|
Today's News
Cover Story
New & Trend
Indochina Vision
GMS in Law
Mekhong Stream
Special Report
World Monitor
on globalization
Beyond Green
Eco Life
Think Urban
Green Mirror
Green Mind
Green Side
Green Enterprise
Entrepreneurship
SMEs
An Oak by the window
IT
Marketing Click
Money
Entrepreneur
C-through CG
Environment
Investment
Marketing
Corporate Innovation
Strategising Development
Trading Edge
iTech 360°
AEC Focus
Manager Leisure
Life
Order by Jude
The Last page
|
 |
นักลงทุนลุ้นระทึกราคาหุ้นปตท. หลังกลับมาเทรดในตลาดหลักทรัพย์ฯ อีกครั้ง ผสมโรงข่าวเฟดล่อไม่ลดดอกเบี้ยหลังตัวเลขเงินเฟ้อพุ่งฉุดดัชนีตลาดหุ้นทั่วโลก โดยตลาดหุ้นไทยวูบ 19 จุดวอลุ่มเพียง 1.2 หมื่นล้านบาท โดย 2 วันต่างชาติขายแล้ว 5 พันล้านบาท ขณะที่ MCOT โดยกระหน่ำขายหุ้นรูด 11% ห่วงซ้ำรอยปตท. โบรกฯชี้หากพ.ร.บ. กิจการวิทยุกิจการกระจายเสียงฯ ผ่านรายได้หาย 600-700 ล้านบาท
ภาวะการลงทุนในตลาดหลักทรัพย์วานนี้(17 ธ.ค.) ดัชนีปรับตัวลดลงต่อเนื่องตลอดทั้งวันหลังปัจจัยลบจากต่างประเทศโดยเฉพาะการประกาศตัวเลขเงินเฟ้อของสหรัฐฯที่สูงขึ้นอาจจะเป็นปัจจัยที่ทำให้ธนาคารกลางสหรัฐ(เฟด) ไม่สามารถปรับลดอัตราดอกเบี้ยอีกในการประชุมครั้งหน้า ในขณะที่ปัจจัยในประเทศกรณีผลการตัดสินคดีแปรรูปบมจ.ปตท.ซึ่งอยู่ระหว่างการรอมติคณะรัฐมนตรีในการแยกธุรกิจท่อก๊าซ 3 เส้นทางคืนให้รัฐ ทำให้นักลงทุนยังไม่มั่นใจต่อผลกระทบจากเรื่องดังกล่าวโดยดัชนีปรับตัวลดลงอย่างรุนแรงก่อนมาปิดที่ 817.62 จุด ลดลง 18.78 จุด หรือ 2.25% ซึ่งเป็นจุดต่ำสุดของวัน ในขณะที่จุดสูงสุดของวันอยู่ที่ 834.18 จุด ด้วยมูลค่าการซื้อขายเพียง 12,589.47 ล้านบาท
ทั้งนี้นักลงทุนต่างชาติขายสุทธิ 2,230.92 ล้านบาท นักลงทุนสถาบันขายสุทธิ 512.17 ล้านบาท นักลงทุนรายย่อยซื้อสุทธิ 2,743.08 ล้านบาท โดยเพียง 2 วันหลังคำสั่งศาลปกครองมีคำตัดสินคดีปตท.นักลงทุนต่างชาติขายสุทธิแล้ว 4,913.14 ล้านบาท
นายโกสินทร์ ศรีไพบูลย์ ผู้อำนวยการอาวุโสฝ่ายวิเคราะห์หลักทรัพย์บริษัทหลักทรัพย์ (บล.)ยูโอบี เคย์เฮียน (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน)หรือ UOBKH เปิดเผยว่า ดัชนีตลาดหุ้นไทยปรับตัวลดลงตามตลาดหุ้นภูมิภาคหลังจากที่สหรัฐฯประกาศตัวเลขดัชนีผู้บริโภค (CPI) เดือนพฤศจิกายน ปรับตัวเพิ่มขึ้นสูงสุดในรอบ 2 ปี ซึ่งมีผลทำให้นักลงทุนคาดโอกาสที่เฟดจะมีการปรับลดอัตราดอกเบี้ยน้อยลง
นอกจากนี้ ยังมีความกังวลเกี่ยวกับบมจ.ปตท. เรื่องการโอนสินทรัพย์ รวมทั้งการคิดค่าเช่าว่าจะเป็นอย่างไร และจะสามารถเปิดซื้อขายหลักทรัพย์ได้ในวันพุธนี้หรือไม่ โดยบริษัทคาดว่าปตท.จะมีการโอนท่อก๊าซจำนวน 2 เส้น คือ เส้นที่ 1 และ 2 เพราะว่าเป็นการดำเนินการก่อนที่ปตท.จะมีการแปรรูปส่วนเส้นที่ 3 นั้น ได้มีการดำเนินงานหลังจากที่แปรรูปไปแล้ว ซึ่งคิดเป็นมูลค่าประมาณ 4หมื่นล้านบาท ซึ่งจะไม่กระทบต่อมูลค่าทางบัญชีมากนัก โดยคาดว่าจะกระทบต่อราคาหุ้นไม่ถึง 10 บาท
สำหรับแนวโน้มตลาดหุ้นวันนี้ คาดว่าจะมีการแกว่งตัวลดลงเนื่องจากยังไม่มีปัจจัยบวกเข้ามากระตุ้น รวมถึงจะต้องติดตามการประชุมของครม.ในวันนี้กรณีของปตท.และจะเปิดซื้อขายหุ้นได้ในช่วงบ่ายวันนี้หรือไม่ โดยประเมินแนวรับที่ระดับ 808-810 จุด แนวต้านที่ระดับ 825-825 จุด
นายอดิศักดิ์ คำมูล ผู้อำนวยการฝ่ายวิเคราะห์ บล.เคจีไอ (ประเทศไทย) กล่าวว่า นักลงทุนต่างประเทศมีการขายหุ้นในตลาดหุ้นต่างๆทั่วโลก ซึ่งไม่ใช่เฉพาะแต่ตลาดหุ้นในภูมิภาคเอเชีย เนื่องจาก เศรษฐกิจสหรัฐฯที่ยังคงชะลอตัวต่อเนื่องถึงปีหน้า แต่ดัชนีตลาดหุ้นไทยก็มีการปรับตัวลดลง2% ซึ่งต่ำกว่าตลาดหุ้นในภูมิภาค โดยบริษัทเชื่อว่านักลงทุนต่างประเทศจะมีการขายหุ้นออกมาต่อเนื่องตลอดทั้งสัปดาห์ โดยราคาหุ้นพลังงานขณะนี้ซึ่งถือว่าสูงกว่าช่วงเดียวกันปีก่อนถึง 50-60% ทำให้นักลงทุนมีกำไรจากการขายหุ้น โดยบริษัทประเมินแนวรับที่ระดับ 805 จุด แนวต้านที่ระดับ 825 จุด
MCOTโดนทิ้งรูด11%
นายวสันต์ ภัยหลีกลี้ กรรมการผู้อำนวยการใหญ่ บริษัท อสมท จำกัด (มหาชน) หรือ MCOT กล่าวว่า การปรับตัวลดลงอย่างหนักของราคาหุ้นบริษัทเป็นผลมาจากกรณีคำตัดสินคดีแปรรูปบมจ.ปตท. ซึ่งเรื่องดังกล่าวถือว่าเป็นกรณีที่มีความแตกต่างกันโดยเฉพาะกรณีการโอนที่ดินรวมทั้งสินทรัพย์ของเอกชน ซึ่งยืนยันได้ว่ากระบวนการในการเข้าจดทะเบียนของ อสมท เป็นไปอย่างโปร่งใสและถูกต้อง
ทั้งนี้ หากนักลงทุนยังคงกังวลในเรื่องดังกล่าวจนเทขายทำกำไรออกมาถือว่าเป็นเรื่องที่ห้ามไม่ได้โดยถือว่าเป็นเรื่องที่นักลงทุนจะต้องพิจารณาจากข้อมูลให้ครบถ้วน แต่ในฐานะผู้บริหารของบริษัทยังเชื่อว่าหากพิจารณาแนวโน้มผลการดำเนินงานของบริษัทยังถือว่าอยู่ในทิศทางที่ดียังมีโอกาสที่จะเติบโตอีกค่อนข้างมากซึ่งสุดท้ายจะสะท้อนออกมาจากราคาหุ้นที่ซื้อขาย
นายโกสินทร์ ศรีไพบูลย์ ผู้อำนวยการอาวุโส บล.ยูโอบี เคย์เฮียน (ประเทศไทย) กล่าวว่า การปรับตัวลดลงของหุ้น MCOT เนื่องจาก นักลงทุนมีความกังวลเกี่ยวกับการโอนสินทรัพย์ว่าจะเหมือนกรณีปตท.หรือไม่มากเกินไปว่าอสมทแต่บริษัทเชื่อว่าจะไม่เกิดเหตุการณ์ดังกล่าวนอกจากนี้ ยังต้องรอผลการประชุมกรณีร่างพระราชบัญญัติ (พ.ร.บ.) กิจการวิทยุกิจการกระจายเสียง กิจการโทรทัศน์ ซึ่งสภานิติบัญญัติแห่งชาติจะมีการพิจารณาในวันที่ 19 ธันวาคม นี้ โดยหากร่างพ.ร.บ.นี้ผ่านก็จะมีผลทำให้ MCOT ต้องสูญเสียเงินจำนวน 600-700 ล้านบาท ซึ่งจะมีผลกระทบต่อมูลค่าตามบัญชีของ MCOT
บทวิเคราะห์บล.กิมเอ็ง ระบุว่า กระแสข่าวการตรวจสอบการเข้าจดทะเบียนของบมจ.อสมท รวมถึงการพิจารณาร่าง พ.ร.บ.การประกอบกิจการกระจายเสียง และกิจการโทรทัศน์ เป็นปัจจัยลบที่ส่งผลกระทบต่อราคาหุ้น โดยบริษัทเชื่อว่าการพิจารณาพ.ร.บ.ฯดังกล่าวอาจจะส่งผลทำให้บริษัทต้องเสียค่าธรรมเนียมไม่เกิน 5% ของรายได้รวมทั้งอาจจะต้องเสียรายได้ค่าสัมปทานที่ได้รับจาก BEC และ TRUE VISIONS
ทั้งนี้ กรณีการแปรรูปบมจ.อสมท เป็นการดำเนินการที่ถูกต้องตามหลักเกณฑ์จึงไม่น่าจะส่งผลกระทบในเรื่องการเพิกถอนออกจากการเป็นบริษัทจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ แต่อาจจะมีความเสี่ยงที่จะต้องโอนสินทรัพย์บางรายการ เช่น เสาส่งสัญญาณ ห้องส่ง ฯลฯ ให้กับรัฐ และอาจจะต้องเช่ากลับเหมือนกรณีบมจ.ปตท. เราจึงแนะนำหลีกเลี่ยงการลงทุนเพื่อรอประเมินความเสี่ยงอีกครั้ง
ด้านความเคลื่อนไหวราคาหุ้น MCOT วานนี้ (18 ธ.ค.) ราคาปิดที่ 22.80 บาท ลดลง 2.95 บาท หรือ 11.46% มูลค่าการซื้อขาย 207.58 ล้านบาท
|
|
 |
|
|