ซีอาร์ซี โกอินเตอร์แล้ว หลังศึกษานาน 2 ปี ประเดิม จีน วางแผนยาว 10 ปี ผุดห้างเซ็นทรัล 40 สาขา ใน 3 พื้นที่หลัก นำร่องทุ่ม 500 ล้านบาท ผุดห้างเซ็นทรัลที่ศูนย์การค้ามิกซ์ซี ในหางโจว เซ็นสัญญาเช่า 20 ปี คาด 4 ปีคืนทุน
นายทศ จิราธิวัฒน์ กรรมการผู้จัดการ บริษัท เซ็นทรัล รีเทล คอร์ปอเรชั่น จำกัด หรือ ซีอาร์ซี เปิดเผยว่า ซีอาร์ซีมีแผนลงทุนเปิดห้างสรรพสินค้าเซ็นทรัลในประเทศจีน โดยตามแผนระยะยาวในช่วง 10 ปีจากนี้ จะลงทุนเปิดห้างสรรพสินค้าเซ็นทรัล ประมาณ 40 สาขา โดยให้ความสำคัญกับพื้นที่หลัก 3 โซนคือ 1.โซนเมืองหางโจว เซี่ยงไฮ้ 2.โซนรอบกวางเจา ฮ่องกง เสิ่นเจิ้น 3.โซนทางเหนือ คือ ปักกิ่ง เทียนจิน เสิ่นหยาง ต้าเหลียน
โดยซีอาร์ซีได้ตั้งทีมงานขึ้นมาเพื่อรับผิดชอบตลาดจีนโดยเฉพาะ ทั้งฝ่ายปฎิบัติการ ฝ่ายบริหารสินค้า โดยมี นางสาวพรชนก ตันสกุล ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการใหญ่อาวุโสฝ่ายกลยุทธ์องค์กรและพัฒนา บริหารและดูแลทีมงาน โดยมีนาย กัว ถิง ฟาง ชาวจีนที่มีประสบการณ์ค้าปลีกเป็นกรรมการผู้จัดการ ส่วนทีมบริหารไทยนำทีมโดยนายพลภัทร อัครปรีดี ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการใหญ่ Chief Representative และนายไท จิราธิวัฒน์ ผู้อำนวยการฝ่าย Chief Representative
ทั้งนี้แนวทางการลงทุนจะเปิดกว้าง ทั้งการพัฒนาพื้นที่ขึ้นมาเอง, การเปิดในโครงการที่นักลงทุนท้องถิ่นพัฒนาอยู่แล้ว, การเทคโอเวอร์โครงการเก่าและใหม่, การร่วมทุน โดยใช้ตัวห้างสรรพสินค้าเป็นตัวนำ พร้อมกับนำบิสซิเนสยูนิตในเครือไปเปิดบริการด้วย
สำหรับโครงการลงทุนห้างสรรพสินค้าเซ็นทรัลแห่งแรกในจีนนั้น ล่าสุดได้เซ็นสัญญาเช่าที่ดินไปเรียบร้อยแล้วเมื่อเดือนที่แล้วที่ฮ่องกง กับโครงการ มิกซ์ซี ซึ่งเป็นโครงการร่วมทุนระหว่าง 2 กลุ่มใหญ่ประกอบด้วย กลุ่มไชน่ารีสอร์ท (จีน) และกลุ่มซันฮังไค่ (ฮ่องกง) ซึ่งทั้ง 2 กลุ่มนี้ถือเป็นกลุ่มทุนพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ ค้าปลีกรายใหญ่ มีโครงการมากมาย ทั้งในจีน ฮ่องกง และไทย
โดยโครงการศูนย์การค้ามิกซ์ซี ตั้งอยู่ในเมืองหางโจว มีพื้นที่รวมมากกว่า 240,000 ตารางเมตร สูง 9 ชั้น ริมแม่น้ำเฉียงถางในใจกลางเขตธุรกิจหางโจว ประกอบด้วยศูนย์การค้า โรงแรมแกรนด์ไฮแอท อาคารสำนักงาน อพาร์ทเมนท์ โรงภาพยนตร์ ลานสเก็ต ซูเปอร์มาร์เก็ต ลงทุนมากกว่า 5 พันล้านเหรียญฮ่องกง
นายทศกล่าวว่า สำหรับซีอาร์ซีได้ลงทุนในส่วนของห้างสรรพสินค้าเซ็นทรัล มูลค่ากว่า 500 ล้านบาท โดยใช้เงินลงทุนหมุนเวียนของบริษัทฯ มีพื้นที่ห้างประมาณ 23,000 ตารางเมตร จำนวน 4 ชั้น ภายใต้การเช่าพื้นที่นาน 20 ปี และจะมีบิสซิเนสยูนิตเปิดด้วยเช่น บีทูเอส ซูเปอร์สปอร์ต เพาเวอร์บาย รวมทั้งนำสินค้าเอ็กซ์คลูซีฟแบรนด์ไปจำหน่ายด้วยเช่น Defry01, B+Basic เป็นต้น รวมทั้งบริษัทคู่ค้าคนไทยกว่า 4,000 รายที่จะมีโอกาสไปเปิดตลาดที่จีนได้ด้วย
“สาเหตุที่เราเลือกที่หางโจวก่อนเพราะเป็นเมืองที่มีศักยภาพ มีประชากรมากกว่า 48 ล้านคน เป็นเมืองหลวงของมณฑลเจ้อเจียง เป็นเมืองที่มีเศรษฐฐีอยู่มาก ถือเป็นเมืองอันดับที่ 6 ของจีน รองจาก เสิ่นเจิ้น เซี่ยงไฮ้ ปักกิ่ง กวางเจา มียอดขายด้านรีเทลอันดับ 8 ของจีน มีนักท่องเที่ยวมาเที่ยวมากกว่า 30 ล้านคนต่อปี และในเมืองนี้มีห้างสรรพสินค้าอยู่ 4 แห่งเป็นของท้องถิ่นทั้งหมด แต่ของเรามั่นใจว่าจะเป็นห้างสรรพสินค้าระดับพรีเมียมที่สู้เขาได้แน่นอน” นายทศกล่าว
การลงทุนเปิดสาขาแรกครั้งนี้ ตั้งเป้าหมายมีรายได้ประมาณมากกว่า 3,000 ล้านบาทต่อปี โดยคาดว่าจะคืนทุนได้ประมาณ 4 ปี ซึ่งคาดว่าจะเปิดได้ในช่วงไตรมาสที่สาม ปี 2552
ขณะเดียวกันแผนงานในช่วง 3 ปีจากนี้หลังจากที่เปิดห้างเซ็นทรัลสาขาแรกแล้ว วางแผนที่จะเปิดอีกอย่างต่ำปีละ 1 สาขา ซึ่งที่ผ่านมาก็ได้มีการเจรจากับพันธมิตรเดิม 2 กลุ่มทุนนี้เช่นกัน ส่นวมูลค่าการลงทุนนั้นขึ้นอยู่กับรูปแบบที่จะลงทุน เช่น ถ้าหากเปิดห้างในศูนย์การค้าของผู้ลงทุนอื่น ก็อาจจะลงทุนประมาณ 500 ล้านบาทใกล้เคียงกัน
หากการลงทุนเป็นไปตามแผนงาน 40 สาขา ใน 10 ปีนี้ คาดว่า สัดส่วนรายได้ที่มาจากต่างประเทศโดยเฉพาะประเทศจีนนี้จะมีมากกว่ารายได้จากในประเทศ ซึ่งปีนี้บริษัทฯตั้งเป้าหมายรายได้รวมไว้ที่ 74,000 ล้านบาท เติบโตประมาณ 8%
สำหรับแผนการลงทุนในประเทศอื่นนั้น นายทศกล่าวว่า บริษัทฯก็มองไปด้วย ไม่ได้ปิดกั้นโอกาส แต่ตอนนี้คงโฟกัสที่จีนมากเป็นพิเศษ หลังจากที่ศึกษามานาน 2 ปี ซึ่งก่อนนี้ตอนแรกที่เริ่มศึกษา เราวางไพรออริตี้ (Priority) ไว้เหมือนกันว่าที่ใดก่อน แต่ตอนนี้เราไม่ทำแบบนั้นแล้ว แต่จะดูที่โอกาสและความเป็นไปได้ ถ้ามีโอกาสมีพื้นที่ก็จะลงทุน
|