|
Today's News
Cover Story
New & Trend
Indochina Vision
GMS in Law
Mekhong Stream
Special Report
World Monitor
on globalization
Beyond Green
Eco Life
Think Urban
Green Mirror
Green Mind
Green Side
Green Enterprise
Entrepreneurship
SMEs
An Oak by the window
IT
Marketing Click
Money
Entrepreneur
C-through CG
Environment
Investment
Marketing
Corporate Innovation
Strategising Development
Trading Edge
iTech 360°
AEC Focus
Manager Leisure
Life
Order by Jude
The Last page
|
|
3 สมาคมอสังหาฯชี้โจทย์ใหญ่ของรัฐบาลหลังการเลือกตั้ง พุ่งเป้าเร่งสร้างความเชื่อมั่น เพื่อพลิกฟื้นเศรษฐกิจไทยให้เติบโต การเมืองต้องมีเอกภาพและสมานฉันท์ สานต่อโครงการเมกะโปรเจกต์ สร้างงานให้เกิดขึ้น
นายสมเชาว์ ตันฑเทอดธรรม กรรมการผู้จัดการ บริษัท เอ็น.ซี.เฮ้าส์ซิ่ง จำกัด (มหาชน) หรือ NCH ในฐานะนายกสมาคมอสังหาริมทรัพย์ไทย เปิดเผยว่า รัฐบาลควรสร้างความเชื่อมั่นของประชาชนและนักลงทุนให้เกิดขึ้น เพื่อให้ทุกฝ่ายกล้าที่จะจับจ่ายใช้สอย ซึ่งจะสะท้อนกลับมายังภาพรวมของเศรษฐกิจ ทำให้ตลาดรวมของอสังหาริมทรัพย์ปรับตัวดีขึ้น
"จุดสำคัญคือ ทำอย่างไรที่จะเกิดความเชื่อมั่นขึ้น ซึ่งมีหลายมิติที่ต้องมอง ทั้งเรื่องของความเป็นเอกภาพทางการเมือง การผลักดันงบประมาณแผ่นดินให้ลุล่วง อย่าลืมว่า ขณะนี้ประเทศไทยกำลังเจอศึก 2 ด้าน คือ ศึกในประเทศเองที่มีปัญหา ขณะที่ศึกภายนอกที่เป็นปัจจัยนอกเหนือการควบคุม เช่น ความผันผวนของราคาน้ำมัน อัตราดอกเบี้ย รวมถึงปัญหาซับไพรม์ ที่มีผลต่อประเทศไทย แต่หากรัฐบาลหลังการเลือกตั้ง สามารถประคองภาพรวมของเศรษฐกิจได้ ก็จะทำให้ปัญหาลดน้อยลงได้ " นายสมเชาว์กล่าวและว่า
แม้ภาพรวมของประเทศพอจะมีจุดแข็งที่จะประคองให้เศรษฐกิจเดินได้ แต่ความเห็นส่วนตัวแล้ว ยังมีหลายเรื่องที่ประเทศไทยยังมีจุดอ่อน เช่น เรื่องของการส่งเสริมวิจัยและการพัฒนา (R&D) การเพิ่มขีดความสามารถของผู้ประกอบการในภาคอุตสาหกรรมต่างๆยังไม่สูงขึ้น และกฎหมายและกฎเกณฑ์ต่างๆ ที่จะเปิดกว้างให้แก่นักลงทุนต่างประเทศ จะเป็นไปในลักษณะของการเปิดกว้างหรือกีดกันนักลงทุนต่างประเทศมากน้อยแค่ไหน
นายสมเชาว์กล่าวว่า ในประเด็นเรื่องของมาตรการกระตุ้นอสังหาริมทรัพย์นั้น คิดว่าการที่รัฐบาลใหม่จะเข้ามาส่งเสริมหรือสานต่อนโยบายเดิม ก็คือขึ้นแนวทางและมุมมองของรัฐบาล เพียงแต่พื้นฐานใหญ่ขณะนี้คือ ต้องมาดูเรื่องความเชื่อมั่นเป็นหลัก
คนไทยมีเงินแต่ไม่กล้าใช้จ่าย
นายอธิป พีชานนท์ กรรมการและผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการ บริษัท ศุภาลัย จำกัด (มหาชน) ในฐานะ นายกสมาคมอาคารชุดไทย กล่าวว่า สิ่งที่อยากได้จากรัฐบาลใหม่คือเสถียรภาพทางการเมือง หากมีเสถียร-ภาพ แนวโน้มความเชื่อมั่นของผู้บริโภคก็จะกลับมา เพราะเศรษฐกิจปัจจุบันของประเทศไทยมีศักยภาพอยู่แล้ว เพียงแต่ขาดความเชื่อมั่นของประชาชนและนักลงทุนเท่านั้น
"ทุกวันนี้คนไทยมีเงินในกระเป๋า ไม่ใช่ว่าไม่มี แต่ที่ขาดคือความเชื่อมั่น ทำให้เกิดการชะลอการตัดสินใจซื้อของผู้บริโภค เพราะนักการเมืองทะเลาะกัน ถ้ารัฐบาลมีเสถียรภาพบ้านเมืองสงบ ทุกอย่างก็จะกลับมาดีเอง ขอเพียงรัฐบาลอย่าเป็นตัวถ่วงเท่านั้น อะไรที่ต้องสานต่อก็สานต่อไปโดยเร็ว เพราะก่อนหน้านั้น ประเทศชาติเสียหายมามากแล้วจากการทะเลาะกันของนักการเมือง เช่น โครงการขนาดใหญ่และระบบสาธารณูปโภคต่างๆ ซึ่งเรื่องเหล่านี้จำเป็นต้องสานต่อและเร่งดำเนินการ ที่ผ่านมาการทะเลาะกัน และไม่มีการสานต่องานทำให้เกิดความเสียหายมาก เช่น โครงการเมกะโปรเจกต์ที่ชะลอการดำเนินการ ทำให้ขณะนี้ต้นทุนการก่อสร้างต่างๆ ปรับตัวสูงขึ้นมาก"
ทั้งนี้ หากการก่อสร้างและการลงทุนโครงการขนาดใหญ่ดำเนินการไปอย่างต่อเนื่อง ก็จะช่วยให้เศรษฐกิจกลับมาขยายตัวอีกครั้ง การลงทุนต่างๆ ก็จะกลับมาขยายตัวด้วย ซึ่งการลงทุนดังกล่าวจะก่อให้เกิดทำเลใหม่ๆ และการเติบโตของตลาดที่อยู่อาศัย รวมถึงพื้นที่พาณิชย์ต่างๆ ก็จะเกิดขึ้น ดังนั้นเมื่อเกิดการลงทุนการขยายตัวของธุรกิจก็จะตามมาเอง โดยที่รัฐบาลไม่ต้องเข้ามาช่วยเหลืออะไร เพียงแต่สร้างให้เกิดความเสถียรภาพในรัฐบาลเท่านั้น ก็จะช่วยได้มากแล้ว
สำหรับกรณีที่พรรคไหนหรือใครจะมาเป็นนายกรัฐมนตรีนั้น โดยส่วนตัวแล้วไม่สนใจว่าใครจะมาก ขอเพียงเข้ามาแล้วขยันทำงาน กระตุ้นทุกอย่างให้เดินหน้าไป เพื่อเรียกความเชื่อมั่นกลับมา หากเข้ามาแล้วไม่ทำงาน และอ้างว่างบประมาณไม่มีก็จบ เพราะความจริงแล้วเรื่องการอนุมัติงบประมาณนั้นจบไปตั้งแต่เดือน ต.ค.ที่ผ่านมาแล้ว หากยังอ้างว่ารองบประมาณใหม่ก็จะไม่ช่วยอะไรให้ดีขึ้น
"จะมัวแต่รองบประมาณใหม่ก็ถือว่าไม่ได้เข้ามาสร้างอะไรให้ประเทศชาติเลย และยิ่งหากเข้ามาแล้วจะมุ่งแต่แก้กฎหมายช่วยเหลือพรรคพวก หรือช่วยเหลือใครคนใดคนหนึ่ง หลังจากออกกฎหมายแล้วใหม่แล้วก็ล้มกระดานเลือกตั้งใหม่ก็ยิ่งทำให้สิ้นเปลืองงบประมาณประเทศ ซึ่งจะทำให้เสียงบประมาณฟรี"
ทั้งนี้ หวังว่าใครที่เข้ามาเป็นรัฐบาลชุดใหม่ ก็จะเข้ามาแก้ปัญหา เพราะภาวะในประเทศจะแย่อยู่แล้ว ยิ่งในปีหน้าปัญหาหรือปัจจัยจากภายนอกที่ก่อตัวใหม่กำลังจะเข้ามากระทบอีกจำนวนมาก ไม่ว่าจะเป็นภาวะราคาน้ำมัน ภาวะปัญหาในสหรัฐอเมริกา ที่จะส่งผลกระทบไปทั่วโลกรวมถึงประเทศไทยด้วย
สานต่อโครงการขนาดใหญ่
นายอิสระ บุญยัง กรรมการผู้จัดการ บริษัท กานดา พร็อพเพอร์ตี้ จำกัด ในฐานะอุปนายกสมาคมบ้านจัดสรร กล่าวว่า ในช่วงที่ผ่านมา ไม่ว่าพรรคไหนที่เข้ามาเป็นรัฐบาลก็ไม่มีความแตกต่าง ดังนั้น สำหรับรัฐบาลชุดใหม่ที่จะเข้ามานั้นจะเป็นพรรคไหนก็ได้ แต่ขอให้เข้ามาแล้วทำงานอย่างจริงจังและสานต่องานเดิมที่ยังคงค้างอยู่ และรัฐบาลแต่ละชุดเองที่เข้ามาต่างก็เป็นไปตามวงจรทางการเมือง ดังนั้น ไม่ว่ารัฐบาลชุดไหนเข้ามาก็ขอเพียงให้สร้างเสถียรภาพ และไม่ความรุนแรงเกิดขึ้นก็พอ
ส่วนความต้องการที่เป็นรูปธรรมทางเศรษฐกิจนั้น เชื่อว่าไม่ได้ทุกพรรคที่เสนอตัวเข้ามาครั้งนี้ ต่างก็ไม่มีพรรคใดที่จะปฏิเสธการสานต่องานลงทุนก่อสร้างระบบโครงสร้างพื้นฐานและระบบสาธารณูปโภค ซึ่งหากมีการเข้ามาสานต่อกันทุกพรรค จะช่วยสร้างความเชื่อมั่นใจแก่นักลงทุนและผู้บริโภคได้ ส่วนความมีเสถียรภาพทางการเมืองนั้นหากมีความเป็นไปได้ก็จะช่วยฟื้นความเชื่อมั่นของตลาดกลับมาได้
"ทั้งนี้ ไม่ว่าจะเป็นพรรคประชาธิปัตย์ หรือพรรคพลังประชาชนที่จะเข้ามาเป็นรัฐบาล เชื่อว่าไม่มีความแตกต่างจะต่างกันก็ตรงที่ หากพรรคประชาธิปัตย์เข้ามาก็จะทำให้มีรัฐบาลผสมหลายพรรครวมกันหน่อย แต่ถ้าเป็นพรรคพลังประชาชนเข้ามาเป็นรัฐบาลก็จะทำให้พรรคร่วมรัฐบาลน้อยหน่อย เพราะหากเป็นไปตามที่หลายฝ่ายคาดการคือ พรรคพลังประชาชนได้เสียงข้างมาก"
แต่อย่างไรก็ตามแม้ว่ารัฐบาลใหม่จะเป็นรัฐบาลผสม แต่ก็จะช่วยสร้างความเชื่อมั่นให้เกิดขึ้นแน่นอน ไม่ว่าจะเป็นทั้งด้านการเมืองและเศรษฐกิจ การลงทุน ในขณะที่รัฐบาลที่เข้ามาใหม่นั้น เชื่อว่าทุกพรรคต่างก็ผ่านปัญหากันมามากแล้ว ดังนั้นรัฐบาลใหม่ควรเน้นในเรื่องการสร้างความสมานฉันท์มากกว่าจะเข้ามาทะเลาะกัน
|
|
|
|
|