Search Resources
 
Login เข้าระบบ
สมัครสมาชิกฟรี
ลืมรหัสผ่าน
 
  homenewsmagazinecolumnistbooks & ideaphoto galleriesresources50 managermanager 100join us  
 
 


bulletToday's News
bullet Cover Story
bullet New & Trend

bullet Indochina Vision
bullet2 GMS in Law
bullet2 Mekhong Stream

bullet Special Report

bullet World Monitor
bullet2 on globalization

bullet Beyond Green
bullet2 Eco Life
bullet2 Think Urban
bullet2 Green Mirror
bullet2 Green Mind
bullet2 Green Side
bullet2 Green Enterprise

bullet Entrepreneurship
bullet2 SMEs
bullet2 An Oak by the window
bullet2 IT
bullet2 Marketing Click
bullet2 Money
bullet2 Entrepreneur
bullet2 C-through CG
bullet2 Environment
bullet2 Investment
bullet2 Marketing
bullet2 Corporate Innovation
bullet2 Strategising Development
bullet2 Trading Edge
bullet2 iTech 360°
bullet2 AEC Focus

bullet Manager Leisure
bullet2 Life
bullet2 Order by Jude

bullet The Last page








 
ผู้จัดการรายวัน24 ธันวาคม 2550
การเมืองนิ่งปลุกอสังหาฯคนซื้อบ้านกล้า"ก่อหนี้"             
 


   
search resources

สมเชาว์ ตันฑเทอดธรรม
Real Estate




3 สมาคมอสังหาฯชี้โจทย์ใหญ่ของรัฐบาลหลังการเลือกตั้ง พุ่งเป้าเร่งสร้างความเชื่อมั่น เพื่อพลิกฟื้นเศรษฐกิจไทยให้เติบโต การเมืองต้องมีเอกภาพและสมานฉันท์ สานต่อโครงการเมกะโปรเจกต์ สร้างงานให้เกิดขึ้น

นายสมเชาว์ ตันฑเทอดธรรม กรรมการผู้จัดการ บริษัท เอ็น.ซี.เฮ้าส์ซิ่ง จำกัด (มหาชน) หรือ NCH ในฐานะนายกสมาคมอสังหาริมทรัพย์ไทย เปิดเผยว่า รัฐบาลควรสร้างความเชื่อมั่นของประชาชนและนักลงทุนให้เกิดขึ้น เพื่อให้ทุกฝ่ายกล้าที่จะจับจ่ายใช้สอย ซึ่งจะสะท้อนกลับมายังภาพรวมของเศรษฐกิจ ทำให้ตลาดรวมของอสังหาริมทรัพย์ปรับตัวดีขึ้น

"จุดสำคัญคือ ทำอย่างไรที่จะเกิดความเชื่อมั่นขึ้น ซึ่งมีหลายมิติที่ต้องมอง ทั้งเรื่องของความเป็นเอกภาพทางการเมือง การผลักดันงบประมาณแผ่นดินให้ลุล่วง อย่าลืมว่า ขณะนี้ประเทศไทยกำลังเจอศึก 2 ด้าน คือ ศึกในประเทศเองที่มีปัญหา ขณะที่ศึกภายนอกที่เป็นปัจจัยนอกเหนือการควบคุม เช่น ความผันผวนของราคาน้ำมัน อัตราดอกเบี้ย รวมถึงปัญหาซับไพรม์ ที่มีผลต่อประเทศไทย แต่หากรัฐบาลหลังการเลือกตั้ง สามารถประคองภาพรวมของเศรษฐกิจได้ ก็จะทำให้ปัญหาลดน้อยลงได้ " นายสมเชาว์กล่าวและว่า

แม้ภาพรวมของประเทศพอจะมีจุดแข็งที่จะประคองให้เศรษฐกิจเดินได้ แต่ความเห็นส่วนตัวแล้ว ยังมีหลายเรื่องที่ประเทศไทยยังมีจุดอ่อน เช่น เรื่องของการส่งเสริมวิจัยและการพัฒนา (R&D) การเพิ่มขีดความสามารถของผู้ประกอบการในภาคอุตสาหกรรมต่างๆยังไม่สูงขึ้น และกฎหมายและกฎเกณฑ์ต่างๆ ที่จะเปิดกว้างให้แก่นักลงทุนต่างประเทศ จะเป็นไปในลักษณะของการเปิดกว้างหรือกีดกันนักลงทุนต่างประเทศมากน้อยแค่ไหน

นายสมเชาว์กล่าวว่า ในประเด็นเรื่องของมาตรการกระตุ้นอสังหาริมทรัพย์นั้น คิดว่าการที่รัฐบาลใหม่จะเข้ามาส่งเสริมหรือสานต่อนโยบายเดิม ก็คือขึ้นแนวทางและมุมมองของรัฐบาล เพียงแต่พื้นฐานใหญ่ขณะนี้คือ ต้องมาดูเรื่องความเชื่อมั่นเป็นหลัก

คนไทยมีเงินแต่ไม่กล้าใช้จ่าย

นายอธิป พีชานนท์ กรรมการและผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการ บริษัท ศุภาลัย จำกัด (มหาชน) ในฐานะ นายกสมาคมอาคารชุดไทย กล่าวว่า สิ่งที่อยากได้จากรัฐบาลใหม่คือเสถียรภาพทางการเมือง หากมีเสถียร-ภาพ แนวโน้มความเชื่อมั่นของผู้บริโภคก็จะกลับมา เพราะเศรษฐกิจปัจจุบันของประเทศไทยมีศักยภาพอยู่แล้ว เพียงแต่ขาดความเชื่อมั่นของประชาชนและนักลงทุนเท่านั้น

"ทุกวันนี้คนไทยมีเงินในกระเป๋า ไม่ใช่ว่าไม่มี แต่ที่ขาดคือความเชื่อมั่น ทำให้เกิดการชะลอการตัดสินใจซื้อของผู้บริโภค เพราะนักการเมืองทะเลาะกัน ถ้ารัฐบาลมีเสถียรภาพบ้านเมืองสงบ ทุกอย่างก็จะกลับมาดีเอง ขอเพียงรัฐบาลอย่าเป็นตัวถ่วงเท่านั้น อะไรที่ต้องสานต่อก็สานต่อไปโดยเร็ว เพราะก่อนหน้านั้น ประเทศชาติเสียหายมามากแล้วจากการทะเลาะกันของนักการเมือง เช่น โครงการขนาดใหญ่และระบบสาธารณูปโภคต่างๆ ซึ่งเรื่องเหล่านี้จำเป็นต้องสานต่อและเร่งดำเนินการ ที่ผ่านมาการทะเลาะกัน และไม่มีการสานต่องานทำให้เกิดความเสียหายมาก เช่น โครงการเมกะโปรเจกต์ที่ชะลอการดำเนินการ ทำให้ขณะนี้ต้นทุนการก่อสร้างต่างๆ ปรับตัวสูงขึ้นมาก"

ทั้งนี้ หากการก่อสร้างและการลงทุนโครงการขนาดใหญ่ดำเนินการไปอย่างต่อเนื่อง ก็จะช่วยให้เศรษฐกิจกลับมาขยายตัวอีกครั้ง การลงทุนต่างๆ ก็จะกลับมาขยายตัวด้วย ซึ่งการลงทุนดังกล่าวจะก่อให้เกิดทำเลใหม่ๆ และการเติบโตของตลาดที่อยู่อาศัย รวมถึงพื้นที่พาณิชย์ต่างๆ ก็จะเกิดขึ้น ดังนั้นเมื่อเกิดการลงทุนการขยายตัวของธุรกิจก็จะตามมาเอง โดยที่รัฐบาลไม่ต้องเข้ามาช่วยเหลืออะไร เพียงแต่สร้างให้เกิดความเสถียรภาพในรัฐบาลเท่านั้น ก็จะช่วยได้มากแล้ว

สำหรับกรณีที่พรรคไหนหรือใครจะมาเป็นนายกรัฐมนตรีนั้น โดยส่วนตัวแล้วไม่สนใจว่าใครจะมาก ขอเพียงเข้ามาแล้วขยันทำงาน กระตุ้นทุกอย่างให้เดินหน้าไป เพื่อเรียกความเชื่อมั่นกลับมา หากเข้ามาแล้วไม่ทำงาน และอ้างว่างบประมาณไม่มีก็จบ เพราะความจริงแล้วเรื่องการอนุมัติงบประมาณนั้นจบไปตั้งแต่เดือน ต.ค.ที่ผ่านมาแล้ว หากยังอ้างว่ารองบประมาณใหม่ก็จะไม่ช่วยอะไรให้ดีขึ้น

"จะมัวแต่รองบประมาณใหม่ก็ถือว่าไม่ได้เข้ามาสร้างอะไรให้ประเทศชาติเลย และยิ่งหากเข้ามาแล้วจะมุ่งแต่แก้กฎหมายช่วยเหลือพรรคพวก หรือช่วยเหลือใครคนใดคนหนึ่ง หลังจากออกกฎหมายแล้วใหม่แล้วก็ล้มกระดานเลือกตั้งใหม่ก็ยิ่งทำให้สิ้นเปลืองงบประมาณประเทศ ซึ่งจะทำให้เสียงบประมาณฟรี"

ทั้งนี้ หวังว่าใครที่เข้ามาเป็นรัฐบาลชุดใหม่ ก็จะเข้ามาแก้ปัญหา เพราะภาวะในประเทศจะแย่อยู่แล้ว ยิ่งในปีหน้าปัญหาหรือปัจจัยจากภายนอกที่ก่อตัวใหม่กำลังจะเข้ามากระทบอีกจำนวนมาก ไม่ว่าจะเป็นภาวะราคาน้ำมัน ภาวะปัญหาในสหรัฐอเมริกา ที่จะส่งผลกระทบไปทั่วโลกรวมถึงประเทศไทยด้วย

สานต่อโครงการขนาดใหญ่

นายอิสระ บุญยัง กรรมการผู้จัดการ บริษัท กานดา พร็อพเพอร์ตี้ จำกัด ในฐานะอุปนายกสมาคมบ้านจัดสรร กล่าวว่า ในช่วงที่ผ่านมา ไม่ว่าพรรคไหนที่เข้ามาเป็นรัฐบาลก็ไม่มีความแตกต่าง ดังนั้น สำหรับรัฐบาลชุดใหม่ที่จะเข้ามานั้นจะเป็นพรรคไหนก็ได้ แต่ขอให้เข้ามาแล้วทำงานอย่างจริงจังและสานต่องานเดิมที่ยังคงค้างอยู่ และรัฐบาลแต่ละชุดเองที่เข้ามาต่างก็เป็นไปตามวงจรทางการเมือง ดังนั้น ไม่ว่ารัฐบาลชุดไหนเข้ามาก็ขอเพียงให้สร้างเสถียรภาพ และไม่ความรุนแรงเกิดขึ้นก็พอ

ส่วนความต้องการที่เป็นรูปธรรมทางเศรษฐกิจนั้น เชื่อว่าไม่ได้ทุกพรรคที่เสนอตัวเข้ามาครั้งนี้ ต่างก็ไม่มีพรรคใดที่จะปฏิเสธการสานต่องานลงทุนก่อสร้างระบบโครงสร้างพื้นฐานและระบบสาธารณูปโภค ซึ่งหากมีการเข้ามาสานต่อกันทุกพรรค จะช่วยสร้างความเชื่อมั่นใจแก่นักลงทุนและผู้บริโภคได้ ส่วนความมีเสถียรภาพทางการเมืองนั้นหากมีความเป็นไปได้ก็จะช่วยฟื้นความเชื่อมั่นของตลาดกลับมาได้

"ทั้งนี้ ไม่ว่าจะเป็นพรรคประชาธิปัตย์ หรือพรรคพลังประชาชนที่จะเข้ามาเป็นรัฐบาล เชื่อว่าไม่มีความแตกต่างจะต่างกันก็ตรงที่ หากพรรคประชาธิปัตย์เข้ามาก็จะทำให้มีรัฐบาลผสมหลายพรรครวมกันหน่อย แต่ถ้าเป็นพรรคพลังประชาชนเข้ามาเป็นรัฐบาลก็จะทำให้พรรคร่วมรัฐบาลน้อยหน่อย เพราะหากเป็นไปตามที่หลายฝ่ายคาดการคือ พรรคพลังประชาชนได้เสียงข้างมาก"

แต่อย่างไรก็ตามแม้ว่ารัฐบาลใหม่จะเป็นรัฐบาลผสม แต่ก็จะช่วยสร้างความเชื่อมั่นให้เกิดขึ้นแน่นอน ไม่ว่าจะเป็นทั้งด้านการเมืองและเศรษฐกิจ การลงทุน ในขณะที่รัฐบาลที่เข้ามาใหม่นั้น เชื่อว่าทุกพรรคต่างก็ผ่านปัญหากันมามากแล้ว ดังนั้นรัฐบาลใหม่ควรเน้นในเรื่องการสร้างความสมานฉันท์มากกว่าจะเข้ามาทะเลาะกัน   




 








upcoming issue

จากโต๊ะบรรณาธิการ
past issue
reader's guide


 



home | today's news | magazine | columnist | photo galleries | book & idea
resources | correspondent | advertise with us | contact us