นักลงทุนต่างชาติตื่นมติครม.กรณีโอนท่อก๊าซคือให้กระทรวงการคลัง กระหน่ำทิ้ง PTT เพิ่มยอดขายสุทธิ 3 วันแตะหมื่นล้านบาท "ไพบูลย์" ระบุพฤติกรรมฝรั่งจะเปลี่ยนไปจากเดิม เน้นถือลงทุนยาวเป็นการลงทุนระยะสั้นลง เชื่อหลังจากนี้ตลาดหุ้นจะผันผวนหลังสูญเสียความมั่นใจ ขณะที่โบรกฯชี้จับตาสถานการณ์การเมืองหลังกรณีปตท.เริ่มชัดเจน บล.เคจีไอ ระบุการโอนท่อก๊าซคืนให้กระทรวงคลังพร้อมค่าเสียปรับฉุดกำไรปตท.ไตรมาส4 เฉียด 5,000ล้านบาท ชี้กระทบราคาหุ้นแน่แต่ไม่มาก ด้านบล.ยูโอบี เคย์เฮียน ยังแนะนำซื้อเผยราคาหุ้นสะท้อนข่าวร้ายไปหมดแล้ว
ภาวะการลงทุนในตลาดหลักทรัพย์วานนี้ (18 ธ.ค.) ตลอดทั้งวัน ดัชนีเคลื่อนไหวอย่างผันผวนก่อนจะมีแรงซื้อเข้ามา จนส่งผลทำให้สามารถปรับตัวขึ้นไปแดนบวกหลังมติคณะรัฐมนตรี(ครม.)เกี่ยวกับกรณีบมจ.ปตท.ออกมาตามที่มีการคาดการณ์ไว้ก่อนหน้า ขณะที่ในช่วงบ่ายหลังตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย(ตลท.) ปลดเครื่องหมาย SP หุ้น PTT ดัชนีปรับตัวลดลงอย่างรุนแรงก่อนปรับตัวลดลงมาปิดที่ 813.90 จุด ลดลง 3.72 จุด หรือ 0.45% โดยจุดสูงสุดของวันอยู่ที่ 824.62 จุดและจุดต่ำสุดอยู่ที่ 813.36 จุด มูลค่าการซื้อขาย 18,793.04 ล้านบาท
ทั้งนี้ นักลงทุนต่างชาติขายสุทธิ 5,091.35 ล้านบาท นักลงทุนสถาบันซื้อสุทธิ 436.64 ล้านบาท นักลงทุนรายย่อยซื้อสุทธิ 4,654.72 ล้านบาท
นายไพบูลย์ นลินทรางกูร กรรมการผู้จัดการ บริษัทหลักทรัพย์ (บล.)ทิสโก้ จำกัด กล่าวถึงผลกระทบต่อเนื่องจากกรณีคำตัดสินของศาลปกครองกรณีบมจ.ปตท.ว่า จากเรื่องดังกล่าวมุมมองนักลงต่างชาติค่อนข้างเปลี่ยนแปลง เริ่มเกิดความไม่มั่นใจที่จะเข้ามาลงทุนในตลาดหุ้นไทย เนื่องจากกังวลต่อกฎเกณฑ์ในบางเรื่องที่มีการเปลี่ยนแปลงไปมา
ทั้งนี้ จากการสอบถามนักลงทุนต่างชาติพบว่า นักลงทุนต่างประเทศประมาณ 80% เปลี่ยนลักษณะการลงทุนในตลาดหุ้นไทยเป็นการซื้อระยะสั้นลง จากเดิมที่จะเน้นการลงทุนในระยะยาว ซึ่งจากเปลี่ยนแปลงที่เกิดขึ้นจะทำให้ตลาดหุ้นไทยในช่วงต่อจากนี้เคลื่อนไหวอย่างผันผวนมากขึ้น โดยปัจจัยที่นักลงทุนคาดหวังว่าจะเข้ามาช่วยกระตุ้นการลงทุน คือ การเลือกตั้งและการจัดตั้งรัฐบาลเพื่อเข้ามาบริหารประเทศและมาตรการต่างๆที่จะเข้ามาเพื่อเรียกความมั่นใจในตลาดหุ้นมากขึ้น
สำหรับผลกระทบต่อบมจ.ปตท.หลังการพิจารณาของครม.ถือว่า มีผลกระทบน้อยมากต่อปตท.โดยแบ่งผลกระทบออกเป็น 2 ด้าน ประกอบด้วย ผลกระทบที่จะเกิดขึ้นครั้งเดียว เช่น ภาษีการโอนซึ่งคาดว่าจะไม่เกิน 2,000 ล้านบาท โดยจะบันทึกบัญชีในปีนี้ ค่าเช่าท่อที่ค้างจ่าย 6 ปี เฉลี่ยประมาณ 200 ล้านบาทต่อปีก็จะเท่ากับ 1,200 ล้านบาท และเมื่อรวมดอกเบี้ยแล้วก็จะต้องจ่ายค่าเช่ารวมประมาณ 1,500 ล้านบาท ดังนั้น เมื่อรวมกับค่าภาษีในการโอนประมาณ 3,000 ล้านบาท ซึ่งจะมีกระทบต่อมูลค่าทางบัญชีและอัตรากำไรต่อหุ้น(EPS)ประมาณ 1 บาท ส่วนมูลค่าสินทรัพย์ที่จะต้องมีการโอนให้กระทรวงการคลังนั้น15,000 ล้านบาทนั้น จากการสอบถามปตท.นั้นจะไม่มีการบันทึก เพราะสินทรัพย์ดังกล่าวเปรียบเสมือนกับว่าไม่มีสินทรัพย์นี้มาก่อน
อย่างไรก็ตาม ผลกระทบที่มีต่อเนื่องกับปตท.จะเป็นเรื่องค่าเช่าท่อก๊าซจากที่ผ่านมาไม่เสีย เบื้องต้นประเมินว่าหากมีการคิดค่าเช่า 10% หรือ 20% ของค่ารายได้ค่าผ่านท่อก๊าซ ก็จะไม่มีผลกระทบต่อปตท.มากนัก เมื่อเทียบกับกำไรสุทธิต่อปีที่มี 80,000-90,000 ล้านบาท ซึ่งจะทำให้ EPS ปรับตัวลดลงมาไม่ถึง 2 บาทเท่านั้น ซึ่งในแง่ความโปร่งใสนั้นน่าจะมีการบันทึกในงบการเงินของปตท.ในปีนี้จำนวน 3,000 ล้านบาท นั้นถือว่ามีผลดีต่อปตท. เพราะมูลค่าหุ้นของปตท.ลดลงเพียง 1-2 บาทเท่านั้น
นายเอกพิทยา เอี่ยมคงเอก ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการสายวิจัย บล.บีฟิท กล่าวว่า ตลาดหุ้นไทยเคลื่อนไหวในทิศทางเดียวกับตลาดหุ้นอื่นในภูมิภาค แต่ตลาดหุ้นไทยถูกมุ่งประเด็นไปที่กรณีความชัดเจนของบมจ.ปตท. ซึ่งถือว่าเป็นปัจจัยในประเทศ โดยหลังจากนี้จะต้องรอปัจจัยใหม่ๆเข้ามาว่าจะเป็นไปในทิศทางบวกหรือลบ
ทั้งนี้ กรณีบมจ.ปตท.ที่เกิดขึ้นนี้ ถือว่าไม่กระทบต่อปัจจัยพื้นฐานมากนัก เนื่องจากเป็นไปตามที่นักวิเคราะห์มีการประเมินไว้ก่อนหน้านี้ โดยบริษัทคาดว่าผลกระทบจากเรื่องดังกล่าวจะอยู่ที่ประมาณ 5-50 บาท แต่สิ่งที่หลายคนยังไม่สามารถประเมินได้ชัดเจนนัก เช่น ค่าเสียโอกาสในการดำเนินธุรกิจ ปัญหาสังคม รวมถึงผลกระทบจากความไม่มั่นใจของนักลงทุนต่างชาติ
สำหรับแนวโน้มการลงทุนในวันนี้คาดว่า ตลาดหุ้นไทยจะยังแกว่งตัวในกรอบแคบ โดยนักลงทุนจะต้องติดตามประเด็นทางการเมืองว่า จะเกิดการเปลี่ยนแปลงอะไรหรือไม่อย่างไร เนื่องจากถือว่าเป็นเรื่องที่นักลงทุนทั้งในประเทศและต่างประเทศค่อนข้างให้ความสนใจมาโดยตลอด
ตลท.ปลดล็อคเทรดPTT
นายปกรณ์ มาลากุล ณ อยุธยา ประธานกรรมการ ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (ตลท.) กล่าวว่า จากที่ครม.มีมติเรื่องการโอนทรัพย์สินคืนแก่ภาครัฐของปตท.นั้น บัดนี้ตลท.ได้รับแจ้งข้อมูลจากบริษัทเรียบร้อยแล้ว จึงเปิดการซื้อขายหุ้นปตท.เป็นปกติ เพื่อประโยชน์ของผู้ถือหุ้น เนื่องจากผู้ถือหุ้นโดยตรงและทางอ้อมของปตท.มีจำนวนไม่ต่ำกว่า 10 ล้านคน
ในส่วนของราคาหุ้น PTT หลังเปิดการซื้อขายในช่วงบ่ายราคาปรับตัวลดลงมาเปิดที่ 360 บาท ลดลง 8 บาท ก่อนจะมาปิดที่ 358 บาท ลดลง 10 บาท หรือ 2.72% มูลค่าการซื้อขาย 3,652.71 ล้านบาท ขณะที่ BANPU ราคาปรับตัวเพิ่มขึ้นมาปิดที่ 392 บาท เพิ่มขึ้น 6 บาท หรือ 1.55% โดยระหว่างวันปรับตัวเพิ่มขึ้นไปสูงสุดที่ 404 บาท มูลค่าการซื้อขาย 1,606.41 ล้านบาท ด้านหุ้น PTTEP ราคาปิดที่ 148 บาท ลดลง 1 บาท หรือ 0.67% มูลค่าการซื้อขาย 2,791.42 ล้านบาท โดยจากการตรวจสอบในกระดานรายใหญ่พบว่าหุ้น PTT มีการซื้อขายจำนวน 307,500 หุ้น ในราคาเฉลี่ย 360.09 บาท มูลค่ารวม 110.72 ล้านบาท
ปตท.กำไรQ4หาย5,000ล้านบาท
นายอดิศักดิ์ คำมูล ผู้อำนวยการเศรษฐกิจและกลยุทธ์ สถาบันวิจัย บล.เคจีไอ (ประเทศไทย) กล่าวว่า ผลจากการต้องจ่ายค่าปรับในกรณีเช่าท่อส่งก๊าซย้อนหลังเป็นเวลา 5-6 ปีรวมถึงค่าใช้จ่ายกรณีการโอนย้ายสินทรัพย์ที่จะเกิดขึ้นจะส่งผลกระทบต่อกำไรสุทธิของบมจ.ปตท. โดยคาดว่าจะส่งผลกระทบต่อกำไรสุทธิของบริษัทในงวดไตรมาส4/50 ประมาณ 5,000 ล้านบาท ซึ่งคงส่งผลกระทบต่อราคาหุ้นที่ซื้อขายในตลาดหลักทรัพย์
ทั้งนี้ คาดเสียหายทีเกิดขึ้นถือว่าน้อยกว่าที่หลายฝ่ายคาดการณ์ไว้ค่อนข้างมาก ซึ่งจะส่งผลกระทบต่อกำไรสุทธิไม่น่าจะเกิน 5-10% โดยในตามทฤษฎีก็น่าจะส่งผลกระทบต่อราคาหุ้นในระดับที่สอดคล้องกัน
นายโกสินทร์ ศรีไพบูลย์ ผู้อำนวยการอาวุโสฝ่ายวิเคราะห์หลักทรัพย์ บล.ยูโอบี เคย์เฮียน (ประเทศไทย) เปิดเผยว่า จากมติคณะรัฐมนตรีเรื่องการโอนทรัพย์สินบางรายการของปตท.คืนให้กระทรวงการคลังไม่น่าจะส่งผลกระทบต่อฐานะทางการเงินของบริษัทโดยคาดว่าจะกระทบต่อราคาหุ้นไม่เกิน 5 บาทซึ่งทำให้บริษัทยังคงเป้าหมายราคาในปีหน้าอยู่ที่ 444 บาท
ทั้งนี้ หากราคาปรับตัวลดลงมาแตะระดับ 350-354 บาท บริษัทแนะนำให้ซื้อ เพราะในระยะยาวผลประกอบการทั้งกลุ่มในปีหน้ามีแนวโน้มที่ดี รวมถึงความเสียหายที่เกิดขึ้นก็รับรู้ไปหมดไปแล้ว จึงเป็นโอกาสที่จะลงทุนในระยะยาว
นางภรณี ทองเย็น ผู้ช่วยกรรมการผู้อำนวยการ บล.เอเชีย พลัส กล่าวว่า งบล.เอเซียพลัสประเมินว่าการจ่ายค่าเช่าท่อจำนวน 8,800 ล้านบาท จะกระทบต่อมูลค่าหุ้นของปตท.ลดลง 0.65 บาทต่อหุ้น ส่วนค่าใช้จ่ายในการโอนสินทรัพย์นั้นเป็นค่าใช้จ่ายเพียงครั้งเดียว จำนวน 2,000 ล้านบาทนั้น มีผลต่อมูลค่าหุ้นปตท.ลดลง 0.70 บาทต่อหุ้น
ทั้งนี้ หากคิดค่าปรับที่ยังไม่จ่ายค่าเช่า 6 ปี รวมประมาณ 2,000 ล้านบาท มีผลทำให้มูลค่าหุ้นปตท.ลดลง 0.70 บาทในพื้นฐานค่าเช่า 5% มูลค่าหุ้นโดยรวมจะลดลงไป 2 บาท เท่านั้น แต่หากคิดค่าเช่า 10% มูลค่าหุ้นจะลดลง 2.40 บาท จากเดิมที่บริษัทประเมินราคาหุ้นเหมาะสมของปตท.อยู่ที่ 426 บาทต่อหุ้น ซึ่งราคาหุ้นเหมาะสมปตท.ดังกล่าวนั้นถือว่ายังมีโอกาสที่จะปรับตัวเพิ่มขึ้นได้ 16% จึงมองว่าจะสนใจที่จะเข้าลงทุน
นายมนตรี ศรไพศาล ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บล.กิมเอ็ง (ประเทศไทย) กล่าวว่า เดิมบริษัทมองว่าราคาหุ้นปตท.จะลดลง40 บาท แต่จากผลมติครม.นั้น ทำให้ขณะนี้ประเมินผลกระทบต่อราคาหุ้นปตท.เพียง 6 บาท เท่านั้น จึงมองว่าราคาหุ้นเหมาะสมของปตท.จะอยู่ที่ 450 บาทต่อหุ้น
|