ซี.พี.ฯประกาศแผน 5 ปี โกยรายได้ 1 หมื่นล้านบาท ชูโรงบุกตลาดต่างประเทศเรือธงหลัก รับอานิสงส์โลกร้อนยุโรป อเมริกา ธัญพืชขาดแคลน ทุ่ม 1,600 ล้านบาท ผุดโรงงาน 8แห่ง รองรับแผนโกอินเตอร์ ปักธงสร้างแบรนด์แทนรับจ้างผลิต จ่อคิวตั้งทีมการตลาดบูมสินค้าติดตลาด เร่งลดต้นทุน 10-20% รับต้นทุนแป้งสาลีพุ่ง 10% โยกการผลิตโรงงานรอบกรุงเทพผลิตป้อนส่งออกแทน โหนกระแสสุขภาพคลอดสินค้าเบเกอรี่คอนเซปต์สุขภาพปีหน้า ชูเบเกอรี่คาวขยายฐานลูกค้า โชว์ผลประกอบการปีนี้ โต 20% กวาด 4,000 ล้านบาท
นายวิเศษ วิศิษฏ์วิญญู รองกรรมการผู้จัดการอาวุโส บริษัท ซี.พี.ค้าปลีกและการตลาด จำกัด ผู้ผลิตและจัดจำหน่ายผลิตภัณฑ์อาหารพร้อมรับประทานและผลิตภัณฑ์เบเกอรี่ เปิดเผยว่า แผนการดำเนินธุรกิจใน 5 ปี ข้างหน้านี้ หรือระหว่างปี 2551-2555บริษัทวางเป้าหมายผลประกอบการ 10,000ล้านบาท หรือมีอัตราการเติบโต 20-25%ทุกปี โดยการเติบโตจะมาจากการมุ่งเน้นขยายตลาดต่างประเทศเป็นหลัก เนื่องจากเป็นตลาดที่มีศักยภาพและมีอัตราการเติบโตสูงแม้ว่าค่าเงินบาทยังแข็งค่าก็ตาม แต่เนื่องจากผลพวงภาวะโลกร้อนทำให้ในยุโรปและอเมริกาขาดแคลนสินค้ากลุ่มธัญพืช ทั้งนี้บริษัทตั้งเป้าหมายสัดส่วนรายได้จากต่างประเทศเพิ่มจาก 30% หรือ 1,100 - 1,200 ล้านบาท เป็น 50% หรือ 5,000ล้านบาทใน 5 ปี ส่วนรายได้ภายในประเทศ 70% เหลือเป็น 50%
บริษัททุ่มงบ 1,6ooล้านบาท สร้างโรงงานใหม่ 8แห่ง ภายใน 5 ปี จากปัจจุบันมีทั้งหมด 6 แห่ง ทั้งนี้การขยายโรงงานใหม่เพื่อรองรับการขยายตลาดต่าง ประเทศ แบ่งเป็น โรงงานรอบกรุงเทพฯ 3 แห่ง และโรงงานในภูมิภาค 5 แห่ง ได้แก่ ภาคตะวันออกเฉียง 2 แห่ง ที่ จ.อุบลราชธานี และจ.นครราชสีมา ในขณะโรงงานเดิมอยู่จ.ขอนแก่น ส่วนภาคใต้จะตั้งโรงงานเพิ่มทางตอนบน ที่ จ.สุราษฎร์ธานี จากเดิมมีอยู่ที่หาดใหญ่ซึ่งเป็นภาคใต้ตอนล่าง เป็นต้น ทั้งนี้บริษัทจะนำกำลังการผลิตโรงงานในรอบกรุงเทพฯส่งออก ส่วนโรงงานในภูมิภาคผลิตเพื่อป้อนตลาดต่างจังหวัด ซึ่งคาดว่าแผนดังกล่าวจะช่วยลดต้นทุน 10-20% จากขณะนี้ต้นทุนการผลิตโดยเฉพาะแป้งสาลีปรับเพิ่มขึ้น 10%
สำหรับแผนขยายตลาดต่างประเทศ บริษัทจะเน้นการสร้างแบรนด์สินค้าของตัวเองมากขึ้น จากปัจจุบันการส่งออกส่วนใหญ่เป็นการรับจ้างผลิตสัดส่วน 90% และแบรนด์ของซีพี 10% โดยภายใน 5ปี สัดส่วนจะเพิ่มเป็น 50% และการรับจ้างผลิต 50% ซึ่งบริษัทจะพิจารณาจัดตั้งทีมการตลาดในประเทศที่เหมาะสม เพื่อสร้างแบรนด์สินค้าของกลุ่มซีพีในเชิงรุก นอกจากนี้ยังเน้นการพัฒนาสินค้าร่วมกับคู่ค้าพันธมิตร เพื่อขยายฐานลูกค้าในเอเชีย ยุโรป อเมริกา ออสเตรเลีย และเปิดตลาดใหม่ในรัสเซีย และยุโรปตอนบน จากที่ผ่านมารายได้หลักจะมาจากประเทศอังกฤษ จากการส่งออกอาหารไทยพร้อมทานเดลี่ ไทย เป็นต้น
"การแข่งขันด้านการส่งออกในตลาดต่างประเทศ คู่แข่งสำคัญ ได้แก่ ประเทศเวียดนาม อินโดนีเซีย และมาเลเซีย ซึ่งเมื่อเทียบกับประเทศไทย มีความโดดเด่นทางด้านวัตถุดิบและการผลิตที่มีคุณภาพ ตลอดจนค่าจ้างแรงงานที่ถูก สำหรับซีพีแรม มีจุดแข็งคุณภาพอาหารที่สะอาด ปลอดภัย "นายวิเศษ กล่าว
สำหรับนโยบายการทำตลาดภายในประเทศ จะไม่มุ่งเน้นกลยุทธ์ราคาแต่เน้นการสร้างมูลค่าเพิ่มให้กับผลิตภัณฑ์ โดยไม่มีแผนที่จะปรับราคาสินค้าขึ้น นอกจากนี้บริษัทยังวางแผนลงทุนพัฒนาบุคลากร ไม่ว่าจะเป็น ด้านเทคนิค ด้านบริหารจัดการ เพื่อสร้างผู้นำระดับหน่วยธุรกิจในภูมิภาค สามารถตัดสินใจและบริหารได้อย่างรวดเร็ว ขณะที่ส่วนกลางหรือสำนักงานใหญ่ให้การสนับสนุนหรือบริหารในเชิงนโยบาย
เบเกอรี่-อาหารพร้อมดื่มรุกเต็มสูบปีหน้า
นางรำไพพรรณ พรตรีสัตย์ รองกรรมการผู้จัดการ กิจการเบเกอรี่ บริษัท ซี.พี.ค้าปลีกและการตลาด จำกัด เปิดเผยว่า แผนการตลาดในปีหน้านี้จะมุ่งเน้นพัฒนาสินค้าสแน็ก เบเกอรี่แบบใหม่ๆ ตอบสนองกับกระแสสุขภาพที่มาแรง โดยชูคอนเซปต์โลว์แฟต โลว์ชูการ์ ด้วยการนำน้ำผลไม้มาทดแทนความหวานของน้ำตาลมาใช้ในกลุ่มเบเกอรี่มากขึ้น และหลีกเลี่ยงการใช้น้ำตาล ตลอดจนการนำผลิตภัณฑ์ธัญพืชมาทำเบเกอรี่มากขึ้น อีกทั้งยังพัฒนาเบเกอรี่ภายใต้คอนเซปต์ของคาวขยายฐานลูกค้า จากเดิมภาพลักษณ์เบเกอรี่เป็นรูปแบบของหวาน
สำหรับตลาดเบเกอรี่มูลค่า 10,000 ล้านบาท มีอัตราการเติบโต 18-20% ซึ่งปัจจุบันเบเกอรี่ 3 แบรนด์ ประกอบด้วย เบเกอร์แลนด์ มิสแมรี่ เลอแปง มีส่วนแบ่งรวม 27%จากมูลค่าช่องทางเบเกอรี่โมเดิร์นเทรด 7,000 ล้านบาท โดยจากการดำเนินการตลาดในเชิงรุกปีหน้านี้ บริษัทตั้งเป้ามีผลประกอบการเติบโต 25% จากในปีนี้มีรายได้ 1,300 ล้านบาท มีอัตราการเติบโต 25%
ด้านนายเจริญ แก้วสุกใส รองกรรมการผู้จัดการ กิจการอาหารพร้อมรับประทาน บริษัท ซี.พี.ค้าปลีกและการตลาด จำกัด เปิดเผยว่า บริษัทวางแผนจะพัฒนาผลิตภัณฑ์ออกสู่ตลาดไม่ต่ำกว่า 1 สัปดาห์ ขณะเดียวกันมุ่งศึกษาความต้องการลูกค้าตลอดเวลา เพื่อสร้างนวัตกรรมใหม่ โดยในเร็วๆนี้ จะเปิดตัวไรซ์บอเกอร์ออกสู่ตลาดและในปีหน้าเปิดตัวผักสลัด หรือผักปลอดภัยออกจำหน่ายให้กับศูนย์บริการอาหารหรือโรงแรมต่างๆ โดยปัจจุบันกลุ่มอาหารพร้อมรับประทานมีส่วนแบ่ง 80%
สำหรับผลประกอบการปีนี้ซีพีแรมมีรายได้ 4,000 ล้านบาท มีอัตราการเติบโต 20% แบ่งเป็นรายได้จากเบเกอรี่ 40% และอาหารพร้อมรับประทาน 60% ทั้งนี้ในปีนี้บริษัทมีกำไรคิดเป็น 5%ของรายได้รวม
|