมายปล่อยสินเชื่อ 2.7 หมื่นล้านบาทเพิ่มจากปีนี้ที่คาดจะปล่อยได้ทั้งปี 2.5 หมื่นล้านบาท ยอมรับปีนี้พลาดเป้าหมื่นล้านบาทเหตุเศรษฐกิจชะลอตัวสูง ขณะที่ปีหน้าเอสเอ็มอียังมีปัจจัยเสี่ยงหลายด้านโดยเฉพาะน้ำมัน เล็งแผนระดมเงินจากหลายที่หวังปล่อยสินเชื่อดอกเบี้ยต่ำ
นายพงษ์ศักดิ์ ชิวชรัตน์ กรรมการผู้จัดการธนาคารพัฒนาวิสาหกิจขนาดกลางและย่อมแห่งประเทศไทย( เอสเอ็มอีแบงก์) เปิดเผยว่า แผนการดำเนินงานปี 2551 ตั้งเป้าหมายที่จะปล่อยสินเชื่อให้แก่วิสาหกิจขนาดกลางและย่อมหรือเอสเอ็มอีประมาณ 2.7 หมื่นล้านบาทจากปีนี้ที่คาดว่าจะอยู่ในระดับ 2.5 หมื่นล้านบาท ลดหนี้ที่ไม่ก่อให้เกิดรายได้หรือ NPL เฉลี่ย 33-35% จากเฉลี่ยขณะนี้อยู่ระดับ 50% โดย จะเน้นปล่อยสินเชื่อที่จะกระจายไปยังกลุ่มภาคการผลิต อุตสาหกรรมบริการ เทรดดิ้ง การเกษตรให้มากขึ้น
"เดิมทีปีนี้เราตั้งเป้าหมายปล่อยสินเชื่อไว้ประมาณ 3.5 หมื่นล้านบาทก็ถือว่าไม่เป็นไปตามแผนเพราะเดิมคาดว่าเศรษฐกิจจะขยายตัวแต่ปรากฏว่าชะลอตัวลงมาก และปีหน้าเองก็มีปัจจัยเสี่ยงด้านเศรษฐกิจพอสมควรไม่ว่าจะเป็นน้ำมัน ปัญหาสินเชื่อภาคอสังหาริมทรัพย์ด้อยคุณภาพหรือซับไพร์ม ที่จะต้องเหนื่อยกันอีก"นายพงษ์ศักดิ์กล่าว
ทั้งนี้วันที่ 26 ธันวาคมนี้คลังจะเพิ่มทุนจดทะเบียนอีก 1,200 ล้านบาทจากที่ขอไป 2,500 ล้านบาทดังนั้นเป้าหมายในปีหน้าได้วางยุทธศาสตร์ที่จะสรรหาเงินกู้ที่เป็นดอกเบี้ยต่ำ 6-7% ในการปล่อยกู้ซึ่งมองจาก 3 แหล่งได้แก่ 1.เงินฝากของประชาชนเช่น ธนาคารออมสิน ประกันสังคม ธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์ หรือธ.ก.ส. เป็นต้น 2. ของบประมาณรัฐบาลสนับสนุนเป็นพิเศษ 3. การออกพันธบัตรซึ่งวางแผนที่จะออกประมาณ 3 หมื่นล้านบาทระยะเวลา 3-5 ปี โดยคงจะต้องดูจังหวะการออกที่เหมาะสมด้วย
สำหรับการปรับโครงสร้างองค์กรขณะนี้ถือว่าได้มีการปรับไปพอสมควรแล้วโดยเฉพาะขนาดของพนักงานได้ลดลงจาก 1,900 คนเหลือ 1,700 คันซึ่งจะทำให้มีขนาดที่เหมาะสมมากขึ้น นอกจากนี้ยังอยู่ระหว่างรอผลสรุปจากบริษัทที่ปรึกษาในการประเมินขนาดองค์กรที่เหมาะสมในเดือนม.ค. 2551 อีกครั้งซึ่งก็จะทำให้เอสเอ็มอีแบงก์เป็นองค์กรที่มีประสิทธิภาพมากขึ้นในอนาคต
นายพงษ์ศักดิ์กล่าวว่า แผนงานสำคัญอีกแผนหนึ่งในปี 2551 คือการร่วมกับสำนักงานคณะกรรมการคุ้มครองผู้บริโภคหรือสคบ.ที่จะปล่อยสินเชื่อในการส่งเสริมฯให้ผู้ผลิตหม้อต้มก๋วยเตี๋ยว หรือหม้อซุบที่มีการใช้สารตะกั่วในการปัดกรีรอยต่อทำให้เกิดอันตรายต่อผู้บริโภคระยะยาว โดยได้เตรียมวงเงินไว้ 5,000 ล้านบาทที่จะให้โรงงานเปลี่ยนเครื่องจักรผลิตที่ทำจากสแตนเลสสตีลที่ไม่มีรอยต่อ
|
|
|
|
|